คำเทศนาเรื่อง การประกาศวันคริสตมาส
ก่อนที่ผมจะแบ่งปันพระวจนะคำของพระเจ้า ให้กับพี่ - น้องได้สดับและรับฟังกันในเช้าวันนี้ ผมก็ต้องถือโอกาสในช่วงตอนต้นนี้ กล่าวกับพี่ - น้องคริสตจักรใจสมานสมุทรสงครามและแขกผู้มีเกียรติที่เคารพรักทุกท่านอย่างเป็นทางการด้วยคำว่า “สุขสันต์วันคริสตมาสและสวัสดีปีใหม่ครับ”
และผมขอบคุณพระเจ้าสำหรับในเช้าวันนี้ ที่ได้มีโอกาสมาแบ่งปันหรือพูดถึงความหมายของวันคริสต์มาสที่ถูกต้อง ให้กับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านได้รับฟังกันอีกครั้งหนึ่ง ( ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐานครับ )
มีแขกผู้มีเกียรติในที่นี้สักกี่ท่านครับ ที่ก่อนหน้าจะมาเชื่อพระเจ้าแล้วคิดว่า
1. วันคริสต์มาสนั้น เป็นวันขึ้นปีใหม่หรือเป็นวันตรุษของพวกฝรั่ง คล้ายๆ กับวันตรุษจีนของพี่ - น้องไทยเชื้อสายจีนหรือตรุษแขกของพวกพี่ - น้องไทยมุสลิม อย่างไง อย่างงั้น 2. วันคริสตมาส นั้นเป็นวันเกิดของซานตาครอส ช่วยยกมือหน่อยได้ไหมครับ
แล้ววันนี้มีพี่น้องกี่ท่านที่ยังคิดอย่างนั้นอยู่มีไหมครับ ?
ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่มีสักท่านเดียวที่คิดอย่างนั้น เพราะถ้าหากมีแขกผู้มีเกียรติท่านใดที่คิดอย่างนั้นหรือเข้าใจอย่างนั้น ผมอยากที่จะบอกกับท่านว่า ท่านกำลังเข้าใจผิด แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะในเช้าวันนี้เราจะมารับรู้และรับทราบถึงความหมายที่ถูกต้องกัน
พี่ - น้องที่รักและแขกผู้มีเกียรติที่เคารพครับ ความหมายของวันคริสตมาสที่ถูกต้อง ได้มีการบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนผ่านทางพระคริสตธรรมคัมภีร์ว่า พระเจ้าแห่งสากลจักรวาล เป็นพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
ไม่เพียงเท่านั้นพี่ - น้องที่รักครับ พระเจ้าองค์นี้ยังเป็นพระเจ้าผู้ทรงสร้างในทุกๆสรรพสิ่งและไม่มีสักสิ่งเดียวที่ไม่ได้มาจากพระองค์ และแน่นอนที่สุดพระเจ้าองค์นี้ทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงสร้าง“ มนุษย์ ” ที่สวย รูปหล่อและหน้าตาดีอย่างพี่ - น้องและผมขึ้นมาด้วย
พี่ - น้องที่รักและแขกผู้มีเกียรติที่เคารพครับ ในการทรงสร้างของพระเจ้าทั้งหมดนั้น พระวจนะของพระเจ้าได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า “ มนุษย์ ” นั้นถือได้ว่าเป็นปฎิมากรรมชั้นยอดหรือเป็นปฏิมากรรมชั้นเลิศของพระเจ้า มนุษย์จึงเปรียบเสมือนดั่งแก้วตาดวงใจของพระเจ้า แก้วตาสำคัญไหมครับและดวงใจของเราล่ะครับสำคัญไหม
ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรเลย ที่พระเจ้าจะทรงรักมนุษย์มากกว่าสิ่งใดๆ ทั้งหมดที่พระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้นมาในโลกนี้
พระวจนะของพระเจ้าในหนังสือปฐมกาล ได้มีบันทึกเอาไว้อย่างนี้ครับว่า พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์คู่แรกขึ้นมา ซึ่งนั่นก็คือ อาดัม กับ เอวา
