คำเทศนาเรื่อง การผูกพันตัวกับคริสตจักร
อฟซ. 5:23 “เพราะว่าสามีเป็นศีรษะของภรรยาเหมือน พระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร และพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของกายนั้น”
จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?
พระคำของพระเจ้าพูดกับเราอย่างชัดเจนว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นทรงเป็น 1.ศีรษะของคริสตจักร 2.ประธานของคริสตจักร 3.ประมุขของคริสตจักร 4.องค์สูงสุดของคริสตจักร
ด้วยเหตุนี้เองพี่น้องที่รักครับ คริสตชนทั้งหลายจึงต้องมีการผูกพันตัวกับคริสตจักรของพระองค์ อาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งก็ได้ว่า การผูกพันตัวกับคริสตจักรคือ การผูกพันตัวกับพระเยซูคริสต์
การที่ผู้เชื่อผูกพันตัวของเขาเองกับคริสตจักรหรือผูกพันตัวของเขาเองกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าจะทำให้ผู้เชื่อคนนั้นได้รับการปกป้อง โดยเฉพาะเขาจะได้รับการปกป้องในมิติของฝ่ายจิตวิญญาณของพระเจ้าผ่านคำเทศนา ผ่านคำสอนของพระองค์
ดังนั้นการที่ผู้เชื่อจะต้องผูกตัวกับคริสตจักรของพระองค์นั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญไหมครับพี่น้อง ? เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง แต่การที่เราเป็นผู้เชื่อแล้วเรายังไปโบสถ์นั้นที ไปโบสถ์นี้ทีหมายถึง เราให้ความสำคัญต่อการผูกพันตัวกับคริสตจักรของพระองค์หรือไม่ ?
นอกจากไม่ให้ความสำคัญแล้ว คุณกำลังบอกกับคนในชุมชนหรือบอกกับคนในสังคมคริสเตียนด้วยกันว่า 1.คุณเป็นนักท่องเที่ยวฝ่ายจิตวิญญาณ 2. คุณเป็นคริสเตียน 2.1 ที่ไม่มีความชัดเจน 2.2 ทัวร์ 2.3 สัมภเวสี 2.4 ประเภทศาลไม่มีเจ้า และทุกคำที่ผมพูดมาทั้งหมดนั้นมันมีความหมายที่ดีหรือไม่ดี ? แล้วใครเป็นคนทำครับ ? คุณกำลังทำลายเครดิตและความน่าเชื่อถือของตัวคุณเองทั้งสิ้น
ดังนั้นในเช้าวันนี้ให้เราจะมาดูลักษณะชีวิตของคริสเตียนที่มีการผูกพันตัวกับคริสตจักรด้วยกันว่ามีอะไรบ้าง ?
ประการที่ 1.อยู่ใน 1กจ.2:42 “เขาทั้งหลายได้ตั้งมั่นคงอยู่ในคำสอนของจำพวกอัครสาวกและในการสามัคคีธรรมและร่วมใจกันในการหักขนมปังและการอธิษฐาน”
ชีวิตของคริสเตียนที่มีการผูกพันตัวกับคริสตจักรของพระเจ้าประการที่ 1. เขาต้องมีลักษณะชีวิตเหมือนผู้เชื่อในยุคแรก
คำถามคือว่า ผู้เชื่อในยุคแรกเขามีลักษณะอย่างไร ?
