คำเทศนาเรื่อง การมีส่วนกับพระวิญญาณ
ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากพระธรรม ฟป.2:1 “เหตุฉะนั้นถ้าชีวิตในพระคริสต์อำนวยการเร้าใจประการใด ถ้ามีการหนุนใจประการใดในความรัก ถ้ามีส่วนประการใดกับพระวิญญาณ ถ้ามีการรักใคร่เอ็นดูและเห็นอกเห็นใจประการใด” และข้อพระคัมภีร์ที่ผมจะใช้เป็นกุญแจในการแบ่งปันกับพี่น้องในเช้าวันนี้อยู่ตรงคำที่ว่า การมีส่วนกับพระวิญญาณ และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า “การมีส่วนกับพระวิญญาณ” ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
พี่น้องที่รักครับ มีบุคคลหนึ่งได้กล่าวดังนี้ว่า “เมื่อเริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” ไม่ทราบว่าพี่น้องเห็นด้วยไหมครับ ? แต่โดยส่วนตัวขอผมนั้น ผมเห็นด้วย
เพราะมันเปรียบเสมือนการติดกระดุมเม็ดแรก ซึ่งถ้าเราติดกระดุมเม็ดแรกถูกมันก็จะถูกทั้งหมด แต่เมื่อใดก็ตามที่เราติดผิด มันไม่เพียงแต่จะทำให้เราติดกระดุมเม็ดต่อไปผิดทั้งหมด เท่านั้น แต่ผู้คนยังมองดูเราด้วยว่า เราสติดีหรือเปล่าหรือเพี้ยนหรือเปล่า สิ่งที่ผมอยากจะบอกกับพี่น้องและอยากให้พี่น้องได้คิดตามไปด้วยนั่นก็คือว่า ในการเดินกับพระเจ้าโดยเฉพาะนี่เพิ่งเป็นสัปดาห์ที่ 3 ของปี 2559 ถ้าพี่น้องเริ่มต้น
@@ ด้วยความเชื่อที่ถูกต้องพี่น้องก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
## เดินกับพระเจ้าด้วยพระคำของพระเจ้า พี่น้องก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
คำถามก็คือว่า ผ่านปี 2559 มา 2 อาทิตย์แล้วพี่น้องเริ่มต้น
กับพระเจ้าอย่างไร ?
อ.เปาโล ได้เขียนพระธรรมเล่มนี้เพียง 4 บทเท่านั้น เป็นพระธรรมที่สั้น ตรงไปตรงมา เหตุที่ท่าน อ.เปาโลเขียนเอาไว้ 4 บท เพราะพี่น้องในคริสตจักรเมืองฟิลิปปีนั้นประกอบด้วย ผู้รู้ ปราชญ์ ข้าราชการ ผู้ที่มีฐานะและบรรดาเจ้านายต่างๆ อีกทั้งเป็นคริสตจักรทีมีความสารถในการให้
ด้วยเหตุนี้ อ.เปาโล จึงพูดกับพี่น้องในคริสตจักรฟิลิปปีว่า “เหตุฉะนั้นถ้าชีวิตในพระคริสต์อำนวยการเร้าใจท่านประการใดในความรัก” เช่น ถ้าพระวิญญาณเร้าใจให้ท่าน หนุนใจ,รักใคร่เอ็นดู,เห็นอกเห็นใจ,ถวาย ด้วยเหตุนี้ อ.เปาโล จึงบอกกับพี่น้องในคริสตจักรเมืองฟิลิปปีว่า ก็ให้ท่านทำตามนั้นเถิด
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมได้ Post ข้อความถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้า ผ่านการถวายของพี่น้องที่ให้กับคริสตจักรฯและให้กับครอบครัวผมว่ามีใครบ้าง
ผมอยากจะบอกอย่างนี้ครับว่า พี่น้องที่ถวายให้กับคริสตจักรและถวายให้กับครอบครัวผมนั้น แท้จริงแล้วพี่น้องไม่เพียงให้กับมนุษย์เท่านั้น แต่พี่น้องยังได้ให้กับพระเจ้าด้วย และนี่คือการร่วมส่วนกับพระวิญญาณของพระองค์นั่นเอง
คำถามก็คือว่า เราจะมีส่วนกับพระวิญญาณได้อย่างไร ?
