คำเทศนาเรื่อง แกะหาย
ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากพระธรรม มธ.18:10-14 10 "จงระวังให้ดี อย่าดูหมิ่นผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่ง ด้วยเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ทูตสวรรค์ประจำของเขาเฝ้าอยู่เสมอ ต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์11{สำเนาต้นฉบับบางฉบับ เพิ่มข้อ11ว่า "เพราะว่าบุตรมนุษย์ได้เสด็จมา เพื่อช่วยผู้ซึ่งหลงหายไปนั้นให้รอด"}12ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร ถ้าผู้หนึ่งมีแกะอยู่ร้อยตัว ตัวหนึ่งหลงหายไปจากฝูง ผู้นั้นจะไม่ละแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้บนภูเขา แล้วไปเที่ยวหาตัวที่หายนั้นหรือ13เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้นั้นพบแกะตัวที่หาย เขาจะมีความเปรมปรีดิ์ยิ่งกว่าที่มีแกะเก้าสิบเก้าตัว ที่มิได้หลงหายนั้น14อย่างนั้นแหละ พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ไม่ทรงปรารถนาให้ผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่งพินาศไปเลย” และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า “แกะหาย”
พี่น้องทราบไหมครับว่า ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ในภาคพันธสัญญาใหม่นั้น มี 3 สิ่งที่หายไป
สิ่งแรกที่หายไปนั้นคือ เหรียญเงินที่หายไป ใครเคยอ่านคำอุปมานี้บ้างครับ ? คำอุปมาเหรียญเงินที่หายไป นี้หมายถึง คนที่ยังไม่ได้ยินข่าวประเสริฐ คนที่ยังไม่ได้รู้จักกับพระเจ้า ซึ่งเป็นหน้าที่ๆเราจะต้องออกไปหาเหรียญนั้นมาคือออกไปประกาศ
สิ่งที่ 2 ที่หายไปนั้นคือ บุตรน้อยที่หายไป ใครเคยอ่านคำอุปมานี้บ้างครับ ? คำอุปมานี้หมายถึง ผู้รับใช้ของพระเจ้าที่หลงไป ซึ่งในส่วนนี้ตัวเขาเองต้องคิดได้เองและกลับมาหาพระเจ้า อีกส่วนหนึ่งคือการที่พระเจ้านั้นออกติดตามหาเขา และเขากลับมารับใช้ดังเดิม เหมือนกับเหตุการณ์ที่พระคัมภีร์ได้บันทึกเอาไว้ใน ยน.21:15-17
สิ่งที่หายไปประการที่ 3 นั่นคือ “แกะหาย” ใครเคยอ่านคำอุปมานี้บ้างครับ ? ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะเรียนรู้ในรายละเอียดร่วมกันในเช้าวันนี้
พี่น้องที่รักครับพระคำของพระเจ้าในตอนนี้ตรงกับพระคำของพระเจ้าในหนังสือ ลก.15:3-7 เป็นคำอุปมาเรื่องแกะหาย ซึ่งภาษาของพระคัมภีร์เรียกคนเหล่านี้ว่า “พวกอิสราเอลหลงหาย” แต่ในความเข้าใจของพวกเราคำว่า “แกะหาย” ในที่นี้หมายถึง คริสเตียนหรือคนที่เชื่อในพระเจ้าแล้ว แต่เขากับหลงหายไปจากทางของพระเจ้า
ซึ่งไม่ว่าคนๆนั้นเขาจะหลงหายจากทางของพระเจ้าไปด้วยเหตุผลใดก็ตาม พระคำของพระเจ้าในตอนนี้บอกกับเราว่าอย่างไรครับ ? พระคำของพระเจ้าในตอนนี้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า ให้เราไปตามเขากลับมา อีกทั้งให้เรานำผู้เชื่อที่หลงหายคนนั้นกลับคืนสู่สภาพเดิมที่พระเจ้าทรงสร้างเขาขึ้นมาด้วย ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ท้าทาย 1) ผรช. 2) ศิษยาภิบาล 3) พี่เลี้ยงแกะของพระเจ้าเป็นอย่างมากด้วย
จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันใน มธ.18:10-14 เราพบอะไร ?
