การเชื่อฟัง

คำเทศนาเรื่อง การเชื่อฟัง

 

ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากพระธรรมยน.5 : 1 - 5 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า“ ผู้ใดเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ ผู้นั้นก็เกิดจากพระเจ้า และผู้ใดรักพระองค์ผู้ทรงให้กำเนิด ผู้นั้นก็รักคนที่เกิดจากพระองค์ด้วย โดยข้อนี้เราจึงรู้ว่าเรารักคนทั้งหลายที่เป็นบุตรของพระเจ้า เมื่อเราทั้งหลายรักพระเจ้า และประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ เพราะนี่แหละเป็นความรักต่อพระเจ้า คือที่เราทั้งหลายประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และบัญญัติของพระองค์นั้นไม่เป็นภาระ เพราะทุกคนที่เกิดจากพระเจ้าก็มีชัยต่อโลก และความเชื่อนี่แหละเป็นชัยชนะที่ชนะโลก ใครเล่าชนะโลกไม่ใช่คนอื่น คือผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้านั่นเอง”และข้อพระคำภีร์ที่จะใช้เป็นกุญแจในการแบ่งปันกับพี่น้องในเช้าวันนี้จะอยู่ในข้อที่ 1และผมจะให้ชื่อเรื่องของ การเชื่อฟัง

พี่น้องที่รักครับ ชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตแห่งความเชื่อ เราต้องเชื่อว่าพระเจ้า พระบิดา เป็นผู้ทรงใช้พระบุตรเพียงพระองค์เดียว ของพระองค์ลงมาในโลกนี้ ด้วยการปฏิสนธิ์โดยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญานบริสุทธิ์ และถือกำเนิดโดยนางมารีย์หญิงพรหมจารีย์   พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่ความบาปของเรา และพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย และเสด็จขึ้นสวรรค์ และขณะนี้ทรงประทับอยู่บนพระหัตถ์ขวาของพระบิดา ทรงเป็นมหาปุโรหิตย์ และเป็นผู้ทูลขอเพื่อเรา เราต้องเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นบุตรนิรันดร์และทรงเป็นพระเจ้า

พี่น้องครับ มีคนเป็นจำนวนมากเชื่อว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ไถ่ ผู้ช่วยให้รอด แต่ก็มีคนเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกันที่ไม่ยอมรับว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับคริสเตียนที่เชื่อพระเจ้าแต่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า

คริสเตียนที่เชื่อพระเจ้า แต่ไม่ยอมเชื่อฟังพระเจ้า คริสเตียนประเภทนี้เค้าจึงเป็นเจ้านายแห่งชีวิตตัวเอง ทำใจตัวเอง มีตัวเองเป็นศูนย์กลาง เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นเราจะพบว่าพี่ - น้องเหล่านี้มีความสับสนกับปัญหาที่เกิดขึ้นขาดสันติสุข ขาดความชื่นชมยินดี เพราะชีวิตฝ่ายจิตวิญญานขาดการเชื่อฟังพระเจ้า

พระคำของพระเจ้าใน 1 ซมอ. 15 :22 ตรัสดังนี้ว่า “พระเจ้าทรงพอพระทัยในเครื่องเผาบูชาและเครื่องสัตว์บูชามาก เท่ากับการที่จะเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์หรือ ดูเถิดที่จะเชื่อฟังก็ดีกว่าเครื่องสัตว์บูชาและซึ่งจะสดับฟังก็ดีกว่าไขมันของบรรดาแกะผู้”

พระคำของพระเจ้าใน 1 ซมอ. 15 :22 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าทรงพอพระทัยการเชื่อฟังมากกว่าการถวายเครื่องบูชาใดๆ

คำถามคือว่า เพราะอะไรพระเจ้าถึงพอพระทัยการเชื่อฟัง ?

คำตอบก็คือว่า การเชื่อฟังพระเจ้าทำให้คริสเตียนผู้นั้นมีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตที่ติดตามพระองค์

            พี่น้องที่รักครับ การเชื่อฟังนั้นมี 2 ความหมาย

ความหมายประการที่ 1 คือ การเชื่อฟังในความหมายของมนุษย์

การเชื่อฟังในความหมายของมนุษย์ หมายถึงท่าทีและความประพฤติที่แสดงออกว่ายอมตามใจบุคคลอีกผู้หนึ่ง ด้วยความยินดี ด้วยความเต็มใจยกตัวอย่างเช่นพ่อ - แม่ พูดกับลูกว่า ลูกช่วยซื้อกับข้าวเข้ามาที่บ้านด้วยน๊ะ เย็นนี้แม่ไม่ทำอาหาร ลูกเชื่อฟัง ยอมทำตามด้วยความยินดี และด้วยความเต็มใจ นี่คือการเชื่อฟังในความหมายของมนุษย์