ประการที่ 1.1 “เขาทั้งหลายได้ตั้งมั่นคงอยู่ในคำสอนของจำพวกอัครสาวก”
คำถามคือว่า อัครสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าเทศนาสั่งสอนที่ไหนครับ ? สมัยก่อนเราเรียกว่า ศาลาธรรม (Senegor) สมัยปัจจุบันนี้เราเรียกว่าศูนย์ประกาศหรือคริสตจักร ซึ่งนั่นหมายความว่า ผู้เชื่อในยุคแรกนั้นเขามีการผูกพันตัวผ่านการรับฟังคำเทศนา ผ่านรับฟังการสั่งสอนของพระเจ้าผ่านทางคริสตจักรของพระองค์
อาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งก็ได้ว่า ผู้เชื่อในยุคแรกนั้น เขาผูกพันตัวกับพระนิเวศน์ของพระเจ้า 1.ผ่านการถือรักษาวันสะบาโต 2.เพราะเขาอยากจะพบกับพระเจ้าในสถานนมัสการของพระองค์
คนที่อยากจะพบกับพระเจ้าในสถานนมัสการของพระองค์เขาจะต้องทำไมครับ ? 1.เขาจะต้องมาคริสตจักรอย่างสม่ำเสมอ2.เขาจะไม่ขาดการมานมัสการพระเจ้า 3. เขาจะมาโบสถ์โดยที่มีใครต้องคอยโทรตามไหมครับ ? เขามาโบสถ์เพราะเขาผูกพันกับพระเจ้าและคริสตจักรของพระองค์ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีใครโทรตามแต่ประการใด
คำถามคือว่า ผู้เชื่อในยุคแรกเขามีลักษณะอย่างไร ?
ประการที่ 1.2 “และในการสามัคคีธรรมและร่วมใจกันในการหักขนมปังและการอธิษฐาน” ผู้เชื่อในยุคแรกเขาอยากจะมาโบสถ์เพราะเขาอยากเจอกับพี่น้องที่มีความเชื่อในพระเจ้าเหมือนกันเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตที่ดีต่อกันและกันอีกทั้งหนุนใจซึ่งกันและกัน และนี่คือลักษณะของคริสเตียนที่มีการผูกพันตัวกับคริสตจักรในประการที่ 1 คือ เขาจะต้องมีลักษณะชีวิตเหมือนผู้เชื่อในยุคแรกใน 2 ลักษณะย่อยตามที่ได้กล่าวมา
ลักษณะของคริสเตียนที่มีการผูกพันตัวกับคริสตจักร
ประการที่ 2 อยู่ใน 1 คร.3:5 “เปาโลคือผู้ใด อปอลโลคือผู้ใด เขาเป็นผู้รับใช้มาแจ้งให้ท่านทั้งหลายเชื่อ ตามซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่ทุกคน”
พระคำของพระเจ้าพูดถึงของประทาน ประการที่ 2 ผู้เชื่อที่ผูกพันตัวกับคริสตจักรเขาจะต้องรับใช้พระเจ้า
ผมมีสิ่งหนึ่งที่อยากจะพูดกับพี่น้อง ขอให้พี่น้องกรุณาฟังให้ดีๆ สิ่งที่ผมจะพูดนั่นก็คือว่า คริสตจักรนั้นเปรียบเหมือนกับบ้านขของผู้เชื่อทุกคน ที่พวกเรานั้นจะต้องช่วยกันทำงานบ้านของตน ดังนั้นคนที่ผูกพันตัวกับคริสตจักรอย่างแท้จริง เขาจะต้องมีส่วนในการปรนนิบัติรับใช้ผ่านบ้านหลังนี้หรือคริสตจักรแห่งนี้ร่วมกัน
คำถามคือว่า แล้วเราจะมีส่วนร่วมรับใช้พระเจ้าได้อย่างไร ?