ประการที่ 1 ต้องเป็นคริสเตียนที่เติบโต
ถ้าไม่โตให้ได้ไหมครับ ? ให้น้อยมากนอกนั้นมีแต่รับอย่างเดียว
ปีที่ผ่านมาของพี่น้องเป็นอย่างไรครับ ? ให้มากกว่าหรือรับรับมากกว่า มีผู้เชื่อบางคนคิดในทำนองนี้นะครับว่า ฉันไม่เอาของใคร ใครก็อย่ามาเอาของฉันก็แล้วกัน พี่น้องคิดแบบนี้ด้วยไหมครับ ?
คนในสวนมะพร้าวพูดว่า อย่าคั้นกะทิจากมะพร้าวอ่อนเพราะมันโตยังให้กะทิไม่ได้ หมายความว่า ถ้าเขายังเด็ก เขายังไม่มีคุณค่าความสามารถในการหารายได้ เขาก็ยังให้ไม่ได้นั้นก็ถูกต้องแล้ว แต่ที่นั่งกันอยู่ที่นี่โตกันหรือยัง ? ถ้าโตแล้วทำไมถึงร่วมส่วนกับพระวิญญาณไม่ได้
“ทารกหรือเด็กเป็นหุ้นส่วนในทางธุรกิจไม่ได้ฉันใดทารกหรือเด็กฝ่ายวิญญาณและหรือคนที่อ่อนแอในความเชื่อก็จะมีส่วนในพระวิญญาณไม่ได้ฉันนั้น” แต่พวกเขาได้เข้าแผ่นดินสวรรค์ไหมครับ ? แต่บำเหน็จที่เขาจะได้รับในแผ่นดินสวรรค์นั้นก็จะได้รับตามน้ำมือของตน
ดังนั้นเราจะมีส่วนกับพระวิญญาณได้ เราต้องเป็นคริสเตียนที่เติบโตซึ่งคนๆนั้นจะต้องยอมรับการถูกสร้าง เมื่อเติบโตแล้วเขาก็สามารถให้เองได้โดยอัตโนมัติ เหมือนต้นไม้ที่โตแล้วมันจะแตกแขนง ออกดอกออกผลตามฤดูกาลทางธรรมชาติและก็ไม่ใช่ออกดอกออกผลเพื่อตัวเองแต่ให้ผู้อื่น
ฟป.1:3-5 “ข้าพเจ้าระลึกถึงท่านเมื่อใด ข้าพเจ้าก็ขอบพระคุณพระเจ้าทุกครั้งและทุกเวลาที่ข้าพเจ้าอธิษฐานเพื่อท่าน ข้าพเจ้าก็ทูลขอด้วยความยินดีเพราะเหตุที่ท่านทั้งหลายมีส่วนในข่าวประเสริฐด้วยกัน ตั้งแต่วันแรกมาจนกระทั่งบัดนี้”
อ.เปาโล พูดถึงคริสตจักรและผู้เชื่อในเมืองฟิลิปปีว่าเขาได้ให้การสนับสนุนการประกาศข่าวประเสริฐของ อ.เปาโล ตั้งแต่แรก อ.เปาโล จะออกไปรับใช้ที่ไหน คริสตจักรและผู้เชื่อในเมืองฟิลิปปีมีท่าทีอย่างไรครับ ?
อธิษฐานเผื่อ อีกทั้งสนับสนุน ส่งเสริมด้วยการถวายทำให้ อ.เปาโล เคลื่อนงานของพระเจ้าได้อย่างไม่ต้องรู้สึกลำบากใจ ด้วยเหตุนี้พี่น้องไม่ต้องแปลใจว่าทำไม อ.เปาโล อธิษฐานถึงคริสตจักรแห่งนี้แล้ว อ.เปาโล ถึงมีความชื่นชมยินดี
ต่างกับหลายคริสตจักรในเวลานี้ ที่ผู้รับใช้พออธิษฐานเผื่อพี่น้องคริสตจักรแล้วเป็นอย่างไร ? น้ำตาไหล ไหลออกมาด้วยความชื่นชมยินดีหรือด้วยความอะไรครับ.....