ความหมายประการที่ 2 คือ การเชื่อฟังในความหมายของพระเจ้า

การเชื่อฟังในความหมายของพระเจ้า หมายถึงท่าทีที่แสดงออกว่า ยอมจำนน ต่อพระเจ้า ด้วยความเต็มใจและประพฤติ ปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับคำสั่งสอนของพระองค์ในพระคำภีร์ การเชื่อฟังพระเจ้า ด้วยการยอมจำนนต่อพระองค์นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก

พระคำของพระเจ้าใน ยน.6 :40 ตรัสดังนี้ว่า “ท่านจะประสบความทุกข์ยาก” คำว่าทุกข์ยากในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าทุกข์ยากเพราะไม่มีกิน ไม่มีดื่ม แต่หมายถึง การทุกข์ยาก ลำบากใจ การไม่มีความสุข

ยกตัวอย่างเช่น คำอุปมาเรื่องทาสที่ไม่ยอมให้อภัย ที่พระเยซูทรงตรัสสอนว่า “เจ็ดคูณด้วยเจ็ดสิบ” เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับผู้ถูกกระทำ แต่ถ้าเราไม่ยอมให้อภัย หรือให้อภัยอย่างมีเงื่อนไข นั่นก็เท่ากับว่าเราไม่ได้ยอมจำนนต่อพระเจ้า การที่เรามีท่าทีที่ไม่ยอมจำนนต่อพระเจ้าก็เท่ากับว่าเราไม่เชื่อฟังพระองค์นั่นเอง

พี่น้องครับ คริสเตียนที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าอย่างยอมจำนนนั้น จะเป็นที่ชื่นชอบของมาร ซาตานเป็นอย่างมาก ภาระกิจของมาร ซาตานคือมาเพื่อลักฆ่าและทำลาย เพราะฉนั้นเมื่อมาร ซาตานมันรู้ว่าเรามีท่าทีที่ไม่ยอมจำนนต่อพระเจ้า มันก็จะมาหาเรา และก็จะพูดกับเราว่า “แค่เชื่อพระเยซูก็ยากพออยู่แล้ว ยังต้องให้ยอมจำนนอีกหรือ” และยิ่งถ้าเราไม่ได้ติดสนิทกับพระเจ้าด้วย มาร ซาตานมันก็ยิ่งที่จะอยากสนิทสนมกับเรามากเป็นพิเศษ

พี่น้องทราบมั้ยครับว่า มาร ซาตานบางตัวนั้นมันมีน้ำใจ กับคริสเตียนที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าอย่างยอมจำนนด้วย มาร ซาตานบางตัวมันก็หิ้วของมาฟากเรา และทำตัวสนิทสนมกับเราและพูดกับเราว่า “อย่าไปเชื่อฟังพระเจ้าจริงจังมากนัก หรือเคร่งครัดเกินไป” และถ้าเราเห็นด้วยกับมันมาร ซาตานมันก็จะแอบข้างหลังเรา , และก็หัวเราะที่เราติดบ่วงของมัน และมันก็จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วก็โทรศัพท์ไปหาเจ้านายของมัน และก็บอกกับเจ้านายของมันว่า มันทำสำเร็จแล้วเพราะว่าคริสเตียนคนนี้มีท่าทีที่ไม่ยอมจำนนต่อพระเจ้า

พี่น้องครับ เราไม่ปรารถนาที่จะให้มาร ซาตานแอบหัวเราะเราข้างหลังใช่มั้ยครับ เช้าวันนี้ให้เราเชื่อฟังพระเจ้าอย่างยอมจำนน ( อาเมน )

การเชื่อฟังพระเจ้ามี 4 ขั้นตอน    

ขั้นตอนที่ 1 เชื่อฟังพระเจ้าโดยการเรียนรู้พระคำของพระเจ้า

3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้าพี่น้องได้เข้าชั้นเรียนกับ อ.เสาวนีย์ ก็จะพบว่า อ.เสาวนีย์ได้ยกข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวกับพระวจนะคำของพระเจ้ามาเรียงร้อยถ้อยคำว่า “พระคำของพระเจ้านั้น เป็นอาหารแห่งชีวิต เป็นชีวิตแก่ผู้กิน เป็นทรัพย์สินทางปัญญา เป็นความก้าวหน้าเจริญวัย เป็นเพลงฟื้นใจให้ชื่นบาน เป็นสายธารชำระใจ เป็นโคมไฟประเสริฐสุด เป็นอาวุธของพระวิญญาน เป็นพลังงานของสาวก เป็นกระจกสะท้อนชีวิต เป็นที่ปรับปรุงดวงจิตให้ดีขึ้น