ประการที่ 2.1 คือ ตามของประทานที่ตัวเองมี ถ้าเรามีความสามารถในเรื่องอะไร เราถนัดด้านไหน ก็ให้พี่น้องนำสิ่งนั้นนั่นแหละออกมาปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าที่สำคัญคือให้เราทำอย่างดีที่สุด Ex. เช่น ถ้าพี่น้องคนไหนเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีก็ให้พี่น้องคนนั้นไปทำหน้าที่ในการต้อนรับผู้คน
ประการที่ 2.2 คนที่มีความผูกพันกับคริสตจักรอย่างแท้จริงจะต้องรับใช้พระเจ้าด้วยความยินดี เต็มใจและด้วยความเข้าใจไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ จำใจ เกรงใจและไม่ใช่อยากทำอะไรก็ทำไม่ใช่อย่างนั้น
ประการที่ 2.3 คนที่มีความผูกพันกับคริสตจักรอย่างแท้จริงเขาจะมีความยินดีที่จะร่วมรับใช้เมื่อศิษยาภิบาลหรือผู้นำในคริสตจักรได้หนุนใจหรือได้ท้าทายเขาให้ลุกขึ้นในการที่จะรับใช้พระเจ้า
พี่น้องทราบไหมครับว่า เบื้องหลังที่ผู้นำหรือศิษยาภิบาลหนุนใจหรือท้าทายให้พี่น้องนั้นได้ลุกขึ้นและรับใช้พระเจ้าคือใครครับ ? คือ องค์พระผู้เป็นเจ้า
สิ่งที่พี่น้องจะต้องมีความเข้าใจให้ตรงกันนั่นก็คือว่า การรับใช้พระเจ้านั้นไม่ใช่ภาระ แต่เป็นพระพรที่พวกเราทั้งหลายจะได้รับจากองค์พระผู้เป็นเจ้าในกาลอนาคตต่างหากในที่นี้หมายถึงบำเหน็จแห่งฟ้าสวรรค์นั่นเอง
ดังนั้นเมื่อพระเจ้าทรงเรียกพี่น้องผ่านทางศิษยาภิบาลหรือผ่านทางผู้นำในคริสตจักร ผมขอหนุนใจพี่น้องอย่างสัตย์ซื่อและตรงไปตรงมาว่า ให้พี่น้องขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระพรหรือบำเหน็จแห่งฟ้าสวรรค์ที่มาถึงไม่ใช่เป็นการตอบปฎิเสธ
ลักษณะของคริสเตียนที่มีการผูกพันตัวกับคริสตจักร
ประการที่ 3 อยู่ใน 1คร.9:19 “เพราะถึงแม้ว่าข้าพเจ้ามิได้อยู่ในบังคับของผู้ใด ข้าพเจ้าก็ยังยอมตัวเป็นทาสคนทั้งปวงเพื่อจะได้ชนะใจคนมากยิ่งขึ้น”
พระคำของพระเจ้าใน 1คร.9:19 บอกกับเราอย่างลึกซึ้งว่า นอกจากการที่เขาจะมีส่วนร่วมในการรับใช้พระเจ้าแล้ว เขาต้องเป็นผู้ที่เสนอตัวของเราในการรับใช้พระเจ้าด้วย
คำถามคือว่า เราควรจะมีท่าทีในการเสนอตัวเองอย่างไร ?
ประการที่ 3.1 เสนอตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องมีใครมาท้าทายอะไรเรา คนที่รักพระเจ้า คนที่รักคริสตจักรของพระองค์ เขาจะเสนอตัวเองโดยไม่ต้องมีใครมาท้าทายอะไรเรา
Ex. เช่น ผมไปบุกเบิกพันธกิจลูกที่ จ.เพชรบุรี เพราะผมรู้ว่าพระเจ้าที่ผมนมัสการอยู่นั้นพระองค์ทรงรักคนใน จ.เพชรบุรีและผมก็รักในสิ่งที่องค์พระเยซูคริสต์ทรงตรัสไว้ใน มธ.28-19-20 และด้วยความรักที่ผมมีต่อพระองค์นี้เองทำให้ผมลุกขึ้นและก้าวออกมาโดยไม่ต้องมีใครมาท้าทายหรือหนุนใจผมแต่อย่างใด
คำถามคือว่า พระคำของพระเจ้าต้องที่จะบอกอะไรกับเรา ?