ประการที่ 1 เราพบความรัก ความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ชาติ
มีคนเคยถามผมดังนี้ว่า อาจารย์ครับ ? ถ้าในโลกนี้มีมนุษย์อยู่เพียงคนเดียวและถ้ามนุษย์คนนั้น เขายังได้ทำความผิดความบาป อีกทั้งยังหลงออกไปจากทางของพระเจ้าอีกด้วย อาจารย์คิดว่าพระบิดาจะยังทรงส่งพระบุตรของพระองค์ลงมาในโลกนี้อยู่ไหมครับ ?
มธ.18:14 “อย่างนั้นแหละ พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ไม่ทรงปรารถนาให้ผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่งพินาศไปเลย” แกะ คือ ภาพของมนุษย์ที่หลงหายไปจากทางของพระเจ้า พระคำของพระเจ้าพูดอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าไม่ปรารถนาที่จะให้แกะสักตัวหนึ่งจะต้องพินาศไป เพราะฉะนั้นแกะหลงไปสักตัวหนึ่งพระองค์ออกตามหาไหมครับ ?
ยรม.31:3 “พระเจ้าทรงปรากฏแก่เขาจากที่ไกล ตรัสว่า 'เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร เพราะฉะนั้นเราจึงมีความรักมั่นคงต่อเจ้าสืบไป” แกะยิ่งหลงเจิ่งไปไกลมากสักเท่าไหร่ พระคำของพระเจ้าพูดอย่างชัดเจนว่า พระองค์ก็ยิ่งสงสารและออกตามหามากเท่านั้น พี่น้องเห็นความรัก ความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ชาติหรือยังครับ ?
งานรับใช้ของผมกับ อ.ดา ในช่วงนี้จะอยู่ที่ 1) การอธิษฐานเผื่องานบุกเบิกและการอธิษฐานเผื่อคนเจ็บป่วยและคนที่หลงหายไปจากทางของพระเจ้าที่เพชรบุรีและสมุทรสงคราม
สิ่งที่ผมกำลังจะบอกกับพี่น้องนั่นก็คือว่า มีพี่น้องคริสเตียนจำนวนมากที่มาคริสตจักรทุกวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีนะครับ และเราควรที่จะสัตย์ซื่อในการมาคริสตจักรทุกอาทิตย์ สิ่งที่ผมกำลังจะบอกกับพี่น้องนั่นก็คือว่า มีพี่น้องคริสเตียนจำนวนมากที่มาคริสตจักรทุกวันอาทิตย์ แต่เขาไม่เคย 1) ระลึกนึกถึง 2) อธิษฐานเผื่อหรือออกตามหาคนที่หลงหายเลย
1ยน.3:18 “ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง”
คนส่วนใหญ่ชอบคนที่ 1) พูดดี 2) พูดหวานขานเพราะ แต่คนที่พูดดี คนที่พูดหวานขานเพราะที่ไม่เคยระลึกนึกถึงใครเลยก็มีเยอะแยะ ซึ่งตรงกันข้ามกับคนที่พูด ไม่หวาน ขานไม่เพราะ ที่หลายคน เราหิว เขาให้เราอิ่ม เราหมดโอกาส เขาให้โอกาส เราเจ็บปวด เขาช่วยเยียวยารักษา