อาดัมกับเอวา หรือ สามีภรรยา คู่นี้ จึงเปรียบเสมือนกับพ่อ - แม่ของมวลมนุษย์ชาติหรือเปรียบเสมือนกับพ่อ - แม่ของมวลมนุษย์โลก ซึ่งไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากการที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เป็น พ่อของแผ่นดิน หรือ เป็น แม่ของแผ่นดิน ของคนไทยทั้ง 60 กว่าล้านคนหรือเป็นพ่อเป็นแม่ของคนทั้งประเทศ
กลับมาที่อาดัม - เอวา พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อพระเจ้าทรงสร้างอาดัม - เอวา ขึ้นมา พระเจ้าไม่ได้ทรงสร้างเขาขึ้นมาเพื่อให้เขาทั้งสองคนนั้นอยู่เฉยๆ และผมก็คิดว่าคิดว่าในโลกของเราใบนี้ ก็คงจะไม่มีอะไรที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้มันอยู่เฉยๆโดยไม่ต้องมีวัตถุประสงค์อะไรเลย
พี่ - น้องคิดว่ามีอะไรไหมครับ ที่มันถูกสร้างขึ้นมาแล้วให้มันอยู่เฉยๆ โดยไม่มีคุณค่าอะไรเลย ? ผมคิดว่าไม่น่าจะมีนะ แม้กระทั่ง “ จ่าเฉย ” ที่ทำท่ายืนตะเบะอยู่ตามสี่แยกไฟแดงต่างๆ นั้น ก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อไม่ให้คนนั้นเกิดความยำเกรงและไม่ทำผิดกฎจราจร
เช่นเดียวกันพี่ - น้องที่รักครับ เมื่อพระเจ้าทรงสร้างอาดัม - เอวา ขึ้นมา พระเจ้าปรารถนาที่จะให้เขาทั้ง 2 คน นั้นได้มีโอกาสที่จะมีชีวิตทั้งในฝ่ายร่างกายและในฝ่ายจิตวิญญาณที่ใกล้ชิดและติดสนิทกับพระเจ้า
แต่ อาดัม - เอวา กับไม่เชื่อฟังพระเจ้าผู้ทรงสร้างเขาขึ้นมา พี่ - น้องฟังผมพูดให้ดีๆ นะครับ สิ่งที่ผมจะพูดก็คือว่า “ การไม่เชื่อฟังพระเจ้านั้น คือ ความบาป ” ทำให้เขาทั้งสองต้องห่างไกลจากพระเจ้า
ดังนั้นมนุษย์ทุกๆ คนที่เกิดมาจึงเป็นลูกของคนบาป เป็นบาปที่เราไม่ได้กระทำ แต่มนุษย์คู่แรกซึ่งเปรียบเสมือนกับพ่อ - แม่ของมวลมนุษย์โลกหรือมวลมนุษย์ชาตินั้นได้เป็นผู้กระทำ
พูดอย่างนี้พี่ - น้องบางท่านหรือแขกผู้มีเกียรติบางคนอาจจะไม่เข้าใจ ผมใคร่ถือโอกาสนี้ขออนุญาตยกตัวอย่าง เพื่อที่พี่ - น้องจะไดห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น
สมัยก่อนถ้าพ่อ - แม่เป็นคอมมูนิสต์ ลูกที่เกิดมา เค้าก็จะเรียกลูกที่เกิดมานั้นว่าลูกคอมมูนิสต์ หรือ ลูกกบฏ ทั้งๆ ที่ลูกเพิ่งจะเกิดมา
ถ้าพ่อ - แม่เป็นโจร ลูกที่เกิดมา เค้าก็จะพากันเรียกว่า ไอ้ลูกโจร ทั้งๆ ที่ลูกก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
ถ้าพ่อ - แม่เป็นเอดส์ ลูกที่ออกมา เขาก็จะติดเชื้อเอดส์ด้วย ทั้งๆ ที่ลูกก็ไม่ได้ทำผิดหรือไม่ได้ไปส่ำส่อนทางเพศก็ตาม
เช่นเดียวกับมนุษย์เรา เราไม่ได้ทำบาปก็จริงอยู่ แต่มนุษย์คู่แรกของโลกนั้นได้เป็นผู้กระทำ ทำให้สายเลือดบาปนั้นได้ตกทอดแก่เราทั้งหลาย และเชื่อแห่งความบาปนี้เองพี่ - น้องที่รักครับ ที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้านั้น ได้ถูกตัดขาดหรือได้ถูกทำให้แยกออกจากกัน
