การอธิษฐานวิงวอน

คำเทศนาเรื่อง การอธิษฐานวิงวอน

          ก่อนที่ผมจะแบ่งปันพระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้นะครับ ผมขอเรียนให้กับพี่น้องได้ทราบว่า ตอนนี้คริสเตียนไทยของเรานั้นกำลังอยู่ในช่วงของ 40 วันของการถืออดอาหารอธิษฐาน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 10 พ.ย. 17 ซึ่งถ้าพี่น้องท่านใดมีภาระใจที่จะเข้าร่วมในกิจกรรมดังกล่าว สามารถพิมพ์เข้าไปในที่ Google และ Load หัวข้อในการอธิษฐานของแต่ละวันได้นะครับ

  อฟ.6:11 “จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้ 6:12 เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือดแต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอบครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ6:13 เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้นและเมื่อเสร็จแล้วจะยืนมั่นได้6:14 เหตุฉะนั้นท่านจงยืนมั่น เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก6:15 และเอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อมมาสวมเป็นรองเท้า6:16 และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นั้นท่านจะได้ดับลูกศรเพลิงของผู้ชั่วร้ายนั้นเสีย6:17 จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะและจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือพระวจนะของพระเจ้า
6:18 จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่างและจงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อวิสุทธิชนทุกคน”
และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า การอธิษฐานวิงวอน

ผมขอบคุณพระเจ้าที่ผมมีโอกาสเป็น 1 ใน 3 คนที่เป็นตัวแทนของสหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทยร่วมเดินทางไปประชุมสหกิจภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา

ขอบคุณพระเจ้าที่ผมมีโอกาสได้พักอยู่ที่ Halayluya Church เป็นเวลา 9 วัน ซึ่งคริสตจักรฯแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาและตั้งอยู่บนภูเขาโดยคริสตจักรฯแห่งนี้มีสมาชิกทั้งสิ้นประมาณ 40,000 คน มีรอบการนมัสการภาษาเกาหลีทั้งสิ้น 4 รอบ ส่วนภาษาอื่นๆมีอีก 7 ภาษาแต่มีการนมัสการเพียงรอบเดียว

แต่ที่พิเศษที่สุดสำหรับผมนั่นก็คือว่าทุกเช้าวันใหม่ในแต่ละวันนั้น จะมีพี่น้องสมาชิกของคริสตจักรฯแห่งนี้ต่างพากันมานมัสการรุ่งอรุณกันเป็นประจำทุกวันตั้งแต่เวลา 05.00-.7.00 น.วันละประมาณเกือบ 2,000 คน ภายหลังจากนั้นเขาจึงแยกย้ายกันไปทำงานตามปกติ

พี่น้องเห็นอะไรบางสิ่งบางอย่างไหมครับ ? พี่น้องเห็นการที่เขาเอาจริงเอาจังกับพระเจ้าไหมครับ ? คำถามคือว่าทำไมพวกเขาถึงเอาเอาจังกับพระเจ้า

สาเหตุที่เขาเอาจริงกับพระเจ้ามากนั่นเป็นเพราะว่าประเทศเกาหลีใต้นั้นเขาเคยพ่ายแพ้ในสงครามเกาหลีมาก่อนจนประเทศของเขานั้นแทบไม่เหลืออะไรเลย

ประเทศในฝั่งตะวันตกในตะวันตกต่างพูดถึงประเทศนี้ว่า ประเทศเกาหลีใต้น่าจะเป็นประเทศหนึ่งที่อดอยากปากแห้งและกันดารอาหารมาก ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูเป็นเวลานานมาก

ขอบคุณพระเจ้าในเวลานั้นมีนักธุรกิจคริสเตียนชาว USA. คนหนึ่งได้เดินทางเข้ามาที่ประเทศเกาหลีใต้และเขาได้เห็นภาพนั้น เมื่อเขาเดินทางกลับไปที่ USA. เขาจึงได้รวบรวมเพื่อนๆซึ่งเป็นนักธุรกิจคริสเตียนด้วยกันขึ้นมาจำนวนหนึ่งพร้อมๆกับตั้งพันธกิจหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า “Food For The Hungry” พร้อมๆกับพวก Missionary เข้าไปประกาศ เป็นพยาน เรื่องราวขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าให้กับคนเกาหลีใต้ฟัง

ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่คนเกาหลีใต้ที่จะรับเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเท่านั้นนะครับ แต่พวกเขากับดำเนินชีวิตติดตามพระเจ้าอย่างจริงๆจังๆ เพราะเขารู้ว่า 1.รสชาติของการพ่ายแพ้สงครามนั้นเป็นอย่างไร 2. การอดอยากปากแห้งหรือการกันดารอาหารนั้นเป็นอย่างไร

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่อยากที่จะกลับไปมีชีวิตอยู่แบบในอดีตที่ผ่านมานั้นอีกต่อไป และเขารู้ว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเท่านั้นจริงๆที่สามารถนำพาพวกเขาออกจากจุดแห่งความทุกข์บากลำบากนั้นได้ เขาจึงสุดๆกับพระเจ้า ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงได้ทรงโปรดทรงยกชูประเทศเกาหลีใต้ขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง

พี่น้องทราบไหมครับว่า ประเทศเกาหลีใต้นั้นเขาใช้เวลาไม่ถึง 40-50 ปี ในการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ จนนานาประเทศให้การยอมรับประเทศเกาหลีใต้ว่า เป็นประเทศที่มีศักยภาพประเทศหนึ่งของโลก โดยเบื้องหลังมีพระเจ้าทรงเป็นผู้อำนวยพระพรปัจจุบัน หมายถึง ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ประเทศเกาหลีใต้นั้นมีจำนวนคริสเตียนทั้งสิ้นโดยประมาณ 60%

ซึ่งในปี 2030 ประเทศไทยของเรานั้นจะจัดให้มีการฉลองครบรอบ 200 ปีที่คณะนิกายโปรแตสแตนท์นั้นได้เข้ามาเผยแพร่พระกิตติคุณของพระเจ้าในประเทศไทย แต่ในปัจจุบัน หมายถึง ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ประเทศไทยของเรากับมีจำนวนคริสเตียนทั้งสิ้นอยู่เพียง 1% ทั้งๆที่พระกิตติคุณของพระเจ้าได้เข้ามาในประเทศไทยก่อนประเทศเกาหลีใต้ นานถึง 40-50 ปี

ซึ่งผมจะไม่ถามพี่น้องว่านี่มันคืออะไรกัน ? แต่ผมอยากถามพี่น้องว่า ถ้าพี่น้องเป็นพระเจ้าล่ะพี่น้องจะตอบคำอธิษฐานของพวกเขาไหมครับ ? ที่ทุกเช้าวันใหม่เฉพาะHalayluya Church เพียงคริสตจักรเดียว มี 2,000 คนพากันมาอธิษฐานรุ่งอรุณที่คริสตจักร

แต่ในความเป็นจริง คือ ในทุกๆเช้าวันใหม่มันไม่ใช่คริสตจักรเดียวที่มาอธิษฐานรุ่งอรุณ แต่มันคือทุกๆคริสตจักรในประเทศเกาหลีใต้ ที่พวกพากันมาอธิษฐานต่อพระเจ้าในเวลารุ่งอรุณ

มากกว่านั้นพี่น้องทราบไหมครับว่า บางคริสตจักรฯ Ex. Halayluya Church เขายังจัดตารางอธิษฐานตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีวันหยุด โดยให้สมาชิกในคริสตจักรฯนั้นได้ลงทะเบียนในการ มีส่วนร่วมอีกด้วย

และเมื่อพี่น้องคริสเตียนเกาหลีใต้เอาเอาจังกับพระเจ้าอย่างนี้ พี่น้องลองช่วยผมคิดดูทีว่ามันจะมีจำนวนคริสเตียนมากน้อยแค่ไหน เพียงใด ที่เสนอคำอธิษฐานต่อพระเจ้า

