การผูกพันตัวกับพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงฝ่ายวิญญาณ

คำเทศนาเรื่อง การผูกพันตัวกับพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงฝ่ายวิญญาณ

                            ผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า “การผูกพันตัวกับพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงในฝ่ายวิญญาณ”

พี่น้องทราบไหมครับว่า ในโลกใบนี้มีบุคคลอยู่เพียง 2 คนเท่านั้นที่ไม่ได้เกิดมาจากพ่อแม่ในฝ่ายเนื้อหนัง และ 2 คนที่ว่านี้คือใครครับ ?  อาดัมกับเอวา

                        พี่น้องที่รักครับ เมื่อพระเจ้าทรงสร้างอาดำ-เอวาขึ้นมาพระเจ้าทรงปรารถนาที่จะให้อาดำกับเอวาทำไมครับ ? ผูกพันตัวกับพระองค์

พระคำของพระเจ้าในหนังสือปฐมกาลได้บอกกับเราว่าสิ่งนี้เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งที่พระเจ้าได้วางเอาไว้ให้กับมนุษย์ตั้งแต่ตอนแรก

พี่น้องที่รักครับ การที่พระเจ้าให้อาดำผูกพันตัวกับพระองค์ก็เพื่อที่เขาเองนั้นจะได้รับการเลี้ยงดู ได้รับคำแนะนำจาก ได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์

คำถามคือว่า พระเจ้าทรงเลี้ยงดูเขาอย่างไร ? ผลไม้ในสวนนี้ทั้งหมดเจ้ากินได้

คำถามคือว่า เขาได้รับคำแนะนำอย่างไร : ยกเว้น 2 ต้นนี้เจ้าอย่ากิน

คำถามคือว่า เขาได้รับการช่วยเหลืออย่างไร : ชายคนนี้ไม่ควรที่จะอยู่เพียงลำพังคนเดียว

ภายหลังจากนั้นเป็นต้นมาใครเป็นผู้ให้กำเนิดมนุษย์ครับ ? มนุษย์เป็นผู้ให้กำเนิดมนุษย์มาจนถึงทุกวันนี้

เมื่อพ่อแม่ฝ่ายกายภาพเป็นผู้ให้กำเนิดเราขึ้นมา มนุษย์โดยส่วนมากจึงมักผูกพันตัวกับพ่อแม่ของเขาหรือครอบครัวของเขาเพื่อให้เขาได้รับการเลี้ยงดู ได้รับคำแนะนำตลอดจนได้รับการช่วยเหลือ

พระคำของพระเจ้าเริ่มที่จะสนับสนุนให้มนุษย์โดยเฉพาะผู้ชายค่อยๆถอยออกจากการผูกพันตัวกับพ่อแม่เมื่อไหร่ครับ ให้เราดูในหนังสือ ปฐก.2:4 “เหตุฉะนั้นผู้ชายจะจากบิดามารดาของเขา และจะไปผูกพันอยู่กับภรรยาและเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน"

พระคำของพระเจ้าสนับสนุนให้มนุษย์โดยเฉพาะผู้ชายเริ่มที่จะถอยออกจากการผูกพันตัวกับพ่อแม่เมื่อคุณมีขอบเขต มีความรับผิดชอบ มีหน้าที่ แต่โดยแท้จริงแล้วเขายังต้องผูกพันตัวอยู่ไหม ?

ซึ่งตรงกันข้ามกับปัจจุบันที่เป็นอยู่ในขณะนี้ที่ผู้ชายทำไมครับ ? ขอบเขต ความรับผิดชอบ หน้าที่การงานอะไรก็ไม่มี อาศัยพ่อแม่ไปวันๆ แต่อยากมีเมียมีลูก บางคนที่มีงานทำก็ไม่ค่อยจะมั่นคง เดี๋ยวเข้า เดี๋ยวออก

พอมีขึ้นมาแล้วดูแลกันอย่างมีคุณภาพได้ไหม ? ด้วยเหตุนี้เองพวกเราจึงไม่ต้องแปลกใจเลยครับพี่น้องที่รักว่าทำไมปัญหาสังคมมันจึงเกิดขึ้นเยอะแยะมากมายจนถึงทุกวันนี้

เมื่อมนุษย์มีพ่อแม่ในฝ่ายกายภาพแล้ว พี่น้องคิดว่าพระเจ้าปรารถนาที่จะให้เราซึ่งเป็นคริสเตียน มีความเชื่อว่าพระเจ้าได้ทรงระบายจิตวิญญาณของพระองค์ลงมาในชีวิตของเรา

คำถามคือว่า พี่น้องคิดว่าพระเจ้าปรารถนาที่จะให้เรามีพ่อแม่ในฝ่ายจิตวิญญาณด้วยไหมครับ ? คำตอบคือ นั่นเป็นความปรารถนาของพระเจ้าที่จะให้ผู้เชื่อทุกๆคนมีพ่อแม่ฝ่ายจิติวญญาณเพื่อคอยให้ 1.การเลี้ยงดู 2.คำแนะนำคอย 3.ช่วยเหลือและอธิษฐานเผื่ออีกทั้งสอนเราในการที่จะติดตามพระเจ้าได้อย่างถูกต้อง จนกระทั่งถึงวันหนึ่งที่พี่น้องนั้นเจริญและเติบโตขึ้นในทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า พี่น้องก็จะต้องค่อยๆที่จะพาตัวเองออกมาในการที่จะเลี้ยงดูคนอื่นได้ด้วย

