คำเทศนาเรื่อง การหนุนใจ
ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจาก ยก.4:13-14พระคำของพระเจ้าตรัสว่านี่แนะท่านที่พูดว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองนั้นและจะอยู่ที่นั่นปีหนึ่งและจะค้าขายได้กำไรแต่ว่าท่านไม่รู้เรื่องของวันพรุ่งนี้ชีวิตของท่านเป็นเช่นใดเล่าท่านก็เป็นเช่นหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็หายไป และข้อพระคัมภีร์ที่ผมจะใช้เป็นกุญแจในการแบ่งปันกับพี่ - น้องจะอยู่ในข้อที่ 13ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน
มีเด็กน้อยคนหนึ่ง ซึ่งการเรียนของเขาอ่อนมาก ตั้งแต่อนุบาลเขามักจะสอบได้ที่สุดท้ายของห้องเสมอ ถึงอย่างไรก็ตามคุณพ่อและคุณแม่ของเด็กคนนั้นก็ไม่เคยมองลูกของตนเองในแง่ลบ ในทางตรงกันข้ามเขากับหนุนใจลูกของตนเสมอ
ทุกครั้งที่ผลคะแนนที่ไม่ดีของลูกออกมา คุณพ่อและคุณแม่จะหนุนใจด้วยคำพูดเหล่านี้ว่าไม่เป็นไรลูกคราวหน้าหนูลองใหม่อีกครั้ง ลูกอย่ายอมแพ้ พ่อกับแม่เชื่อว่าลูกทำได้
พี่ - น้องที่รักครับ คุณพ่อและคุณแม่ของเด็กน้อยคนนี้ ได้ใช้เวลาในการหนุนใจลูกของตนเอง ปีแล้ว ปีเล่า คุณพ่อ - คุณแม่ของเด็กน้อยคนนี้ ได้ใช้เวลาในการหนุนใจลูกของตนเอง อย่างไม่ย่อท้อ เมื่อเด็กคนนี้ขึ้นชั้น ป.4 คุณครูได้จัดให้เด็กคนนี้ได้นั่งใกล้กับคนที่เรียนเก่งที่สุดของห้อง และเพื่อนคนนั้นก็มีคุณสมบัติที่พิเศษอย่างหนึ่งนั่นก็คือ เขาเป็นนักให้กำลังใจหรือเป็นนักหนุนใจคนที่ดีมากq
พี่ - น้องที่รักครับ การนั่งติดกับนักเรียนที่เรียนดีคนนั้น ทำให้เด็กน้อยคนนั้นได้รับการหนุนใจเสมอจากเพื่อนที่เรียนเก่ง การหนุนใจที่เด็กคนนี้ได้รับจากคุณพ่อ คุณแม่ อีกทั้งได้รับจากเพื่อนที่นั่งด้วยกันทำให้เด็กคนนี้ กลับกลายเป็นเด็กที่เรียนดีขึ้นอย่างมาก เขากลายเป็นนักเรียนดีเด่นของชั้นคนหนึ่ง และในที่สุดเขาได้รับทุนไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ จนสำเร็จการศึกษาระดับ ป.ตรี และ ป.โท พร้อมกับได้รับเกียรตินิยมอันดับ 1 อีกด้วย
ซึ่งพี่ - น้องจะไม่ลืมนะครับว่า เด็กคนนี้เขาเคยถูกมองว่าเป็นนักเรียนที่ดูเหมือนกับว่า 1)ไม่มีความหวังหรือไม่มีอนาคต ไม่มีค่าอะไรเลย ตรงกันข้ามเขากลับกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จสูงในชีวิต เพราะคำหนุนใจที่ได้รับอย่างต่อเนื่องจากคุณพ่อ คุณแม่และจากเพื่อนที่นั่งด้วย
พี่ - น้องที่รักครับ การหนุนใจเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากสำหรับการดำรงชีวิต และโดยเฉพาะชีวิตคริสเตียนการหนุนใจถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญถ้าหากปราศจากการหนุนใจซึ่งกันและกันแล้ว เราอาจจะดำเนินชีวิตด้วยความย่อท้อและหมดกำลังใจได้
ในทางตรงกันข้ามถ้าเราหนุนใจซึ่งกันและกัน เราจะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงชีวิตคน 2. เราจะเห็นถึงคนใหม่ที่ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ในทางตรงกันข้ามถ้าเราหนุนใจซึ่งกันและกัน ซึ่งนั่นหมายความว่า คำหนุนใจนั้นมีพลัง ให้เราบอกกับคนข้างๆว่า คำหนุนใจนั้นมีพลัง
พลังของคำหนุนใจ 1)ทำให้คนอ่อนแอเข้มแข็งขึ้น 2)ทำให้คนท้อแท้เกิดความกล้าหาญ 3)ทำให้ผู้ที่อ่อนระอาใจนั้นมีความหวัง 4)ทำให้เกิดประกายความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร
ประการที่ 1 ในข้อที่ 13 - 14 เราพบว่าพระคำของพระเจ้าในข้อนี้ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า เราไม่ทราบอะไรเลยเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้ (ให้เราบอกกับคนข้างซ้าย ข้างขวาว่า เราไม่ทราบอะไรเลยเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้)
พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อเราเกิดมาในโลกนี้และครั้นเมื่อเราเป็นเด็ก : เมื่อเราหิว...เราก็กิน เรากินโดยที่เราไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้เราจะมีกินหรือไม่