ต้องแบกรับชีวิตของพี่น้องในคริสตจักรที่ไม่เติบโตนั้นต่อไป ด้วยเหตุนี้เองจึงมีคำกล่าวคำหนึ่ง กล่าวเอาไว้ดังนี้ว่า “งานของศิษยาภิบาลไม่ต่างอะไรจากงานของสุขาภิบาลนัก”
แต่ถึงกระนั้นเอง ผมก็ขอบคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตของผู้รับใช้หลายๆท่านนะครับ ที่พวกเขาก็พร้อมที่จะแบกรับชีวิตของพี่น้องในคริสตจักรที่ไม่เติบโตนั้นต่อไปด้วยความเต็มใจ
สาเหตุที่คริสตจักรและพี่น้องในเมืองฟิลิปปีนั้นเติบโตเพราะเขายอมให้พระวจนะของพระเจ้าและยอมให้ผู้นำในที่นี้ก็คือ อ.เปาโล สร้างชีวิตเขา ส่งผลให้คริสตจักรและพี่น้องแห่งนี้ต่างมีความสุข
กจ.20:35 “ข้าพเจ้าได้วางแบบอย่างไว้ให้ท่านทุกอย่างแล้ว ให้เห็นว่าโดยทำงานเช่นนี้ควรจะช่วยคนที่มีกำลังน้อย ระลึกถึงพระวาทะของพระเยซูเจ้า ซึ่งพระองค์ตรัสว่า "การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ"
อดีต ปธน. จอห์น เอฟ เคเนดี้ พูดเอาไว้อย่างนี้ครับว่า “อย่าถามว่าประเทศนี้จะให้อะไรแก่ท่าน แต่จงถามว่าท่านจะให้อะไรกับประเทศนี้” นี่เป็นคำพูดของคนที่
1)เป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เป็นผู้ให้ไม่ใช่ผู้ขอ
2)พัฒนาแล้ว คนที่ยังไม่พัฒนาคิดแบบนี้ไม่ได้
คริสเตียนที่เติบโตในพระเยซูคริสต์ต้องคิดว่า
“การให้” ทำให้มีความสุขใจยิ่งกว่าการ “รับ”
หลายคนอยากมี “ความสุข” แต่ไม่ยอม “ให้” แล้วความสุขมันจะเกิดไหมครับ ? เมื่อผิดหลักการของพระเจ้าความสุขจึงไม่เกิดขึ้น
ดังนั้นในปี 2016 นี้ ถ้าพี่น้องต้องการมีชัยไปกว่าครึ่งพี่น้องจะต้องเติบโต เพื่อที่พี่น้องจะมีส่วน 1)กับพระวิญญาณ 2) กับงานของพระเจ้า โดยการเติบโตนั้นพี่น้องจะต้องยอมถูกสร้างใหม่ผ่านทางพระคำของพระเจ้าผ่านทางผู้รับใช้ของพระองค์
เราจะมีส่วนกับพระวิญญาณได้อย่างไร ?
ประการที่ 2 ต้องเข้าส่วนร่วมส่วนในพระราชกิจของพระเจ้า
ฟป.4:14-16 “ถึงกระนั้นก็เป็นความกรุณาของท่าน ที่ได้ร่วมทุกข์กับข้าพเจ้าและพวกท่านชาวฟีลิปปีก็ทราบอยู่แล้วว่า การประกาศข่าวประเสริฐในเวลาเริ่มแรกนั้น มาตอนเมื่อข้าพเจ้าออกไปจากแคว้นมาซิโดเนีย ไม่มีคริสตจักรใดมีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าในรายรับรายจ่ายเลย นอกจากพวกท่านพวกเดียวเท่านั้นถึงแม้เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่เมืองเธสะโลนิกา พวกท่านก็ได้ฝากของมาช่วยหลายครั้งหลายหน
สิ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจให้ชัดเจนนั่นก็คือ คำว่าการมีส่วนร่วมในพระวิญญาณ การมีส่วนร่วมในพระวิญญาณ ไม่ได้หมายความว่า รับคำอธิษฐานเผื่อแล้วเนื้อตัวต้องสั่นหรือต้องล้มและหรือกรีดร้องเสมอไป
ถ้าเนื้อตัวสั่นหรือล้มและหรือกรีดร้องแล้วแต่นิสัยยังไม่เปลี่ยน ความคิดยังไม่เปลี่ยน อะไรๆก็ยังไม่เปลี่ยน อันนั้นเป็นอารมณ์ เป็นความรู้สึกของคนๆนั้น อาจจะกล่าวได้ว่า การสั่นนั้นหรือการล้มนั้นและหรือการกรีดร้องนั้นไม่มีประโยชน์