พระคำของพระเจ้าต้องการที่จะบอกกับเราว่า การที่พี่น้องมีส่วนในการรับใช้พระเจ้าร่วมกับคริสตจักรของพระองค์นั้นก็ดีอยู่แต่มากกว่านั้นที่พี่น้องจะต้องเรียนรู้นั่นก็คือการที่พี่น้องจะต้องทะลุทะลวงไปสู่การเป็นผู้เสนอตัวรับใช้พระเจ้าในการพันธกิจต่างๆของพระองค์ด้วย
ฉลธ.28:13 “ถ้าท่านเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ และระวังที่จะกระทำตาม พระเยโฮวาห์จะทรงกระทำให้ท่านเป็นหัว ไม่ใช่เป็นหาง กระทำให้สูงขึ้นทางเดียว มิใช่ให้ต่ำลง”
พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่าอย่างไรครับ ? พระองค์ปรารถนาให้ผู้เชื่อทุกคนนั้นเป็นหัวหรือเป็นหางครับ ?
“หัว” คือ ผู้ที่เริ่มต้น “หัว” คือ ผู้ที่เสนอตัวรับใช้พระเจ้า “หัว” คือ คนที่ไม่ใช่ผู้ตาม “หัว” คือ คนที่ปรารถนาอยากจะเห็นการทะลุทะลวงจากพระเจ้า “หัว” คือ คนที่อยากจะให้พระเจ้าอยากยกระดับความเชื่อของเขาขึ้น
คนที่จะเป็นหัวจะต้องมีความปรารถนาที่จะเป็นมากกว่าการมีส่วนร่วมในการรับใช้พระเจ้า
คำถามคือว่า เราควรจะมีท่าทีในการเสนอตัวเองอย่างไร ?
ประการที่ 3.2 เสนอตัวรับใช้ในยามที่คริสตจักรขาดคนที่จะรับใช้พระเจ้า มีคำกล่าวว่า กองทัพที่ปราศจากทหารก็ไม่ใช่กองทัพ
พี่น้องทราบกันเป็นอย่างดีใช่ไหมครับ ถึงสถานภาพของผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าว่ามีสถานอะไรบ้าง มีอะไรบ้างครับ ? ลูกของพระเจ้า นักกีฬา ลูกแกะและสถานภาพหนึ่งของผู้เชื่อคือ ทหารของพระเยซูคริสต์ ถ้าคริสตจักรของพระเจ้าขาดซึ่งทหารของพระเยซูคริสต์แล้วคริสตจักรจะเป็นอย่างไรครับ ? ถ้าคริสตจักรของพระเจ้าขาดซึ่งทหารของพระเยซูคริสต์แล้วจะเป็นคริสตจักรได้อย่างไร
Hanna จำได้ไหมครับ ที่พวกเราเคยไป Mission Team ที่บุรีรัมย์ และเราไปเยี่ยมแม่คำด้วยกัน……………………………..
ดังนั้นคนที่ผูกพันตัวกับคริสตจักรอย่างแท้จริง เขาจะเป็นคนหนึ่งที่จะเสนอตัวรับใช้พระเจ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาทราบว่าถ้าคริสตจักรขาดแคลนคนงานของพระเจ้าหรือขาดแคลนในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
พี่น้องมองเห็นอะไรในชีวิตของท่าน อ.สวนีย์ บ้างไหมครับ ?
ท่าน อ.สวนีย์ นอกจากท่านจะมีความเป็นผู้ใหญ่วิญญาณแล้วท่านยังเป็นแบบอย่างในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าที่ดีให้กับเราทั้งหลายได้ประจักษ์และแลเห็นด้วย
อ.สวนีย์ ท่านไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ที่มีส่วนร่วมในการรับใช้พระเจ้าเท่านั้น แต่เมื่อท่าน อ.สวนีย์ ทราบว่าศิษยาภิบาลที่ จ.คริสตจักรเพชรบูรณ์ลาออกไป ซึ่งจะเป็นการลาออกด้วยเหตุใดก็ตาม ท่าน อ.สวนีย์ ทำอย่างไรครับ ? รีบเสนอตัวของท่านเองต่อพระราชกิจของพระเจ้าที่คริสตจักรแห่งนั้นในทันที
ผมอยากจะเรียนกับพี่น้องอยากสัตย์ซื่อว่า ถ้าพระราชกิจของพระเจ้าในประเทศไทยมีคนอย่างท่าน อ.สวนีย์ เป็นจำนวนมาก พระราชกิจของพระเจ้าจะมีความเจริญและก้าวหน้ากว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมาก
ในทำนองเดียวกัน ถ้าคริสตจักรเพชรบุรี-สมุทรสงครามของเรามีคนอย่างท่าน อ.สวนีย์ มากๆๆคริสตจักรของเราก็จะมีความเจริญและก้าวหน้ากว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมากด้วยเช่นกัน ขอพระเจ้าเมตตาที่ทั้ง 2 คริสตจักรจะมีคนอย่างท่าน อ.สวนีย์ มากๆ
คำถามคือว่า เราควรจะมีท่าทีในการเสนอตัวเองอย่างไร ?