ดังนั้น มนุษย์จึงมีความประสงค์หรือมีความต้องการ ที่จะกลับมาหาพระเจ้าเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา พระเจ้าจึงให้ธรรมบัญญัติกับมนุษย์เอาไว้ไม่มากไม่มายอะไรเพียงแค่ 10 ประการเท่านั้น เพื่อให้มนุษย์นำไปประพฤติ นำไปปฏิบัติ ทั้งนี้เพื่อที่มนุษย์นั้นจะสามารถกลับไปหาพระเจ้าได้
แต่อย่างไรก็ตามพี่ - น้องที่รักครับ เราพบว่า เพียงแค่ 10 ประการที่พระเจ้าได้ให้กับมนุษย์นั้น ก็ไม่มีมนุษย์สักคนเดียวที่จะไปถึงธรรมบัญัญติหรือไปถึงมาตราฐานของพระเจ้าได้
พี่ - น้องทราบไหมครับว่า ในขบวนการผลิตสินค้านั้นถ้าของไม่ผ่านมาตรฐานของแผนก QC. พี่ - น้องทราบไหมครับว่า เขาจะให้เอาของที่ผลิตออกมานั้นไปทำอะไร ? เขาให้เอาไปทำขยะนะครับ
ในสมัยของพระคัมภีร์เดิมก็เช่นกัน ถ้ามนุษย์เราไปไม่ถึงมาตราฐานของพระเจ้าพระเจ้าซึ่งเป็นพระผู้สร้างก็เอาเราไปเป็นขยะด้วยเช่นกัน และที่ๆพระเจ้าเอาพวกเราไปทำขยะคือที่ไหนพี่น้องทราบไหมครับ ? คือ บึงไฟนรก
ด้วยเหตุนี้นี่เองพี่ - น้องที่รัก มนุษย์จึงคิดและค้นหาวิธีต่างๆ นาๆ ที่จะกลับไปคืนดีกลับพระเจ้า และการทำความดีนั้นก็เป็นวิธีหนึ่ง ที่มนุษย์คิดและเข้าใจเอาเองว่า มันน่าจะกลับไปหาพระเจ้าได้
พี่ - น้องและแขกผู้มีเกียรติฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ให้ดีๆ นะครับ สิ่งที่ผมจะพูดก็คือว่า การทำความดีของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ดี และผมเชื่อว่าเวลานี้พี่ - น้องและแขกผู้มีเกียรติที่นั่งอยู่ในห้องประชุมแห่งนี้โดยส่วนมาก ก็น่าจะเป็นผู้กระทำความดีด้วยเช่นกันและผมสนับสนุนให้เราทุกๆ คนควรที่จะทำความดีนั้นกันต่อไป
แต่คำถามก็คือว่า แล้วความบาปของเราที่ทำกันในแต่ละวันนั้น เราจะเอามันไปกองกันไว้ที่ตรงไหน และถ้าเรากำลังคิดว่าเราทำความดีเพื่อลบล้างความบาป แล้วจะได้กลับไปหาพระเจ้าที่แผ่นดินสวรรค์ได้นั้น ผมคิดว่าเรากำลังคิดผิด เพราะมนุษย์เราไม่รู้คำตอบที่แท้จริงว่า มนุษย์นั้นจะต้องทำความดีกันมากสักเท่าไหร่ เราถึงจะกลับไปหาพระเจ้าบนแผ่นดินสวรรค์ได้ และก็ไม่มีคำสอนใดๆ เลย ที่จะให้ความมั่นใจต่อชีวิตหลังความตายกับเราได้ว่าเมื่อเราได้ตายไปแล้วนั้นเราจะได้กลับไปสู่แผ่นดินสวรรค์
เพื่อให้พี่ - น้องได้เห็นภาพที่ชัดเจนผมขออนุญาตที่จะยกตัวอย่างสักตัวอย่างหนึ่ง เช่น วันนี้เราอยู่กันที่แม่กลอง และถ้าเราจะต้องสร้างถนนส่วนตัวจากแม่กลองเพื่อจะไปที่เชียงใหม่ พี่ - น้องและผมหรือพวกเราเนี่ยแหละ จะต้องใช้เวลาสร้างถนนกันนานสักเท่าไหร่ถึงจะไปเชียงใหม่ได้ แต่ถ้าวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริและดำรัสสั่งให้คณะรัฐบาลของนายก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ทำถนนจาก จ. เชียงใหม่มาที่แม่กลอง อันไหนมันจะง่ายกว่ากันครับพี่ - น้อง ?