แถมการสั่นหรือการล้มและหรือการกรีดร้องนั้นอาจทำให้บางคนโดยเฉพาะผู้เชื่อใหม่เข้าใจผิดด้วยว่า พระวิญญาณของพระเจ้านั้นเป็นเหมือนผีมาเข้าสิงคนๆนั้น และนี่เป็นสิ่งที่ผมคอยเตือนพี่น้องที่มีความเชื่อในเรื่องหมายสำคัญและการอัศจรรย์หรือมีความเชื่อในฤทธิ์เดชอยู่เสมอว่า ให้พิสูจน์ชีวิตของคนที่ออกไปรับการเผื่อว่า ภายหลังจากนั้นแล้วชีวิตของคนนั้นๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหนอย่างไร
แต่การมีส่วนในพระราชกิจของพระเจ้าที่ อ.เปาโล ได้เขียนเอาไว้ในฟป.4:14-16 ว่าคริสตจักรและพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปีนั้นได้มีส่วนในพระราชกิจของพระเจ้าได้แก่อะไรบ้างให้เรามาดูด้วยกัน
ประการที่ 2.1 คริสตจักรและพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปีมีส่วนร่วมทุกข์กับ อ.เปาโล แท้ที่จริงแล้ว อ.เปาโล เช้าถึงเย็นท่านทำงานของพระเจ้านะครับ ตกกลางคืนท่านทำงานเพื่อหาเลี้ยงตนเองเพื่อที่ท่านจะไม่ได้เป็นภาระของใคร
และในขณะนั้น อ.เปาโล ก็ออกไปบุกเบิกตั้งคริสตจักรมากมายหลายแห่ง คริสตจักรเมืองโครินทร์แท้ที่จริงเกิดก่อนเมืองฟิลิปปีนะครับ แต่คริสตจักรเมืองโครินทร์ก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในความทุกข์ยากลำบากกับ อ.เปาโล เลย นอกจากคริสตจักรและพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปีเท่านั้นจริงๆ
จากจุดนี้ก็ทำให้เราทราบว่า คริสตจักรและพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปีนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นคริสเตียนที่เติบโตเท่านั้นแต่คริสตจักรและพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปียังมีส่วนในพระราชกิจของพระเจ้าด้วย
ฟป.4:14-16 ที่ อ.เปาโล ได้เขียนเอาไว้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่าคริสตจักรและพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปีนั้นยังมีส่วนในพระราชกิจของพระเจ้าใน
ประการที่ 2.2 คือ มีส่วนในรายรับรายจ่ายของ อ.เปาโล
สิบลดที่พี่น้องถวายผ่านคริสตจักรนั้นถือว่าเป็นพื้นฐานการถวายที่ต่ำที่สุดของคริสเตียน ที่พระเจ้านั้นได้ทรงบัญชาเอาไว้ แต่ถึงกระนั้นก็ตามก็ยังมีคริสเตียนมากมายหลายคนที่ยังโกงสิ่งของที่เป็นของพระเจ้ากันอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งผลที่พวกเขาจะได้รับนั้นเป็นอย่างไรให้เรามาดูจาก
ดนล.12:2 “และคนเป็นอันมากในพวกที่หลับในผงคลีแห่งแผ่นดินโลกจะตื่นขึ้น บ้างก็จะเข้าสู่ชีวิตนิรันดรบ้างก็เข้าสู่ความอับอายและความขายหน้านิรันดร”
แต่ใครก็ตามที่แจ้งเกิดในเรื่องการถวายสิบลดคืนให้กับพระเจ้าความสัตย์ซื่อ อีกทั้งยังมีส่วนในการถวายพิเศษ Ex.การถวายพิเศษเพื่อพระราชกิจของพระเจ้าในการซื้อใบปลิวเพื่อให้คนมาถึงความรอด ถวายพิเศษให้กับพี่น้องในพระกายเดียวกันถวายพิเศษให้กับผู้รับใช้ของพระเจ้า เขาก็จะได้รับพระพรจากพระเจ้าอีกเช่นกัน ซึ่งนั่นหมายความว่า สิบลดก็คือสิบลด ถวายพิเศษก็คือการถวายพิเศษ มันคนละเรื่องเดียวกัน
แต่ขอให้พี่น้องดูพระพรจากการที่เขานั้นได้ถวายสิบลดให้กับพระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อและให้พี่น้องดูพระพรจากการที่เขานั้นได้ถวายพิเศษเพื่อพระราชกิจของพระเจ้าดูสิครับว่าเป็นอย่างไร ?