ประการที่ 3.3 ต้องไม่ใช่ทำแบบขอไปที
มีผู้เชื่อจำนวนมากมายในประเทศไทย ที่พอเจ้านายฝ่ายโลกมี project อะไรหยิบยื่นมาให้ ผู้เชื่อหลายคนเสนอตัวที่จะดูแลและรับผิดชอบให้อย่างถวายหัวเลย ผู้เชื่อหลายคนทำอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่เสร็จไม่ยอมกินน้ำกินข้าว หลายคนทำอย่างหามรุ่งหามค่ำก็มี
แต่พอคริสตจักรมี Project อะไรหยิบยื่นมาให้ กับหลบลี้หนีเลี่ยง กับทำแบบขอไปที ทำเสมือนหนึ่งว่างานของพระเจ้าไม่ค่อยสำคัญ ขอที่เราจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่ให้เรารีบเสนอตัวของเราและทำงานของพระเจ้าอย่างสุดความสามารถ
ลักษณะของคริสเตียนที่มีการผูกพันตัวกับคริสตจักร
ประการที่ 4 มีจิตใจที่อยากจะเห็นคริสตจักรเติบโต
คนที่ผูกพันตัวกับคริสตจักรต้องมีความปรารถนาที่จะเห็นคริสตจักรที่เขาผูกพันตัวอยู่ มีสถานภาพเป็นสมาชิกอยู่นั้นเจริญและเติบโตขึ้น มีการเกิดผล มีการขยายผล
อีกทั้งมีความเจริญก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ สิ่งที่น่าเศร้าใจนั่นก็คือว่า ปัจจุบันคริสตเตียนไทยส่วนมากรวมถึงพี่น้องของเราด้วยโดยส่วนมากเรามีผู้เชื่อที่อยู่เพื่อรักษาสถานภาพกันไปวันๆไม่ค่อยมีใครที่จะคิดถึงในเรื่องนี้เลย
คำถามก็คือว่า เราจะมีส่วนทำให้คริสตจักรเติบโตได้อย่างไร
ประการที่ 4.1 ผ่านการมีชีวิตอยู่เพื่อแผ่นดินของพระเจ้า เพื่ออาณาจักรของพระองค์ เราเคยมีเป้าหมายนี้ในชีวิตของเราหรือไม่พูดอย่างง่ายๆ คือ อยู่เพื่อพระเจ้า
การมีชีวิตอยู่เพื่อแผ่นดินของพระเจ้าหรือเพื่ออาณาจักรของพระองค์และหรือมีชีวิตอยู่บนพระวจนะของพระเจ้านั้นจะทำให้ชีวิตของเราเสถียร คือ มีความนิ่งและมีความสงบสุขภายในจิตใจ ซึ่งนี่เป็นวิธีการประกาศแบบหนึ่งผ่านการดำเนินชีวิตและเป็นเหตุทำให้คนมาถึงพระเจ้าได้
ไม่ใช่บอกใครต่อใครว่าเป็นลูกของพระเจ้า วันเสาร์ต้องมาโบสถ์ แต่เมื่อคนไม่เชื่อพระเจ้ามองเข้ามาในชีวิตของเรา มันอะไรก็ไม่รู้ หาความสงบสุขภายในจิตใจอะไรก็ไม่ได้เลยสักอย่าง ลูกหลานมาโบสถ์แต่ก็ไม่เอาถ่านกันเลยสักคน แน่นอนคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าเขารู้ว่าพระเจ้าดี แต่ที่มันไม่ดีคือใครครับ ?