แต่องค์พระเยซูคริสต์เจ้า พระเจ้าของเรา ได้ทรงตรัสเอาไว้อย่างชัดเจนและอย่างหนักแน่นมั่นคงว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และพระองค์ทรงเป็นผู้ถือกุญแจแห่งสวรรค์ไม่มีใครที่จะมาถึงพระบิดาของเราได้นอกจากมาทางเรา ที่สำคัญก็คือว่า พระเยซูพูดอย่างนี้มาแล้ว 2000 กับ 9 ปี
คำถามที่น่าสนใจก็คือว่า ในความเชื่อเดิมของพวกเรา ที่เราเชื่อต่อๆ กันมาจากบรรพชนของเราเป็นสิบๆ ปีนั้นน่ะมันมีคำสอนที่ชัดเจนและหนักแน่นมั่นคงอย่างนี้ไหม อันนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์เรานั้นจะต้องใช้สติ ปัญญาในการกลั่นกรอง ใคร่ครวญและพิจารณากันให้ดีๆ เพราะพระในโลกนี้นั้นมีมาก เฉกเช่นเดียวกับคำสอนในโลกนี้ที่มีมากด้วยเช่นกัน
ดังที่กล่าวมาในตอนต้นว่า พระเจ้าทรงรักมนุษย์ เหตุเพราะมนุษย์เป็นปฏิกรรมชั้นยอดของพระเจ้า แต่พระเจ้าทรงเกลียดความบาปที่มนุษย์กระทำ และเพราะความบาปของมนุษย์นั้นเองที่จะนำมนุษย์นั้นไปสู่ความตายและการพิพากษาในบึงไฟนรก
พระเจ้า จึงได้หาทางแก้ไขปัญหาความบาปของมนุษย์ทุกคน โดยการประทานองค์พระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า ผู้ทรงบริสุทธิ์และไม่เคยทำบาป ให้เสด็จลงมาในโลกบังเกิดในสภาพกายมนุษย์ ทรงยอมเป็นแพะรับบาป และตายแทนเราบนไม้กางเขน เพื่อช่วยมนุษย์ซึ่งเป็นคนบาปนั้นให้หลุดพ้นจากกฏจาก “ กฎแห่งกรรม ”หรือ “ กงกรรมกงเกวียน ”จากบรรพชนของเราพระวจนะของพระเจ้าได้กล่าวเอาไว้อย่างชัดเจนว่าผู้ที่เชื่อและวางใจในพระองค์ทุกๆ คนจะไม่ต้องตกอยู่ในสายเลือดของความบาปที่อาดัม - เอวา ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อ - แม่ของมวลมนุษย์โลกได้ทำไว้อีกต่อไป
พี่ - น้องที่รักและแขกผู้มีเกียรติที่เคารพครับ บนไม้กางเขนนั้นองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงสิ้นพระชนม์เพื่อคนบาปอย่างเราทั้งหลาย อย่างไรก็ตามเราขอบคุณพระเจ้าที่พระคริสตธรรมคัมภีร์ซึ่งเป็นหนังสือที่ศักิด์สิทธิ์ ได้มีการบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนว่า แล้ววันที่ 3 พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย และ ประทับอยู่ร่วมกับเหล่าสาวกของพระองค์อีก 40 วัน ก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
ซึ่งนั่นหมายความว่าอะไร ? องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงมีชัยชนะเหนือความตายและพระองค์ยังพระชนม์อยู่ ( อาเมน ) การทรงพระชนม์อยู่ขององค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นผู้เชื่อทุกๆ คนสามารถที่จะสัมผัสได้ และคริสตศาสนิกทั่วโลกทุกๆ คนก็พร้อมที่จะประกาศและเป็นพยานให้กับพระองค์ว่า พระเยซูคริสต์ พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่จริง