ดนล.12:3 “และบรรดาคนที่ฉลาดจะส่องแสงเหมือนแสงฟ้า และบรรดาผู้ที่ได้ให้คนเป็นอันมากมาสู่ความชอบธรรมจะส่องแสงเหมือนอย่างดาวเป็นนิตย์นิรันดร”
พระคำของพระเจ้าพูดเอาไว้อย่างชัดเจนว่า สิ่งที่เขาทำนั้นจะรุ่งเรืองดั่งดาวเป็นนิตย์ และนี่เป็นสิ่งที่คริสตจักรและพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปีเลือกที่จะกระทำ และพระเจ้าก็ได้ให้เกียรติในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำโดยให้ อ.เปาโล ได้บันทึกถึงสิ่งที่พวกเขาได้กระทำเอาไว้จนถึงทุกวันนี้ผ่านทางพระคำของพระองค์
พระคำของพระเจ้ายังได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่าคริสตจักรและพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปีนั้นยังมีส่วนในพระราชกิจของพระเจ้าผ่านชีวิตแห่งการรับใช้ของท่าน อ.เปาโล
ในประการที่ 3.3 อยู่ใน ฟป.1:19 “ข้าพเจ้าจะมีความชื่นชมยินดีต่อไปด้วย เพราะข้าพเจ้ารู้ว่า โดยคำอธิษฐานของท่าน และโดยการช่วยเหลือของพระวิญญาณแห่งพระเยซูคริสต์ นี้จะเป็นเหตุให้ข้าพเจ้ารับการช่วยกู้”
พระคำของพระเจ้าใน ฟป.1:19 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่าคริสตจักรและพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปีนั้นยังมีส่วนในการอธิษฐานเผื่อท่าน อ.เปาโล อย่างสัตย์ซื่อด้วย
สิ่งหนึ่งที่ผมไม่รู้จริงๆนั่นก็คือว่า โดยแท้จริงแล้วพี่น้องนั้นได้อธิษฐานเผื่อคริสตจักรแห่งนี้มากน้อยแค่ไหน และผมก็ไม่ทราบจริงๆว่าโดยแท้จริงแล้วพี่น้องอธิษฐานเผื่อศิษยาภิบาลคณะผู้นำมากน้อยแค่ไหน
แต่สิ่งที่ผมรู้นั่นก็คือว่า ผมและคณะผู้นำในคริสตจักรฯแห่งนี้ได้อธิษฐานเผื่อพี่น้องเสมอ ข้อพิสูจน์ที่พี่น้องสามารถจะพิสูจน์ได้นั่นก็คือ
1)พี่น้องสามารถสอบถามได้จากพี่น้องที่รับใช้ร่วมกับผม
2)ถามได้จากปลื้ม - อ.ดา เพราะหลายครั้งก่อนนอนเข้านอนผมพา อ.ดา-น้องปลื้ม อธิษฐานเผื่อพี่น้องอยู่เสมอ ดังนั้นพี่น้องถามได้นะครับโดยเฉพาะน้องปลื้ม เพราะเด็กนั้นใสๆไม่มุสา
และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมรู้นั่นก็คือว่า ผู้รับใช้ก็เป็นเพียงมนุษย์คนๆหนึ่ง ที่มีความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า มีความอ่อนแอ ต้องเผชิญกับอุปสรรคปัญหาเหมือนกับปถุชนคนทั่วไป
ด้วยเหตุนี้พี่น้องจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมพอถึงเวลาหนึ่ง หลายคนถึงขอลาออกจากการเป็น 1)ศิษยาภิบาล 2)ผู้รับใช้พระเจ้า บางคนรับภาระมากเกินไปจน Burn Out ไปเลยก็มีบางคนลาออกแต่ขอมาร่วมรับใช้แบบเป็นอาสาสมัครบางเวลาที่คริสตจักรก็มี
เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใด เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นแล้วในสมัยของเอลียาห์เมื่อถึงวาะหนึ่งที่เขาเผชิญกับแรงกดดันไม่ไหว เอลียาห์ยังอธิษฐานขอกับพระเจ้าว่าอย่างไรพี่น้องจำได้ไหมครับ ? เขาขอให้พระเจ้านั้นรับเขาไปเสียที