และคนที่ไม่ได้เชื่อพระเจ้าเขามองใคร ? ถ้าพระเจ้าของคุณดีจริงเปลี่ยนคุณให้ได้ก่อนแล้วถ้าคุณเปลี่ยนนั่นแหละฉันถึงค่อยจะมาโบสถ์
ดังนั้นอย่าให้ชีวิตคริสเตียนของเราเป็นหินสะดุดต่อการประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า แต่ขอให้การมีชีวิตอยู่ของเรานั้นได้สะท้อนถึงสง่าราศีและพระสิริของพระเจ้าด้วย
คำถามก็คือว่า สิ่งนี้เคยเป็นเป้าหมายของพี่น้องหรือไม่ ?
คำถามก็คือว่า เราจะมีส่วนทำให้คริสตจักรเติบโตได้อย่างไร
ประการที่ 4.2 ผ่านการประกาศ เป็นพยาน เพื่อให้คนมาถึงพระเจ้าให้มากที่สุด แต่ชีวิตของคนที่นำคนมาถึงพระเยซูคริสต์ก็จะต้องได้ด้วย
ไม่ใช่ปากเราพูดว่าพระเจ้าดี พระเจ้าดีอย่างนี้ แต่ชีวิตของคนพูด 1.ยังสูบบุหรี่ 2.กินเหล้าหรือชีวิตยังไม่เสถียรหรือจิตใจยังหาความสงบสุขยังไม่ได้เลยอย่างนี้มันใช่ไหม ?
ลักษณะของคริสเตียนที่มีการผูกพันตัวกับคริสตจักรและมีใจที่อยากจะเห็นคริสตจักรเติบโตมันจะต้องไม่ใช่แบบที่กล่าวไปเมื่อสักครู่นี้
ในทางตรงกันข้ามถ้าพี่น้องคนใดก็ตามที่มีการดำเนินชีวิตอย่างที่ผมได้กล่าวไปเมื่อสักครู่นี้ ก็ทำให้เราทราบว่า แท้ที่จริงแล้วเขานั้นไม่ได้ผูกพันตัวกับพระเจ้าหรือคริสตจักร ถึงเขาจะมาโบสถ์สม่ำเสมอก็ตาม แต่เขาผูกพันตัวกับใครครับ ? เขาผูกพันตัวของเขาเองมากกว่าที่จะผูกพันตัวกับพระเจ้าหรือผูกพันตัวของเขากับคริสตจักรของพระองค์
คำถามก็คือว่า เราจะมีส่วนทำให้คริสตจักรเติบโตได้อย่างไร
ประการที่ 4.3 เราต้องมีส่วนร่วมรับใช้พระเจ้าในทุกๆทาง
พี่น้องทราบไหมครับว่า คริสตจักรฯในกรุงเทพหลายคริสตจักรฯนะครับ ที่เขาจ้างพนักงาน PCS เอาไว้ทำความสะอาดคริสตจักรฯ เขามี รปภ. โดยจ้างผ่านบริษัทนายหน้า บางคริสตจักรฯ มีฝ่ายซ่อมบำรุงประจำคริสตจักร
คำถามคือว่า แล้วศิษยาภิบาลเขาทำอะไรกันบ้าง ? เขาอธิษฐานเผื่อสมาชิก เขาเตรียมคำเทศน์คำสอน เขาเสริมสร้างธรรมิกชนและพัฒนาผู้นำ และเขาก็ได้รับผลตอบแทนกันเป็นประจำทุกเดือน
ซึ่งการอธิษฐานเผื่อสมาชิก การเตรียมเทศนาสั่งสอนผมก็ทำ การเตรียมธรรมิกชนผมก็ทำ เสริมสร้างพัฒนาฆราวาสผมก็ทำ บางเดือนหาเงินปิดค่าเช่าสถานนมัสการผมก็ทำ การเก็บกวาดปัดถูผม ซ่อมบำรุงเล็กๆน้อยผมก็ทำ แต่ทุกเดือนเหมือนกันที่ผมไม่ได้รับผลตอบแทน ซึ่งนั่นไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นของผมอยู่ตรงที่ว่า คนที่ผูกพันตัวกับคริสตจักร อยากเห็นคริสตจักรเจริญและเติบโต เขาจะต้องมีความตั้งใจที่จะรับใช้พระเจ้าทุกอย่าง