และถ้าพี่น้องเป็นพระเจ้าล่ะ ? พี่น้องจะตอบคำอธิษฐานของพวกเขาไหม และนี่เป็นสาเหตุที่สำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ประเทศนี้เกิดการพลิกฟื้นขึ้นมาและเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พี่น้องคริสเตียนในประเทศเกาหลีใต้นั้นเจริญและเติบโตกขึ้นในทางของพระเจ้า

แตกต่างจากคริสเตียนในประเทศไทย ที่คริสเตียนไทยส่วนมากชอบทำกิจกรรมส่งเสริมความเชื่อต่างๆเยอะแยะมากมาย เช่น สัมนาเรื่อง 1.การฟื้นฟู 2.การรับนิมิต 3.การรับการเจิม 4.การเผยพระวจนะ 5.การพยากรณ์ 6.การปลดปล่อย การบำบัด เยียวยารักษาโรค 7.การนมัสการ เป็นต้น

แต่พอถึงเวลาอธิษฐาน ขอให้พี่น้องคริสเตียนมาอธิษฐานด้วยกัน โดยเฉพาะการเชิญชวนพี่น้องให้มาร่วมกันถืออดอาหารอธิษฐานหรืออธิษฐานโต้รุ่งกับเป็นช่วงเวลาที่มีผู้เข้าร่วมน้อยที่สุด พี่น้องว่าจริงหรือไม่จริงครับ?

ผู้เชื่อในประเทศไทยส่วนมาก ชอบการสามัคคีธรรม ชอบที่จะพูดคุยกัน เราพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันได้ทุกเรื่องและพุดคุยกันได้อย่างออกรสออกชาติ แต่เมื่อถึงเวลาให้อธิษฐานกับพระเจ้าพวกเรากับไม่มีถ้อยคำอะไรที่จะอธิษฐานกับพระเจ้า พี่น้องว่าจริงหรือไม่จริงครับ ?

สิ่งต่างๆเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดของคริสตจักรไทยและคริสเตียนในประเทศไทย ซึ่งส่วนนี้เองเป็นเหตุทำให้งานของพระเจ้าในประเทศไทยเคลื่อนไปได้ช้ามาก ดูได้จาก 187 ปีที่ผ่านมา เรามีจำนวนผู้เชื่อในประเทศไทยอยู่เพียงเท่าไหร่นะครับ ? 1% เท่านั้นเอง

พระคำของพระเจ้าจึงได้กล่าวเตือนเราเอาไว้ว่า เราไม่ได้ต่อสู้กับเลือดและเนื้อ แต่เรากำลังต่อสู้กับเทพต่างๆมากมายหลายเทพ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมันก็คือ มาร ซาตาน วิญญาณชั่วนั่นเองที่ทำให้คนของพระเจ้านั้นรู้สึกไม่มีภาระใจในการที่จะเข้ามาอธิษฐานกับพระเจ้า

ถามว่าข้อพระคัมภีร์ข้อนี้พวกเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีหรือไม่ ? คำตอบคือ พวกเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ทำไมเราถึงไม่มีภาระใจในการที่จะเข้ามาอธิษฐานกับพระเจ้าด้วยกัน

เพราะเรามีความรู้ไง แต่เรากับไม่ได้สวม ซึ่งถ้าเราสวมเราจึงจะมีชัยชนะในการที่พี่น้องจะมีภาระใจในการที่พี่น้องจะพาตัวเองเข้ามาในการอธิษฐานกับพระเจ้า

ด้วยเหตุนี้พระคำของพระเจ้าจึงตรัสเอาไว้ว่า จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า คือ การนำพระวจนะที่คุณรู้นั่นแหละมาปฎิบัติด้วยความเข้าใจ การมาอธิษฐานของเรานั้นจะทำให้เรานั้นได้พบพระเจ้าและผู้ที่มาอธิษฐานนั้นก็จะได้รับพระพร