แต่พระคำของพระเจ้าในประการที่ 2.1 ได้บอกกับเราว่าคริสตจักรและพี่น้องในเมืองฟิลิปปีนั้นไม่เพียงแต่ร่วมทุกข์กับ อ.เปาโล และในประการที่ 2.2 ได้บอกกับเราว่าคริสตจักรและพี่น้องในเมืองฟิลิปปีนั้นไม่เพียงแต่มีส่วนในรายรับรายจ่ายของ อ.เปาโล และในประการที่ 2.3 ในตอนนี้ยังได้บอกกับเราว่าคริสตจักรและพี่น้องในเมืองฟิลิปปีนั้นยังอธิษฐานเผื่อท่าน อ.เปาโล อย่างสม่ำเสมออีกด้วย
ผมอยากให้พวกเราได้หยุดคิดนิดนึงในสิ่งที่ผมได้แบ่งปันออกไป ผมบอกกับพี่น้องว่าคริสตจักรและพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปีนั้นประกอบไปด้วย ผู้รู้ ปราชญ์ ข้าราชการ ผู้ที่มีฐานะและบรรดาเจ้านายต่างๆ อีกทั้งเป็นคริสตจักรทีมีความสารถในการให้พี่น้องยังจำได้ไหมครับ
เราได้ข้อคิดอะไร จากคริสตจักรและพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปี
คริสตจักรและผู้เชื่อในเมืองฟิลิปปีเป็นคนที่ฐานดี บารมีสูง เป็นคนที่มีการศึกษาสูง แต่พวกเขานั้นยังมีส่วนในการงานของพระเจ้าเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมทุกข์กับ อ.เปาโล การถวายทรัพย์ ทั้งการอธิษฐานเผื่อ
พวกเราล่ะ ฐานดีไหม บารมีเป็นอย่างไร การศึกษามากน้อยเพียงใด ?
เราได้ข้อคิดอะไร จากคริสตจักรและพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปี
พี่น้องคริสตจักรชาวเมืองฟิลิปปีเขาจัดเวลาให้กับพระเจ้าก่อนสิ่งอื่นใดเสมอ
คำถามคือว่า พี่น้องเป็นอย่างพี่น้องคริสตจักรชาวเมืองฟิลิปปีไหมครับ ?
ถ้าเราเห็นพระเจ้ามีค่า เราจะจัดเวลาให้กับพระเจ้า
ไม่จัดเวลาให้ แสดงว่า เราไม่เห็นค่าของพระเจ้า
การที่พี่น้องเอาพระเจ้าไว้ทีหลัง บ่งบอกว่า พระเจ้านั้นไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับท่าน และผู้เชื่อที่เอาพระเจ้าไว้ที่หลัง เขาก็จะเป็นคนที่หลังในการเข้าแผ่นดินของพระเจ้า
ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว พระเจ้าทรงจัดสรรมีเวลาให้กับมนุษย์ทุกคนอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน แต่เราต่างหากที่ส่วนใหญ่แล้วมักจัดเวลาให้กับตัวเอง พอถึงเวลาที่จะมีส่วนในงานของพระเจ้า พวกคริสเตียนส่วนใหญ่ชอบอ้างว่าอย่างไรครับ ?
ไม่ว่าง ไม่มีเวลา ไม่พร้อม ไม่สะดวกและอื่นๆอีกมากมายที่แล้วแต่พวกเราจะอ้าง ซึ่งพี่น้องคริสตจักรชาวเมืองฟิลิปปีเขาไม่อ้างคำพูดอย่างที่พวกเราชอบอ้างกันอยู่ในเวลานี้
ดังนั้นในปี 2016 นี้ถ้าพี่น้องต้องการที่มีชัยไปกว่าครึ่ง พี่น้องควรจัดเวลาให้กับพระเจ้าและมีส่วนในงานของพระองค์อยู่เสมอ
คำถามก็คือว่า เราจะมีส่วนกับพระวิญญาณได้อย่างไร ?