การแสดงออกผ่านการกระทำของคนที่พูด ไม่หวาน ขานไม่เพราะในลักษณะอย่างนี้นั้นเป็นอย่างไรครับ ? บ่งบอกว่าเขานั้นพร้อมที่จะ Care และ share ให้กับเราเสมอ และความรัก ความเมตตาของพระเจ้าเป็นอย่างนี้ คือ พระองค์ทรงพร้อมที่จะดูแลและเอาใจใส่เราเสมอ
ดังนั้นเราเองก็ควรที่จะมีใจเดียวกันกับพระองค์ คือ 1) ไม่ดูหมิ่นคนที่เล็กน้อย 2) ให้ความสำคัญกับคนที่หลงหาย 3) ให้ความสำคัญกับคนที่เล็กน้อย 4) ให้ความสำคัญกับคนที่อ่อนแอ เพราะฉะนั้นเมื่อองค์พระเยซูคริสต์เจ้ายังออกตามหา คริสตจักรของพระเจ้า ผู้รับใช้ของพระเจ้าและธรรมิกชนหรือคนของก็ต้องออกตามหาด้วยเช่นกัน
พี่น้องฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ให้ดีๆนะครับ สิ่งที่ผมจะพูดนั่นก็คือว่า “เราต้องออกตามแกะที่หลง ไม่ใช่หลงไปตามแกะ”
Lady Night หรือผู้หญิงกลางคืนหลายคนที่กลับใจมาเชื่อพระเจ้าแล้ว เขาอยากจะกลับไปประกาศ อยากจะกลับไปเป็นพยานกับเพื่อนของเขาที่ยังเป็นผู้หญิงกลางคืนอยู่ แต่เพื่อนที่ยังไม่ได้รู้จักกับพระเจ้าบอกกับเขาว่า เธอรู้ไหมว่าเวลานี้มีหนุ่มต่างชาติมาติดพันเขา และเขาอยากจะลงทุนเปิดร้าน Beauty Salon & Massage ให้ฉันที่ขอนแก่น ตั้ง 1,000,000 พี่น้องคิดว่าใครฟังใครแล้วตอนนี้ครับ ?
ผู้หญิงกลางคืนที่กลับใจมาเชื่อพระเจ้า เขามีคำถามว่า พระเจ้าทำไมพระองค์ถึงไม่อวยพรข้าพระองค์อย่างนี้บ้างหรือพระองค์ต้องการให้หนูกลับไปเป็นผู้หญิงกลางคืนเหมือนเดิม
ผมพูดเรื่องนี้ ผมแบ่งปันเรื่องนี้กับพี่น้องได้ เพราะนี่เป็นเรื่องจริงที่ผู้หญิงคนนี้ขอให้ผมเดินทางไปพบเขาและช่วยเขาให้หลุดจากความคิดนี้ เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องตระหนักอยู่เสมอ “เราออกตามแกะที่หลงทางอยู่นะไม่ใช่หลงไปตามแกะ”
เหมือนดังองค์พระเยซูคริสต์เจ้าที่เสด็จเข้ามาในโลกซึ่งเต็มไปด้วยความบาปแต่พระองค์ทรงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ พระองค์ไม่ได้หลิ่วตาตามไปกับความบาปของโลกซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่พี่น้องจะต้องตระหนักภายในจิตใจอยู่เสมอ
แน่นอนพี่น้องที่รักครับ แกะที่หลงไปจากทางของพระเจ้าที่เราออกไปตามนั้นมันจะมีแกะทั้งที่กลับมาและไม่กลับ ส่วนที่กลับมาให้เราขอบพระคุณพระเจ้า ในส่วนที่ไม่กลับมา ในฐานะที่เราเป็นมนุษย์ให้เรามอบเขาไว้กับพระเจ้าและอธิษฐานเผื่อเขาต่อไป แล้วดูเหมือนว่าฉากจบของพวกเราก็มักจะเป็นแบบนี้ แต่ในส่วนของพระเจ้าแล้วยังไม่จบ คำถามคือว่า พระเจ้าทำอย่างไร ?