เมื่อเราเกิดมาในโลกนี้และครั้นเมื่อเราเป็นเด็ก : เราเล่นอย่างเดียว...เราเล่นโดยที่เราไม่รู้ ว่าวันพรุ่งนี้อนาคตของเราจะเป็นอย่างไร
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจใจนั่นก็คือว่า เมื่อเราโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เราอยากจะรู้เรื่องที่เกี่ยวกับวันพรุ่งนี้และอนาคตของตัวเอง
หลายคนอยากรู้มาก1.พวกเขาจึงพากันไปหาหมอดูเพื่อให้ช่วยทำนายโชคชะตา 2.บางคนก็พากันไปหาพวกคนเจ้าเข้าทรงเพื่อที่จะปลอบใจตนเอง 3.บางคนก็ไปหาตู้คอมเพื่อเสี่ยงคู่ทายรัก ที่น่าสมเพทมากที่สุด คือ บางคนถึงขั้นงมงาย และคิดว่านั่นคือวิธีการที่ดีที่สุด
ในขณะเดียวกันผมพบว่า มีคริสเตียนหลายคนที่ได้รับเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าแล้ว เขาก็ยังอยากที่จะรู้เรื่องที่เกี่ยวกับวันพรุ่งนี้ เขายังอยากที่จะรู้เรื่องเกี่ยวกับอนาคต ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดนะครับ
แต่การที่เขาอยากที่จะรู้ แล้วก็พากันจับมือชวนกันพาไปหาหมอดูคนนั้น พากันไปหาหมอดูคนนี้อันนี้เป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย และพระองค์ทรงเกลียดชังเป็นอย่างมาก
คำถามที่น่าสนใจคือว่า เมื่อเราไม่ทราบอะไรเลยถึงวันพรุ่งนี้ แล้ววันนี้มีอะไรที่เราพอทราบบ้าง
วันนี้เรารู้ว่า เราเกิดมาจากพระเจ้า พระองค์ทรงสร้างเรามาจากผงคลีดิน
วันนี้เรารู้ว่า พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เราด้วยชีวิตของพระองค์เราจึงไม่ใช่เจ้าของชีวิตของเราอีกต่อไปแต่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าต่างหากที่เป็นเจ้าชีวิตของเรา
วันนี้เรารู้ว่า พระเจ้าทรงรักเราและรักเรามาก
1ปต.5:7 จงละความกระวนกระวายของท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย ดังนั้นไม่ว่าวันพรุ่งนี้เราจะต้องพบอะไร ไม่ว่าวันพรุ่งนี้เราจะต้องทนทุกข์หรือว่าสุขมากน้อยแค่ไหน พระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งท่านอย่างแน่นอน
สดด.139 :1-4 พระองค์ทรงรู้จักเรา ประจักษ์ความคิดของเรา คุ้นเคยทางทั้งสิ้นของเราและรู้ใจของเรา ดังนั้นไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์เช่นใด พระองค์ทรงรักและทรงห่วงใยพี่-น้องเสมอ
สภษ.16:9 พระองค์ทรงทราบแผนงานของเรา ดังนั้นไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะดีหรือจะร้าย พระองค์จะทรงช่วยเราและนำเรา
มธ.6:2 -27,34 อย่ากระวนกระวายใจ ดังนั้นไม่ว่าวันพรุ่งนี้มันจะเป็นอะไรอย่างไร องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงหนุนใจเรา ให้สบายใจหายห่วง
สดด.121:4 ดูเถิด พระองค์ผู้ทรงอารักขาอิสราเอลจะไม่ทรงหลับสนิทหรือนิทรา
ซึ่งนั่นหมายความว่าอะไร นั่นหมายความว่า พระเจ้าทรงตื่นอยู่เสมอ พระเจ้าไม่ได้หลับ
เมื่อพระเจ้าทรงตื่นอยู่
1) เมื่อพระองค์ทรงเห็นเราลำบากพระองค์จะทรงช่วยเราเหมือนที่พระองค์ทรงช่วยสาวกครั้นเมื่อเขาต้องเผชิญกับพายุ (ลก. 8:2-25 ) อาเมนมั้ย
2) เมื่อพระองค์ทรงเห็นเราโศกเศร้าและเสียใจ พระองค์จะทรงระงับความโศกเศร้าของเรา เหมือนที่พระองค์ได้กระทำแก่หญิงหม้ายที่ นาอิน (ลก.7:13)
สดด. 37 : 5“ จงมอบทางของท่านไว้กับพระเจ้า วางใจในพระองค์ และพระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จ ”
สภษ. 16 : 20 “ และคนที่วางใจในพระเจ้าจะสุขสบาย ”
สภษ. 28 : 25 “ แต่ผู้ที่วางใจในพระเจ้าจะเจริญขึ้น ”
สภษ. 29 : 25 “ แต่บุคคลที่วางใจในพระเจ้าจะปลอดภัย ”
ดังนั้นในเช้าวันนี้ ขอหนุนใจพี่ - น้องที่เราจะวางใจในพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงอยู่กับเราเสมอในทุกสถานการณ์ของชีวิต
เมื่อเราเรียนรู้ที่จะวางใจในพระองค์ 1) เราก็จะรู้จักกับพระองค์มากขึ้น 2) เราก็จะมีประสบการณ์ในการดำเนินชีวิตกับพระองค์มากขึ้น อาเมนไหม ให้เรานมัสการพระเจ้าด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง (บทเพลงพรุ่งนี้ และเชิญชวนให้พี่ - น้องสมาชิก ออกไปหนุนใจกัน)