ประการที่ 3 ต้องเป็นลูกที่พระเจ้าโปรดปรานมากไม่ใช่เป็นห่วงมาก
ให้ที่ประชุมอ่าน มธ.3:17 “และนี่แน่ะมีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก"
สิ่งหนึ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือว่า ทุกการตัดสินใจและทุกกระทำของพี่น้องนั้นพระเนตรของพระองค์นั้นทรงเฝ้ามองอยู่
คำถามก็คือว่า เราอยากให้พระองค์นั้นทรงเฝ้ามองดูเราอย่างไร ? เราอยากให้พระองค์ทรงเฝ้ามองดูเราด้วยความเป็นห่วง ทุกข์ใจ หนักใจ หรือชื่นชมยินดีในเรา
พระเจ้าทรงรักทุกคน คนที่ทำให้พระเจ้าเป็นห่วง ทุกข์ใจ หนักใจ พระองค์ก็ทรงรัก แต่ระหว่างคนที่พระเจ้าทรงโปรดกับคนที่พระเจ้าทรงห่วงนั้น พี่น้องต้องถามตัวเองว่าพี่น้องเป็นคนแบบไหน
องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงยอมทุกสิ่งให้กับพระบิดามิใช่หรือ พระองค์ถึงเป็นบุตรที่รักของพระบิดา พระองค์ถึงเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า
สิ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือว่า พระเจ้ารักทุกคนแต่ทรงโปรดปรานทุกคนนั้นไม่เท่ากัน ผู้เชื่อทุกคนรอดและได้ไปสวรรค์อย่างแน่นอน แต่พระเจ้าจะทรงโปรดปรานคนที่มีส่วนในพระราชกิจของพระองค์ ดังนั้นการที่พระเจ้าจะทรงโปรดปรานใครผู้ใดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการยอมให้ของแต่ละคน
ผมขอหนุนใจพี่น้องนะครับว่า เมื่อพี่น้องมีโอกาส ให้พี่น้องได้มีส่วนในงานของพระเจ้า เพราะการที่เราได้รับใช้พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่สูงสุดนั้นถือได้ว่าเป็น 1)เกียรติ 2)ความภาคภูมิใจแต่พี่น้องก็จะต้องเข้าใจการรับใช้ด้วยนะครับ และคนที่มีท่าทีอย่างนี้ล่ะครับ ที่ถือว่าเป็นคนที่มีชัยไปกว่าครึ่งเพราะเขาเป็นคนที่พระเจ้าทรงโปรดปราน
คำถามก็คือว่า เราจะมีส่วนกับพระวิญญาณได้อย่างไร ?
ประการที่ 4 ต้องมีชีวิตที่ผูกพันกับพระวิญญาณ
ใหที่ประชุมอ่าน กจ.20:22 “นี่แน่ะ บัดนี้พระวิญญาณพันผูกข้าพเจ้า จึงจำเป็นจะต้องไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าที่นั่นบ้างเว้นไว้แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงเป็นพยานแก่ข้าพเจ้าในทุกบ้านทุกเมืองว่า เครื่องจำจองและความยากลำบากคอยท่าข้าพเจ้าอยู่แต่ข้าพเจ้ามิได้ถือว่า ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าและประเสริฐสำหรับตัวข้าพเจ้า แต่ในชีวิตของข้าพเจ้าขอทำหน้าที่ให้สำเร็จก็แล้วกัน และทำการปรนนิบัติที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูเจ้า คือที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ ซึ่งสำแดงพระคุณของพระเจ้านั้น”
คริสเตียนเราถือว่าคนในโลกนี้มี 2 โลก
ประเภทที่ 1 คือ คนที่ผูกพันกับโลก
คนพวกนี้จะใช้ชีวิตได้แก่ กิน เที่ยว นอนและสืบพันธุ์ไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์
ประเภทที่ 2 คือ คนที่ผูกพันตัวกับพระเจ้า
การผูกพันตัวกับพระเจ้าหรือดำเนินชีวิตกับพระเจ้านั้นไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องละทิ้งโลกนะครับ ในทางตรงกันข้ามคริสเตียนเรากับยิ่งต้องดูแลรักษาและมีความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ด้วย
การผูกพันตัวกับพระเจ้าหรือการดำเนินชีวิตกับพระเจ้านั้นไม่ได้หมายความว่า เราเจริญทางด้านวัตถุไม่ได้นะครับ เราเจริญด้าน แต่เราจะต้องไม่ตกเป็นทาสของ 1) วัตถุสิ่งของ เกียรติ ลาภยศและคำสรรเสริญ
คนที่ได้พบกับพระเจ้าอย่างแท้จริงเขาจะเปลี่ยนหลักจากเดิมที่เขาเคยผูกพันตัวกับโลกมาผูกกับหลักของพระเจ้า
คำถามก็คือว่า วันนี้พี่น้องผูกอยู่กับหลักประเภทไหน ?