สดด.91 : 11 “เพราะพระองค์จะรับสั่งเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ในเรื่องท่าน ให้ระแวดระวังท่านในทางทั้งปวงของท่าน”
นี่คือสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกระทำกับผู้เชื่อทุกคนที่หลงหายไปจากทางของพระเจ้าไม่ว่าคนๆนั้นเขาจะหลงไปด้วยเหตุผลใดก็ตาม ความรัก ความเมตตาของพระเจ้าที่ดำรงนิรันดรมันมิได้ห่างหายไปจากชีวิตของเขาเลย
ดั่งพระคำของพระเจ้าที่ได้ทรงตรัสไว้ใน ยรม.31:3 “พระเจ้าทรงปรากฏแก่เขาจากที่ไกล ตรัสว่า 'เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร เพราะฉะนั้นเราจึงมีความรักมั่นคงต่อเจ้าสืบไป” ความรักของพระเจ้ามั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง พระองค์ทรงรักด้วยเจตนารมณ์ไม่ใช่ด้วยอารมณ์ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่จะทำให้พระองค์ทรงหยุดรักเราได้
จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันใน มธ.18:10-14 เราพบอะไร ?
ประการที่ 2 พระเจ้าทรงช่วยแกะที่หลงทางผิดเสมอผ่านทางคริสตจักรของพระองค์
มธ.18:12-13 “ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร ถ้าผู้หนึ่งมีแกะอยู่ร้อยตัว ตัวหนึ่งหลงหายไปจากฝูง ผู้นั้นจะไม่ละแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้บนภูเขา แล้วไปเที่ยวหาตัวที่หายนั้นหรือเราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้นั้นพบแกะตัวที่หาย เขาจะมีความเปรมปรีดิ์ยิ่งกว่าที่มีแกะเก้าสิบเก้าตัว ที่มิได้หลงหายนั้น
องค์พระเยซูคริสต์เจ้าถามเราอย่างชัดเจนว่า เราคิดอย่างไรที่มีแกะตัวหนึ่งหลงไปจากทางของพระเจ้า ?
ถ้าพี่น้องสมาชิกในคริสตจักรนั้นดีใจ อีกทั้งคิดว่ายังคงเหลือแกะอีกตั้ง 99 ตัว ที่เหลืออยู่ แสดงว่าจิตวิญญาณของ 1) คริสตจักรนั้นดูจะตกต่ำตามไปด้วย 2) ผู้เลี้ยงคนนั้นดูจะตกต่ำตามไปด้วย 3)พี่น้องสมาชิกในโบสถ์นั้นดูจะตกต่ำตามไปด้วย
เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่อยากถูกองค์พระเยซูคริสต์เจ้าตำหนิเพราะมัวแต่ดีใจที่อีก 99 ตัวยังเหลืออยู่ คริสตจักรและพี่น้องสมาชิกจะต้องออกติดตาม ออกเยี่ยมเยียน ออกหนุนใจ อีกทั้งอธิษฐานเผื่อแกะที่หลงหายอย่างสม่ำเสมอ แต่ทั้งนี้การออกติดตามก็ต้องอยู่ในท่าทีที่ถูกต้องด้วย เช่น