แต่ถ้าเรารู้พระคำของพระเจ้า แต่เราไม่ได้สวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้ามาในการอธิษฐานด้วย การมาอธิษฐานของพี่น้องก็มาด้วยเพราะหน้าที่ มาด้วยเพราะมันเป็นตารางของคริสตจักร ซึ่งจะทำให้การอธิษฐานของเรานั้นนอกจากไม่ได้พบพระเจ้าแล้ว ทำให้เรายังไม่ได้รับพระพรจากการมาอธิษฐานอีกด้วย

สุดท้ายพี่น้องก็จะรู้สึกว่า มาอธิษฐานไม่เห็นได้อะไรเลยไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย สุดท้าย ท้ายสุดพี่น้องก็จะรู้สึกไม่อยากที่จะมาอธิษฐานเหมือนกับหลายคนที่เป็นอยู่ในขณะนี้ซึ่งก็จะเข้าทางของใครครับ ?

สิ่งหนึ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือว่า คริสเตียนไทยส่วนมากเข้าใจในเรื่องการอธิษฐาน แต่มีไม่มากที่เข้าใจในเรื่องของการอธิษฐานวิงวอน

การอธิษฐานวิงวอนทุกครั้ง เป็นการอธิษฐาน แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่เราอธิษฐานเป็นการอธิษฐานวิงวอน นี่คือสิ่งหนึ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจ

การอธิษฐานวิงวอน คือ การอธิษฐาน+กับคำวิงวอน

พี่น้องคริสเตียนเกาหลีใต้ซึ่งพ่ายแพ้สงครามจนพวกเขากลายเป็นสิ้นเนื้อประดาตัว กลายเป็นคนอดอยากปากแห้งกันทั้งประเทศ พี่น้องคิดว่าพวกเขาจะอธิษฐานกับพระเจ้าครั้งเดียวหรือวันเดียวจบแล้วจบเลยไหมครับ ?

ในสภาพที่พวกเขากลายเป็นสิ้นเนื้อประดาตัว กลายเป็นคนอดอยากปากแห้งกันทั้งประเทศ พวกเขาต้องอธิษฐานกับพระเจ้า+กับใส่คำวิงวอนของพวกเขาลงไป ทุกเวลา นาที ทุกลมหายใจ ตลอดวัน ตลอดคืน ไม่ระงับเสียง จนกว่าที่พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานของพวกเขา และถ้าพวกเขาอธิษฐานวิงวอนกับพระเจ้าจนไม่รู้จะอธิษฐานอะไรกับพระเจ้าต่อไป

พี่น้องคิดว่าพี่น้องคริสเตียนเกาหลีใต้จะทำอย่างไรต่อไปเขาก็จะอธิษฐานขอให้พระวิญญาณของพระเจ้าเป็นผู้นำพวกเขาอธิษฐานกับพระเจ้าต่อไป

ปฐก.18:16-33 เป็นเรื่องราวที่อับราฮัมวิงวอนเพื่อเมืองโสโดม

ปฐก.18:31-33 ทำให้เราทราบว่า อับราฮัมวิงวอนต่อพระเจ้าให้เห็นแก่คนชอบธรรมในเมืองนั้น ซึ่งพระเจ้าทรงรับคำวิงวอนของอับราฮัมไหมครับ ? และถ้ามี 10 คนจริงๆพระเจ้าจะทำลายเมืองนี้ไหมครับ ? แต่สุดท้ายแม้คนชอบธรรม 10 คน ก็ยังหาไม่ได้เลยสักคน

ให้เราดูพระคำของพระเจ้าใน ปฐก.19:24-25 “ดังนั้นพระเยโฮวาห์ทรงให้กำมะถันและไฟจากพระเยโฮวาห์ตกมาจากฟ้าสวรรค์ลงมาบนเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ พระองค์ทรงทำลายล้างเมืองทั้งหลายเหล่านั้น เมืองอัดมาห์และเมืองเศโบยิม ถูกทำลายบรรดาที่ราบลุ่ม ชาวเมืองทั้งปวงและสิ่งที่งอกขึ้นมาบนแผ่นดิน”

ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงทำลายเมืองโสโดม-โกโมราห์ด้วยกำมะถันและไฟ และนี่เป็นข้อคิดอีกข้อคิดหนึ่ง ที่พี่น้องต้องคิดด้วยนะครับ บางครั้งชุมชนที่พี่น้องอาศัยอยู่มันใช้ไม่ได้จริงๆ

Ex. เช่น ชุมชนที่พี่ติ๋มเล็กอาศัยอยู่ในเวลานี้ซึ่งมันมีทั้งเรื่องยาเสพติด มีทั้งเรื่องการพนัน พี่น้องคิดว่าชุมชนแบบนี้เป็นชุมชนที่พระเจ้าอยากจะจัดการไหมครับ ? แต่ถ้ามีคนชอบธรรมสักคนหนึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นและที่สำคัญคือคนๆนั้นเป็นลูกของพระเจ้าด้วยพี่น้องคิดว่าพระเจ้าจะเห็นแก่คนนี้ไหม ?

ดังนั้นการอธิษฐานวิงวอน คือ การที่มีเราเป็นคนกลางในการอธิษฐานระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า

ให้เรามาดูอีกเหตุการณ์หนึ่งซึ่งพระคัมภีร์ได้มีการบันทึกเอาไว้ใน อพยพ.32:1-14 ที่โมเสสขึ้นไปรับธรรมบัญญัติของพระเจ้าที่บนภูเขาแต่ประชาชนชาวอิสราเอลที่อยู่ด้านล่างเห็นว่าโมเสสขึ้นไปนานแล้วและคงไม่กลับลงมาแล้วด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงคิดทำรูปวัวทองคำขึ้นมาเพื่อนมัสการ ให้ที่ประชุมอ่าน อพยพ.32:1-14

พี่น้องคิดอย่างไร เมื่อเราได้มาเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว และเราอธิษฐานอะไรก็ตาม เราก็มักจะขอแต่เพื่อตัวเองหรือขอให้กับคนที่ตนรักเท่านั้น ?

พี่น้องคิดว่าคริสเตียนอย่างนี้เติบโตในทางของพระเจ้าไหมครับ ?

แต่การอธิษฐานวิงวอนของโมเสสที่อธิษฐานกับพระเจ้าในตอนนี้นั้น เป็นการอธิษฐานขอเพื่อผู้อื่น เป็นการอธิษฐานขอแทนผู้อื่น ซึ่งคำอธิษฐานวิงวอนของโมเสสในตอนนี้ สามารถได้ทัดทานพระพิโรธของพระเจ้าได้ไหมครับ ? ได้

เพราะเป็นคำอธิษฐานวิงวอนที่พระเจ้าทรงโปรดพอพระทัยเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่ใช่เพียงคนที่พี่น้องอธิษฐานวิงวอนเพื่อเขาเท่านั้นนะครับ ที่จะได้รับพระพรจากพระเจ้าแต่เพียงฝ่ายเดียว ฝ่ายโมเสสเองก็ได้รับพระพรจากการอธิษฐานวิงวอนนี้จากพระเจ้าด้วยเช่นเดียวกัน

ให้เรามาดูพระคำของพระเจ้าใน อสค.22:30 “และเราก็แสวงหาสักคนหนึ่งในพวกเขาซึ่งจะสร้างรั้วต้นไม้และยืนอยู่ในช่องโหว่ต่อหน้าเราเพื่อแผ่นดินนั้น เพื่อเราจะมิได้ทำลายมันเสีย แต่ก็หาไม่ได้สักคนเดียว”

โรงเรียนนี้มีปัญหามากมายหลายอย่าง Ex. 1.ทีมที่ไม่ประสบความสำเร็จตามความคาดหวังของสมาคมผู้ปกครองจนเขาอยากที่จะเปลี่ยนตัว Coach ใหม่ 2.เด็กนักเรียนมีปัญหากับพ่อแม่ผู้ปกครอง 3. ทีมที่ขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน 4.Coach เองก็มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจในครอบครัวและปัญหาการมีบุตรยาก