และเราสามารถที่จะพบกับพระองค์ได้เสมอ
ด้วยเหตุนี้นี่เองพี่ - น้องที่รัก เป็นเหตุทำให้คริสตศาสนิกทั่วโลกทั้งคาทอลิกและโปรแตสแตนท์ซึ่งมีมากกว่า 3,000 กว่าล้านคนในโลกใบนี้ ได้จัดงานเฉลิมฉลองให้กับพระองค์
ในที่นี้มีพี่ - น้องหรือแขกผู้มีเกียรติคนไหน ที่จะจัดงานวันเกิดให้กับคนที่ตายไปแล้วบ้างมีไหมครับ ? คงไม่มีใช่มั้ยครับ ด้วยเหตุนี้เองพี่ - น้องที่รักและแขกผู้มีเกียรติที่เคารพครับ ในวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกๆ ปี ท่านจะเห็นคริสตชนทั่วโลกร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองคริสตสมภพหรือ จัดงานวันเกิดให้กับองค์พระเยซูคริสต์อย่างสนุกสนาน ร่าเริง ด้วยความชื่นชมยินดีและด้วยความชื่นบาน เพราะว่าพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่
พี่ - น้องที่รักครับ องค์พระองค์เยซูคริสต์เจ้าทรงพระชนม์อยู่มาแล้ว 2000 กับอีก 9 ปี จนถึงวันนี้ เดี๋ยวนี้ เวลานี้และพระองค์จะทรงพระชนม์อยู่ตลอดไป ( อาเมน )
มีหลายคนที่นั่งอยู่ที่นี่ยังไม่ได้รู้จักกับพระเยซู และหลายคนที่อยู่ที่นี่แม้อาจจะรู้จักกับพระเยซูแต่ได้ละทิ้งพระองค์ไป ในเช้าวันนี้ผมอยากจะบอกกับท่านว่า ไม่ว่าท่านจะรู้จักกับพระองค์หรือไม่ก็ตาม และหรือไม่ว่าท่านจะรู้จักกับพระองค์แล้วและได้ละทิ้งพระองค์ไปจะด้วยเหตุผลได้ก็ตาม
ผมอยากจะบอกกับทุกๆ ท่านอย่างสัตย์ซื่อว่า พระเยซูยังทรงรักคุณเสมอ ประการที่สำคัญก็คือ พระเยซูไม่สามารถที่จะหยุดรักคุณได้
ข่าวดีก็คือว่า วันนี้พระเยซูคริสต์ ทรงยืนอยู่ที่ประตูหัวใจของท่านและกำลังเรียกท่านอยู่ในเวลานี้ เพื่อให้ผู้ที่ยังไม่รู้จักกับพระองค์นั้นได้มารู้จักกับพระองค์และผู้ที่ได้รู้จักกับพระองค์แล้วและได้ละทิ้งไปให้กลับมาหาพระองค์
ถ้าวันนี้ มีผู้ใด ผู้หนึ่งที่รู้ตัวว่าเป็นคนบาปและอยากจะพ้นจากกฎแห่งกรรมหรือกงกรรมกงเกวียน ที่สำคัญคือ อยากรู้จักกับพระองค์ ผมอยากจะแนะนำให้ท่านก้มศีรษะและหลับตา แล้วให้ท่านอธิษฐานร่วมกับผมในเวลานี้ แล้วพระเจ้าจะทรงฟังท่าน
และในเช้าวันนี้ ถ้าวันนี้ มีผู้ที่ได้รู้จักกับพระองค์แล้วและท่านได้ละทิ้งจากพระเยซูไป ผมอยากจะแนะนำให้ท่านได้ก้มศีรษะและหลับตาด้วยเช่นกัน แล้วให้ท่านได้อธิษฐานร่วมกับผมในเวลานี้แล้วพระเจ้าจะฟังท่าน
บอกกับพระเจ้าว่าข้าพเจ้าเป็นคนบาป ขอให้พระเยซูคริสต์ไถ่บาปแก่ข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้ายินดีที่จะรับพระองค์ไว้เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า และในเวลานี้ ถ้าหากแขกผู้มีเกียรติท่านใดต้องการที่จะเป็นบุตรของพระเยซู ขอให้ท่านได้ยกมือขึ้น ผมจะนำท่านอธิษฐานในการเป็นบุตรของพระเยซูเป็นการส่วนตัวอีกครั้งหนึ่งในเวลานี้