1.ไม่ใช่ออกติดตามแกะที่หลงหายไปจนไม่ทำมาหากินอะไรเลยก็ไม่ได้
2.ไม่ใช่ออกติดตามแกะที่หลงไปจนกระทั่งไม่รู้เวลาของสมาชิกในครอบครัวเขาก็ไม่ได้
3.ไม่ใช่ออกติดตามแกะที่หลงหายโดยสะกิดแผลเก่าหรือพูดย้ำถึงความผิดความบาปของเขาอยู่เนืองๆ ซึ่งโดยแท้จริงแล้วคนที่หลงไปจากทางของพระเจ้าล้วนแต่มีบาดแผลด้วยกันทั้งสิ้นจริงไหมครับพี่น้อง ? ดังนั้นตัวแทนของพระเจ้าจึงจะต้องยิ้มให้มากที่สุดแล้วตระหนักว่า ทุกคนล้วนทำผิดได้เสมอ แต่ตราบใดก็ตามที่เรายังมีชีวิต ทุกคนมีโอกาสที่จะกลับตัวกลับใจได้เสมอ
ให้เรามาดูพระคำของพระเจ้าใน ยน.8:2-11 “ในตอนเช้าตรู่พระองค์เสด็จเข้าในบริเวณพระวิหารอีก คนทั้งหลายพากันมาหาพระองค์ พระองค์ก็ประทับนั่งและเริ่มสั่งสอนเขาพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี ได้พาผู้หญิงคนหนึ่งมา หญิงผู้นี้ถูกจับฐานล่วงประเวณี และเขาให้หญิงผู้นี้ยืนอยู่หน้าฝูงชนเขาทูลพระองค์ว่า "พระอาจารย์เจ้าข้า หญิงคนนี้ถูกจับเมื่อกำลังล่วงประเวณีอยู่ในธรรมบัญญัตินั้นโมเสสสั่งให้เราเอาหินขว้างคนเช่นนี้ให้ตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไรในเรื่องนี้"เขาพูดอย่างนี้ เพื่อทดลองพระองค์หวังจะหาเหตุฟ้องพระองค์ แต่พระเยซูทรงน้อมพระกายลงเอานิ้วพระหัตถ์เขียนที่ดินและเมื่อพวกเขายังทูลถามอยู่เรื่อยๆ พระองค์ก็ทรงลุกขึ้นตรัสตอบเขาว่า "ผู้ใดในพวกท่านที่ไม่มีผิด ก็ให้ผู้นั้นเอาหินขว้างเขาก่อน"แล้วพระองค์ก็ทรงน้อมพระกายลงเอานิ้วพระหัตถ์เขียนที่ดินอีกแต่เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินดังนั้น เขาทั้งหลายจึงออกไปทีละคนๆ เริ่มจากคนเฒ่าคนแก่ เหลือแต่พระเยซูตามลำพัง กับหญิงคนนั้นที่อยู่ต่อพระพักตร์พระองค์พระเยซูทรงเงยพระพักตร์ขึ้นตรัสกับนางว่า "หญิงเอ๋ย พวกเขาไปไหนหมด ไม่มีใครเอาโทษเจ้าหรือ"นางนั้นทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า ไม่มีผู้ใดเลย" และพระเยซูตรัสว่า "เราก็ไม่เอาโทษเจ้าเหมือนกัน จงไปเถิดและอย่าทำผิดอีก"]
พี่น้องที่รักครับ การที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเอานิ้วพระหัตถ์ของพระองค์เขียนลงที่ดิน พี่น้องลองจินตนาการตามผมนะครับ เมื่อมีลมพัดผ่านไปมา อักษรที่เขียนไว้เมื่อสักครู่นี้ยังคงเหมือนเดิมไหมครับ ?