คริสตจักรต้องการผู้นำนมัสการที่พาพี่น้องนมัสการพระเจ้าแล้วทำให้จิตใจของพี่น้องสะอาดและบริสุทธิ์
คริสตจักรต้องการนักเทศน์ที่พาพี่น้องเข้าสู่พระวจนะของพระเจ้าแล้วพี่น้องมีจิตใจที่สะอาดและบริสุทธิ์
เช่นเดียวกันคริสตจักรแห่งนี้ก็ต้องการเห็นพี่น้องสมาชิกในคริสตจักรที่จะมาช่วยกันดูทำให้พระนิเวศน์ของพระเจ้าสะอาดสะอ้านดูงามตาด้วยเช่นเดียวกัน (ถามคนข้างๆว่าจะมาช่วยกันทำเมื่อไหร่)
ลักษณะของคริสเตียนที่มีการผูกพันตัวกับคริสตจักร
ประการที่ 5 อยู่ใน มธ.16:18-19 “ฝ่ายเราบอกท่านด้วยว่า ท่านคือเปโตร และบนศิลานี้เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ และประตูแห่งนรกจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นก็หามิได้
เราจะมอบลูกกุญแจของอาณาจักรแห่งสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน ท่านจะผูกมัดสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกมัดในสวรรค์ และท่านจะปล่อยสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นจะถูกปล่อยในสวรรค์"
ลักษณะของคริสเตียนที่มีการผูกพันตัวกับคริสตจักรอย่างแท้จริงเขาจะต้องเห็นความสำคัญของ 1.ตัวเองน้อยลง 2.งานประจำด้วยและเห็นถึงความสำคัญของคริสตจักรด้วย และสำหรับบางคนอาจจะเห็นความสำคัญของคริสตจักรหรือให้ความสำคัญกับการรับใช้พระเจ้ามากกว่าสิ่งอื่นใดด้วยซ้ำไป
สรุป คริสเตียนที่ผูกพันตัวกับคริสตจักร
ประการที่ 1. ให้ดูชีวิตของเขาว่าเหมือนผู้เชื่อในยุคแรกไหม
ประการที่ 1.1 ผู้เชื่อในยุคแรกที่รักษาวันสะบาโต 1.2 เขามาโบสถ์เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตในความเชื่อกับพี่น้องในคริสตจักร
ประการที่ 2 เขาจะรับใช้พระเจ้า
ประการที่ 2.1 ตามของประทานของตน 2.2 ด้วยความยินดีและเต็มใจ 2.3 เขาจะตอบรับเมื่อถูกท้าทายให้รับใช้
ประการที่ 3 เขาจะเสนอตัวต่อพระราชกิจของพระเจ้า
ประการที่ 3 .1 เสนอตัวโดยที่ไม่ต้องมีใครมาท้าทาย 3 .2 ยิ่งรู้ว่าคริสตจักรขาดแคลนคนงานยิ่งรีบเสนอตัว 3 .3 ไม่ทำแบบขอไปที
ประการที่ 4 มีจิตใจที่อยากจะเห็นคริสตจักรเติบโต
ประการที่ 4.1 ผ่านการมีชีวิตอยู่เพื่อแผ่นดินของพระเจ้า 4.2 ผ่านการประกาศ เป็นพยาน 4.3 เราต้องมีส่วนร่วมรับใช้พระเจ้าในทุกๆทาง
ประการที่ 5 เห็นความสำคัญของ คริสตจักรของพระเจ้าอยู่ในความคิดของเขาด้วย