แต่ในปัญหาทั้งหมดที่พวกเขามีนั้นกับมีชายคนๆหนึ่งที่รู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ความรู้ที่เขามีทำอะไรได้ไหมครับ ? แต่การที่เขาสวมยุทธภัณฑ์ สวมภาระใจ นั่นคือการยืนขึ้นแล้วอธิษฐาน+กับวิงวอนต่อพระเจ้าในทุกๆวันเพื่อปิดช่องโหว่ของกำแพงแห่งปัญหาทั้งหมดนี้

ถ้าพี่น้องได้ดูต่อไปจนจบของภาพยนตร์เรื่องนี้ พี่น้องก็จะพบว่า ฉากจบของหนังเรื่องนี้จบลงด้วยการถวายเกียรติแด่พระเจ้า

เช่นเดียวกันพี่น้องเห็นปัญหาในคริสตจักรแห่งนี้ไหม ? ถ้าพี่น้องรู้ ถ้าพี่น้องเห็น ความรู้ที่พี่น้องมีอย่างเดียวไม่พอพี่น้องต้องสวมยุทธภัณฑ์ สวมภาระใจในการที่จะอธิษฐานวิงวอนต่อพระเป็นเจ้าตั้งแต่เดี๋ยวนี้

ถ้าพี่น้องอ่าน อสค.22 ทั้งบทนะครับ พี่น้องก็จะพบว่าเยรูซาเล็มนั้นเป็นเมืองหลวงฝ่ายจิตวิญญาณของผู้ที่เชื่อในพระเจ้า แต่ไปๆมาๆเมืองนี้กับเต็มไปด้วยความบาปซึ่งเกิดขึ้นจากคนที่เชื่อในพระเจ้า

พระคัมภีร์พูดเอาไว้อย่างชัดเจนว่า มีความบาปอะไรบ้างที่พวกเขาได้ทำเอาไว้ และคนที่ทำบาปก็ไม่ใช่มีเพียงแค่พี่น้องสมาชิกเท่านั้นนะครับที่ทำบาป แม้กระทั่งปุโรหิตของพระเจ้าหรือผู้รับใช้ของพระเจ้าก็ทำด้วย

ดังนั้นพระเจ้าจึงบอกกับเอเสเคียลว่าเราจัดการเมืองนี้พระองค์ทรงบอกถึงวิธีการที่พระเจ้าจะจัดการหรือพิพากษากับผู้คนในเมืองนี้ด้วยว่าพระองค์จะทำอย่างไร พระองค์ทรงอธิบายเอาไว้อย่างละเอียดยิบ

และสิ่งที่พระเจ้าบอกกับเอเสเคียลด้วยว่าพระองค์ก็พร้อมที่จะยกเลิกพระพิโรธนี้ หากมีคนของพระเจ้าสักคนหนึ่งที่จะ “ยืนอยู่ในช่องโหว่ต่อหน้าเราเพื่อแผ่นดินนั้น เพื่อเราจะมิได้ทำลายมันเสีย แต่ก็หาไม่ได้สักคนเดียว”

พระคำของพระเจ้าพูดชัดเจนว่า พระเจ้าไม่ได้มองหาหลายคน พระเจ้ามองหาคนเพียงคนเดียวจริงๆที่จะยืนขึ้นและอธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้าเพื่อที่ชนชาติของพระเจ้านั้นจะกลับมาบูรณะชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของตนหรือที่พวกเขานั้นจะกลับใจมาหาพระเจ้า เพื่อที่พระเจ้าก็จะทรงไม่ทำลายเมืองนั้น แต่ปัญหาก็คือว่า เวลานี้คนเดียวที่ว่านี้หาอย่างไรก็ยังหาไม่พบเลย

คำถามก็คือว่า พฤติกรรมอย่างนั้นยังมีอยู่ไหมในคริสตจักรหรือยังมีอยู่ไหมในชุมชนของพระเจ้าในเวลานี้ ?