ดังนั้นการที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเอานิ้วพระหัตถ์ของพระองค์เขียนลงที่ดิน นั้น มีความหมายว่า 1) ตราบใดที่เรายังมีชีวิต เรามีโอกาสที่จะกลับตัวกลับใจของเราได้เสมอ 2)ความผิดมันสามารถลบล้างได้เมื่อกาลเวลานั้นผ่านไป แต่เราอย่าทำผิดอีก
3.ไม่ใช่ออกติดตามแกะที่หลงหายด้วยการซ้ำเติม แต่ออกติดตามพวกเขาด้วยความรัก ด้วยใจเมตตาสงสารที่มาจากพระเจ้า พระคำของพระเจ้าใน สดด.103 : 8-9 ตรัสดังนี้ว่า “พระเจ้าทรงพระกรุณาและมีพระคุณ ทรงกริ้วช้าและอุดมด้วยความรักมั่นคงพระองค์จะไม่ทรงปรักปรำเสมอ หรือทรงกริ้วอยู่เป็นนิตย์”
ยิ่งถ้าพระเจ้าใส่ภาระใจให้กับท่าน โดยทำให้พี่น้องนั้นคิดถึงคนใดคนหนึ่งขึ้นมามากเป็นพิเศษ ก็ขอให้พี่น้องได้รู้เถิดว่า พระเจ้าต้องการที่จะใช้ท่านในการที่จะนำคนที่หลงหายคนนั้นกลับมาสู่อ้อมอกพระบิดาจริงๆ
ด้วยเหตุนี้พี่น้องก็ควรที่จะไวกับงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ อีกทั้งเคลื่อนไปกับพระวิญญาณหรือเคลื่อนไปกับการทรงนำของพระเจ้าในการที่จะคอยให้คำแนะนำ คอยให้ความช่วยเหลือ ซึ่งแกะบางตัวที่หลงไปจากทางของพระเจ้านั้นเขาอายที่จะกลับมา
ดังนั้นเราจะต้องหนุนใจและบอกกับเขาว่า สำหรับสังคมคริสเตียนแล้วการที่คนหนึ่งได้กลับมาหาพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่น่ายินดียิ่งนั้น ซึ่งพี่น้องในคริสตจักรมีแต่ความชื่นชมยินดีและให้การยอมรับเสมอ
คำถามก็คือว่า แต่ถ้าเขายังรู้สึกอายอยู่ล่ะพี่น้องจะทำอย่างไร ?
ให้พี่น้องแบกแกะที่หลงไปนั้นอุ้มใส่บ่ากลับมาหาพระเจ้าหรือมาที่คริสตจักรเลย เพื่อให้เขาได้พิสูจน์ด้วยตนเองว่า จะมีพี่น้องสมาชิกในคริสตจักรคนไหนบ้าง ที่จะสมน้ำหน้า ซ้ำเติม ดูหมิ่นหรือหัวเราะเยาะเย้ยแกะที่หลงหายนั้น
จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันใน มธ.18:10-14 เราพบอะไร ?
ประการที่ 3 สวรรค์เริงร่านรกร้องไห้
มธ.18:13 “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้นั้นพบแกะตัวที่หาย เขาจะมีความเปรมปรีดิ์ยิ่งกว่าที่มีแกะเก้าสิบเก้าตัว ที่มิได้หลงหายนั้น”
ลก.15:7 “เรา บอกท่านทั้งหลายว่า เช่นนั้นแหละ จะมีความปรีดีในสวรรค์ เพราะคนบาปคนเดียวที่กลับใจใหม่ มากกว่าเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ต้องการกลับใจใหม่”
ถ้าพี่น้องมาคริสตจักรทุกวันอาทิตย์ แล้ววันหนึ่งที่พี่น้องมาคริสตจักร บังเอิญอาทิตย์นั้น พี่น้องมาพบกับพี่น้องคนหนึ่งที่เขาได้หลงหายไปจากทางของพระเจ้าไปเสียนาน แล้วพี่น้องทักเขาว่า
1)โดนพระเจ้าตีสอนใช่ไหมเลยกลับมาหาพระเจ้า
2)รู้ไหมฉันอธิษฐานเผื่อแทบตาย เธอเพิ่งกลับมาเหรอเนี่ย