เอโนค เมื่อเขาเอาแกนของชีวิตของเขานั้นมาผูกพันกับพระเจ้า เอโนคเขาไม่ได้ประสบกับความตายเลยพี่น้องที่รัก เพราะพระเจ้าทรงรับเขาไปในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่
อาจจะกล่าวได้ว่า พระเจ้าทรงให้เอโนคข้ามมิติแห่งอนิจจังไปสู่มิติแห่งนิรันดร์หรือเข้าสู่ในแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้าในเวลาเพียงชั่วขณะ
คำถามคือว่า วันนี้แกนชีวิตของพี่น้องผู้พันอยู่กับอะไร ?
ถ้าแกนชีวิตของพี่น้องผูกพันกับโลกปลายทางชีวิตของพี่น้องก็จะแตกต่างจากเอโนคหรือแตกต่างจากผู้เชื่อคนอื่นๆที่เขามีส่วนในพระราชกิจของพระองค์
อ.เปาโล ท่านรู้เป็นอย่างดีว่าในการประกาศข่าวประเสริฐของท่านนั้น ท่านจะต้องเจอกับโซ่ตรวนและความตาย แต่แกนชีวิตที่ อ.เปาโล ได้ผูกพันกับพระวิญญาณนั้นทำให้ อ.เปาโล ไม่ปฎิเสธสิ่งที่พระเจ้าทรงใช้เขา อีกทั้ง อ.เปาโล เข้าใจว่านี่เป็นแผนการณ์ของพระเจ้าที่ทำให้เขานั้นเป็นนักโทษของซีซาร์
ก็เพื่อที่จะให้ อ.เปาโล นั้นได้มีโอกาสประกาศกับคนระดับสูงและประกาศกับผู้คุมในเรือนจำ
คำถามก็คือว่า แผนการของพระเจ้าสำเร็จผ่านชีวิตของท่าน อ.เปาโล ไหมครับ ? แม้ว่า อ.เปาโล จะถูกล่ามโซ่ตรวนอยู่ แต่ข่าวประเสริฐไม่ได้ถูกล่ามตามไปด้วย ท่านได้เป็นพยานถึงข่าวประเสริฐซึ่งสำแดงพระคุณของพระเจ้านั้นให้กับซีซาร์และให้กับคนระดับสูงได้ฟังกัน
คำถามก็คือว่า เราเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้ ? แผนการของพระเจ้าจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเราผูกพันกับพระวิญญาณมากขนาดไหน
ผมบอกกับทีมงานของผมนะครับว่า ปีที่ผ่านมารวมถึงปีนี้เศรษฐกิจไม่ดีนะครับ อีกทั้งเราจะต้องเจออับอะไรๆอีกหลายๆอย่าง รวมถึงพี่น้องของเราหลายคนก็ไม่ได้มีความสัตย์ซื่อในสิบลดของพระเจ้า
ดังนั้นขอให้ทีมงานทุกคนเริ่มต้นในปี 2016 นี้ด้วยการที่เราจะต้องผูกพันกับพระวิญญาณให้มากขึ้น
พระคำของพระเจ้าใน ฟป.4:19 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า“และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งสารพัดที่พวกท่านขาดอยู่นั้น จากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ในพระเยซูคริสต์”
ถ้าเราผูกพันกับพระวิญญาณมากเท่าไหร่สวรรค์ก็จะรับรองชีวิตการงาน การรับใช้ การเรียน ธุรกิจการค้าของเรามากขึ้นเท่านั้น ซึ่งถ้าเราเริ่มต้นอย่างนี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
สรุปพระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้ คือ พี่น้องจะมีส่วนกับพระวิญญาณได้อย่างไร ?
ประการที่ 1 ต้องเป็นคริสเตียนที่เติบโต
ประการที่ 2 ต้องเข้าส่วนร่วมส่วนในพระราชกิจของพระเจ้า
ประการที่ 2.2 มีส่วนร่วมทุกข์กับเปาโล
ประการที่ 2.2 คือ มีส่วนในรายรับรายจ่ายของ อ.เปาโล
ประการที่ 2.3 อธิษฐานเผื่อท่าน อ.เปาโล อย่างสัตย์ซื่อ
ประการที่ 3 ต้องเป็นลูกที่พระเจ้าโปรดปรานมากไม่ใช่เป็นห่วงมาก
ประการที่ 4 ต้องมีชีวิตที่ผูกพันกับพระวิญญาณ