1.ศิษยาภิบาลหลายคนเห็นพี่น้องทำผิด ทำบาป ไม่กล้าว่ากล่าวตักเตือน 2.อาจารย์บางท่านสอนผิด สอนไม่ถูกต้อง มีการแปลนิมิต เผยถ้อยคำที่ไม่ปรากฎขึ้นจริงมีอยู่ไหมครับในเวลานี้ ? ถ้าพี่น้องรู้ว่ามี พี่น้องต้องทำอย่างไร ?

ความรู้ที่พี่น้องมีนั้นช่วยอะไรไม่ได้ แต่ถ้าพี่น้องสวมยุทธภัณฑ์ของพระเจ้า ใส่ภาระใจที่จะอธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้าในสิ่งที่พี่น้องได้เห็น คำอธิษฐานวิงวอนของพี่น้องจะเป็นสิ่งที่ทัดทานน้ำพระทัยหรือเปลี่ยนพระทัยของพระเจ้าได้

          พี่น้องทราบไหมครับว่า แท้ที่จริงแล้วการที่พี่น้องลุกขึ้นมาอธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้าให้กับคนอื่นในเรื่องนั้นเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าเรากำลังทำเพื่อเขาและเขาเป็นผู้ได้รับพระพรจากคำอธิษฐานของเรา

แต่แท้ที่จริงแล้วพี่น้องกำลังทำเพื่อตัวเราเองก่อนเป็นอันดับแรก และพี่น้องก็เป็นคนแรกที่ได้รับพระพรจากการที่พี่น้องนั้นได้ลุกขึ้นมาอธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้าเพื่อเขา

          พระคำของพระเจ้าใน 1 ปต.5:8 ท่านทั้งหลายจงสงบใจจงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่านคือมารวนเวียนอยู่รอบๆดุจสิงห์คำรามเที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้

          พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่ในโลกใบนี้โดยที่มี มาร ซาตาน วิญญาณชั่วมันเป็นผู้ครอบครอง

พระคัมภีร์ตรัสว่า ในทุกวันนี้เราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่เรากำลังต่อสู้กับเทพที่นับไม่ถ้วน ที่ในทุกวันนี้มันจ้องจะโจมตีเรา ครอบครัวของเรา พี่น้องของเรา ธุรกิจของเราและคริสตจักรของพระเจ้าด้วย

ถ้าเราเป็นคนที่มีรูรั่วในชีวิตมาก มันโจมตีเราได้ง่ายไหมครับ ? ง่าย แต่ในขณะที่เราอธิษฐานวิงวอนเพื่อผู้อื่นอยู่นั้น ในอีกมิติหนึ่งพี่น้องก็กำลังอุดรอยรั่ว รอยร้าวในชีวิตของพี่น้องควบคู่ไปกับการที่พี่น้องได้อธิษฐานเพื่อผู้อื่นไปด้วยหลักการหนึ่งของพระเจ้าที่พี่น้องจะต้องจำนั่นก็คือ

“ยิ่งให้ เรายิ่งได้รับ” “ยิ่งแจกจ่าย ยิ่งมั่งคั่ง”

ดังนั้นการอธิษฐานวิงวอนจึงเป็นมากกว่าการอธิษฐานและคนแรกที่ได้รับพระพรนั่นก็คือตัวของคนที่อธิษฐานเพื่อคนอื่นนั่นเอง

เมื่อทราบความจริงดังนี้แล้ว ผมจึงขอหนุนใจให้พี่น้องที่จะอธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้าเพื่อผู้อื่นให้มากกว่าที่ผ่านมา ที่สำคัญคือในเช้าวันนี้ขอพระเจ้าทรงเปิดตาหรือทรงสำแดงและหรือทรงเปิดเผยกับพี่น้องเป็นการส่วนตัว เพื่อที่พี่น้องจะได้เห็นถึงหัวข้อในการที่พี่น้องจะรู้สึกมีภาระใจในการอธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้าในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างจริงจังถ้ายังไม่ได้คำตอบจากพระเจ้าพี่น้องจะไม่ยอมเลิกลา

Green City