พี่น้องลองพิจารณาร่วมกับผมนะครับว่า คนที่มาโบสถ์ทุกวันอาทิตย์แล้วพูดอย่างนี้กับพี่น้องที่หลงหายไปจากทางของพระเจ้า คำพูดอย่างนี้ถือว่าชอบธรรมไหมครับ ? คำพูดอย่างนี้ คือ พวกฟาริสี ธรรมาจารย์
บาปของพวกฟาริสี ธรรมาจารย์คืออะไรครับ ? ไม่ด่าใคร แต่ก็ไม่ช่วยเหลือใคร
มุ่งเทศนาสั่งสอน แต่คนกำลังจะตายพวกเขาเดินผ่านไปได้อย่างหน้าตาเฉย
พี่น้องลองพิจารณาร่วมกับผมนะครับว่า คนที่มาโบสถ์ทุกวันอาทิตย์แล้วพูดอย่างนี้กับพี่น้องที่หลงหายไปจากทางของพระเจ้า คำพูดอย่างนี้ถือว่าชอบธรรมไหมครับ ?คำพูดอย่างนี้ถือว่า เป็นการข่มเหง ทำร้าย
ซึ่งองค์พระเยซูคริสต์เจ้าถูกข่มเหงโดยใครครับพี่น้อง ? คนยิวด้วยกันเอง
สาวกและท่าน อ.เปาโล ถูกข่มเหงโดยใครครับพี่น้อง ? คนยิวด้วยกันเอง
บางทีการข่มเหงก็ไม่ได้มาจากคนอื่นไกล แต่มาจากใครครับ ? มาจากพวกเดียวกันเองเนี่ยแหละ
พระเจ้าจึงใช้พระคำของพระองค์ใน มธ.18:13 และใน ลก.15:7 นั้นสอนเราว่าถ้าแกะ 99 ตัวที่อยู่กับเรา แต่อยู่แบบพวกฟาริสีธรรมาจารย์ อยู่แบบข่มเหงพี่น้องด้วยกันเอง ท่านก็ไม่ได้กลับใจใหม่อย่างแท้จริงด้วยเช่นกัน
แต่ถ้าพี่น้องเป็นแกะ 99 ตัวที่ชอบธรรม คือ หน้ามองสวรรค์เพื่อแสวงหาความบริสุทธิ์ของพระเจ้า แต่เท้ายังติดดินเพื่อที่จะช่วยเหลือคนบาปให้ได้รับความรอดหรือช่วยเหลือคนที่หลงหายคนหนึ่งให้ได้กับมาในทางของพระเจ้า นั่นแหละถือว่าพี่น้องเป็นผู้ที่สร้างวีรกรรมที่ทำให้สรรค์นั้นเปรมปรีด์ ส่วนนรกนั้นร้องไห้
ทำไมนรกถึงร้องไห้ ? เพราะมาร ซาตาน วิญญาณชั่ว มันต้องขาดคนที่นมัสการมันไป 1 คน แล้วถ้าเราช่วยกันออกติดตามแกะที่หลงหายนำกลับมาสู่อ้อมกอดของพระเจ้า พี่น้องลองช่วยผมพิจารณาดูทีว่า สวรรค์จะร่าเริงเปรมปรีด์มากสักเท่าไหร่แล้วนรกจะต้องร้องไห้มากสักเท่าไหร่ ?
พระเจ้า พระบิดายังสำแดงความรักมั่นคงของพระองค์ออกมาเป็นการกระทำผ่านทางองค์พระเยซูคริสต์เจ้าพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ และพระเจ้าทรงวางขบวนการติดตามนี้เอาไว้ผ่านทางคริสตจักรและธรรมิกชนของพระองค์
ดังนั้นคริสตจักรของพระเจ้าทุกคริสตจักรและธรรมิกชนคนของพระเจ้าทุกคนจะต้องตอบรับหรือตอบสนองต่อนโยบายนี้ เพราะอะไรครับ ? เพราะหัวใจของพระเจ้านั้นไม่ปรารถนาที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดนั้นจะต้องพินาศไป
ดังนั้นขอให้พี่น้องและคริสตจักรแห่งนี้ ได้ตระหนักถึงคำสอนในเรื่องแกะหายในเช้าวันนี้ด้วย
สรุปพระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้
ประการที่ 1 เราพบความรัก ความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ชาติ
ประการที่ 2 พระเจ้าทรงช่วยแกะที่หลงทางผิดเสมอผ่านทางคริสตจักรของพระองค์
ประการที่ 3 สวรรค์เริงร่านรกร้องไห้