พระคำของพระเจ้าใน สดด.119 ทั้งหมดพูดถึงพระพรแห่งการเรียนรู้พระวจนะ และใน สดด.119 : 9 เตือนเราที่จะระแวดระวังตามพระวจนะ เช้าวันนี้ให้เราที่จะเชื่อฟังพระเจ้าโดยการเรียนรู้พระคำของพระองค์ ( อาเมน )

ขั้นตอนที่ 2 เชื่อฟังพระเจ้าโดยการพึ่งพาพระองค์

พระคำของพระเจ้าใน สภษ.3 :5 - 6 “อย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง ยอมรับพระเจ้าทุกทาง” ข้าพเจ้ามีเพื่อนผู้รับใช้ท่านหนึ่ง มีใจที่จะไปปลูกคริสตจักรที่ประเทศอินเดีย แต่เมื่อเขาอธิษฐานกับพระเจ้า พระเจ้าตรัสกับเขาที่จะให้ไปที่ประเทศเอธิโอเปีย ในความเป็นมนุษย์เค้าไม่อยากไปที่ประเทศเอธิโอเปีย แต่เมื่อเขาพึ่งพาพระเจ้าและพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำเขาเค้าก็มีใจที่ยินยอมต่อพระเจ้า เพื่อนผู้รับใช้ของผมคนนี้กำลังเข้าโปรแกรมด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับประเทศเอธิโอเปีย อยู่ในขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นด้านภาษาและด้านวัฒนธรรมประเพณี

พระคำของพระเจ้าในหนังสือ เอสเธอร์ 4 : 1 - 17 เราพบว่าพระนางเอสเธอร์รู้สึกเป็นทุกข์พระทัยยิ่งนัก ในการที่จะเข้าไปกราบทูลต่อพระราชาในพระราชวังชั้นใน ตามคำขอร้องของโมรเดคัย ในพระราชวังชั้นในไม่ว่าหญิงหรือชายคนใดเข้าเฝ้าโดยที่พระราชามิได้ทรงเรียก โทษฐานเดียวที่จะได้รับนั่นก็คือการลงโทษให้ถึงตาย พระนางเอสเธอร์พึ่งพาพระเจ้าโดยการอธิษฐานอดอาหารอยู่สามวันสามคืน

พระคำของพระเจ้าในหนังสือ เอสเธอร์ 5:1 บอกกับเราว่า “อยู่มาในวันที่สามพระนางเอสเธอร์ทรงฉลองพระองค์ และประทับยืนที่ในลานชั้นในของพระราชสำนักตรงกันข้ามท้องพระโรงใหญ่ของพระราชา พระราชาประทับบนราชบัลลังค์ ภายในพระราชวังตรงข้ามทางเข้าพระราชวัง เมื่อพระราชาทอดพระเนตรเห็นพระราชินีเอสเธอร์ประทับยืนอยู่ในพระลาน พระนางก็เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ พระองค์จึงทรงยื่นพระคฑาสุวรรณซึ่งอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์แก่พระนางเอสเธอร์ พระนางก็เสด็จเข้ามาแตะยอดพระคฑา พระราชาตรัสกับพระนางว่า “ พระราชินีเอสเธอร์ เรื่องอะไรกัน พระนางต้องการสิ่งใด ก็จะประทานให้แก่พระนางถึงกึ่งราชอาณาจักรของเรา”

พี่ - น้องครับ เมื่อเราพึงพาพระองค์เรื่องยากกับกลายเป็นง่าย เรื่องใหญ่กับกลายเป็นเล็ก เรื่องที่เป็นไปไม่ได้แต่กับเป็นไปได้ ( อาเมน ) เราอย่าพึ่งพาพระเจ้าเหมือนกับกษัตริย์ดาวิดตอนถูกตามฆ่าจากกษัตริย์ซาอูล เราอย่าพึ่งพาพระเจ้าเฉพาะยามที่เรามีปัญหาเท่านั้น

          ขั้นตอนที่ 3เชื่อฟังพระเจ้าโดยทำตามน้ำพระทัยพระองค์

พระคำของพระเจ้าในหนังสือ ฉธบ.26 : 17 ตรัสดังนี้ว่า “ในวันนี้ท่านได้ยอมรับแล้วว่าพระเยโฮวาเป็นพระเจ้าของท่าน และท่านจะดำเนินตามพระมรรคาของพระองค์ และรักษากฏเกณฑ์ พระบัญญัติ และกฏหมายของพระองค์ และจะเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์”

พระคำของพระเจ้าในหนังสือ สดด.40 : 8 ตรัสดังนี้ว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ปิติยินดีที่กระทำตามตามน้ำพระทัยพระองค์ พระธรรมของพระองค์อยู่ในจิตใจของข้าพระองค์”

พี่น้องครับ เมื่อเราอ่านปฐมกาลตั้งแต่ 12 - 25 เราจะพบว่าอับราฮัมนั้นเป็นตัวอย่างที่ดีมากในการเป็นผู้ที่เชื่อฟังและทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า อับราฮัมเชื่อฟังและทำตามน้ำพระทัยพระเจ้าอย่างระมัดระวังทุกขั้นตอน มิใช่ทำแบบขอไปที

พระคำของพระเจ้าในหนังสือหนังสือ ยน.5: 19 ตรัสดังนี้ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า พระบุตรจะกระทำสิ่งใดตามใจไม่ได้ นอกจากที่ได้เห็นพระบิดาทรงกระทำ สิ่งนั้นพระบุตรจึงทรงกระทำด้วย”

พี่น้องที่รักครับ พระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงยอมเชื่อฟังด้วยการทำตามพระทัยพระบิดาของพระองค์ และเราเป็นใครหรือเราเป็นผู้ใดเล่า เราถึงจะไม่เชื่อฟังพระองค์ขอพระเจ้าเมตตาที่เราจะมีท่าทีอย่างเดียวกันกับอับราฮัม ขอพระเจ้าเมตตาที่เราจะมีท่าทีอย่างเดียวกันกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน

ขั้นตอนที่ 4เชื่อฟังพระเจ้าโดยการต่อสู้กับการทดลอง

พระคำของพระเจ้าในหนังสือ 2 ซมอ.11:1- 4 เราพบตัวอย่างที่ไม่ดีของกษัตริย์ดาวิด กษัตริย์ดาวิดได้ล้มลงในความบาป พ่ายแพ้แก่การทดลองเกี่ยวกับเรื่องของนางบัทเชบา

ปฐก.39 : 7 - 18 เราพบตัวอย่างที่ดีจากชีวิตของโยเซพ

39. 10 “แม้นางมาชวนโยเซพวันแล้ววันเล่า โยเซพก็ไม่ยอมนอนกับนางหรืออยู่ด้วยกัน”

39. 12 “นางก็คว้าเสื้อผ้าโยเซพเหนี่ยวรั้งไว้ แล้วพูดว่ามานอนกับฉันเถิด แต่โยเซพทิ้งเสื้อผ้าไว้ในมือนางหนีไปข้างนอก” โยเซพต่อสู้กับการทดลอง

พี่น้องครับ ให้เราเชื่อฟังพระเจ้าโดยการต่อสู้กับการทดลอง เช่นเราจะไม่ทำผิดบาปทางเพศและการล่วงประเวณี , เราจะไม่มีพระอื่น , เราจะไม่พึ่งหมออื่น หรือหมอไสยศาตร์ , เราจะละทิ้งความประพฤติเก่าๆ นิสัยเก่าๆที่ไม่ดี เช่นการนินทา การอิจฉา ความอาฆทตพยาบาท การโอ้อวด การลักเล็ก ขโมยน้อยและอื่นๆ

พี่น้องที่รักครับ เมื่อเราดำเนินชีวิตด้วยการเชื่อฟังพระเจ้าและอยู่ในท่าทีแห่งการยอมจำนนต่อพระองค์ มาร ซาตานมันจะเหงา มันจะทุกข์ยากลำบากใจ เพราะมันไม่มีอะไรที่จะไปรายงานเจ้านายของมัน และเมื่อเจ้านายของมันโทรศัพท์เข้ามา มาร - ซาตานมันก็กลัวเสียงโทรศัพท์นั้นเพราะมันกลัวเจ้านายจะเล่นงานที่ไม่มีผลงาน

สรุปการเชื่อฟังมี 4 ขั้นตอน

1.เชื่อฟังโดยการเรียนรู้พระคำของพระองค์    2.เชื่อฟังโดยการพึ่งพาพระองค์

3.เชื่อฟังโดยการทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า                  4.เชื่อฟังโดยการต่อสู้การทดลอง

การเชื่อฟังอย่างเดียวไม่พอต้องทำตามพระเจ้าด้วย จึงจะเป็นคริสเตียนที่ยอมจำนนต่อพระเจ้าซึ่งจะเป็นผู้ที่ได้รับพระพรจากพระเจ้าให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

Green City