ซึ่งนอกจากการที่คริสตจักรไทยและคริสเตียนไทยจะขี้เกียจในการที่จะประกาศ เป็นพยาน เป็นเกลือ เป็นแสงสว่างแล้ว การเลี้ยงดูผู้เชื่อใหม่หรือการเลี้ยงดูคนอื่นให้เจริญเติบโตในทางของพระเจ้าก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัญหาของคริสตจักรและคริสเตียนไทยที่ทำให้มีจำนวนผู้เชื่อมีไม่ถึง 1% ในเวลานี้ด้วย

คำถามก็คือว่า วันนี้ถ้ามีคนถามพี่น้องว่า “คริสเตียน” คือใคร ? พี่น้องจะตอบเขาว่าอย่างไร ? สำหรับผมแล้ว ผมจะตอบเขาว่า “คริสเตียนคือคนที่ติดตามพระเจ้าและเป็นคนที่ทำให้พระเจ้าเป็นที่รู้จัก” เวลานี้พี่น้องเป็นคนที่ทำให้พระเจ้าเป็นที่รู้จักหรือไม่ ? Ex. Case คุณหมู

ดังนั้นการมีพ่อแม่ฝ่ายวิญญาณหรือการผูกพันตัวต่อผู้เลี้ยงซึ่งจะเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ในการอภิบาลฝ่ายจิตวิญญาณของเรานั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะนี่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งมันจะส่งผลต่อความเชื่อที่ถูกต้องไปยังพี่น้องด้วย เมื่อความเชื่อในพระเจ้าของพี่น้องถูกต้อง พระพรที่พี่น้องจะได้รับจากพระเจ้าก็จะถูกต้องตามไปด้วยไหมครับ ? แต่นั่นก็มิได้หมายความว่า พ่อแม่ฝ่ายวิญญาณหรือพี่เลี้ยงและหรือผู้อภิบาลฝ่ายวิญญาณจะเข้าไปจัดการหรือจัดแจงในชีวิตของเขานั้นก็หามิได้

หน้าที่ของพ่อแม่ฝ่ายวิญญาณหรือผู้เลี้ยงและหรือผู้อภิบาล คือการให้คำแนะนำที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้นส่วนการตัดสินใจเป็นเรื่องของเขา

คำถามคือ เวลานี้ใครคือ (1)พ่อแม่ฝ่ายวิญญาณ (2)ผู้เลี้ยง (3)ผู้อภิบาลฝ่ายจิตวิญญาณในชีวิตของท่านคนที่ประการศและนำท่านมารับเชื่อใช่ไหม ? คุณหมอวรุณใช่ไหม เพราะมีหลายคนชอบฟังคำเทศน์คำสอนของท่าน ?

บริบทของคำตอบนี้คือ คนที่ให้พระคำ คนที่ให้คำปรึกษา คนที่ลงชีวิตคนที่ใช้เวลา คนที่เขาให้การเสริมสร้างและพัฒนา คนที่ให้การอธิษฐานเผื่อพี่น้องอย่างสม่ำเสมอ คนเหล่านั้นแหละคือพ่อแม่ฝ่ายวิญญาณของท่าน

คนที่นำท่านมารับเชื่อพระเจ้าเขาคือ คนที่ประกาศกับท่านประกาศนำท่านรับเชื่อเสร็จแล้วเขาก็ไปที่สำคัญบางคนไม่อยากเลี้ยงดูอื่นด้วยซ้ำ

คุณหมอวรุณ ท่านเป็นเหมือนกับเรือ Logos ที่มาจอดที่ท่า เรือคลองเตย ท่านมาทำพันธกิจแห่งการหนุนใจ ผ่านการเทศนาสั่งสอนสอน เสร็จภารกิจท่านก็เดินทางกลับอเมริกา

พี่น้องคนไหนที่สนิทสนมกับท่าน ก็ได้รับการทักทายพูดคุย ชวนไปทานอาหารบ้างในบางโอกาสแต่เอาจริงๆเขามีเวลาที่จะมาลงชีวิตกับพี่น้องไหม ?

ดังนั้นในเช้าวันนี้ให้เรามาดูลักษณะของคนที่ผูกพันตัวกับผู้เลี้ยงซึ่งเปรียบเหมือนกับพ่อแม่ฝ่ายวิญญาณว่ามีคุณสมบัติอะไรบ้าง

ประการที่ 1 อยู่ใน มธ.10:40-41 “ผู้ที่รับท่านทั้งหลายก็รับเรา และผู้ที่รับเราก็รับพระองค์ที่ทรงใช้เรามาผู้ที่รับศาสดาพยากรณ์เพราะนามแห่งศาสดาพยากรณ์นั้น ก็จะได้บำเหน็จอย่างที่ศาสดาพยากรณ์พึงได้รับ และผู้ที่รับผู้ชอบธรรมเพราะนามแห่งผู้ชอบธรรมนั้น ก็จะได้บำเหน็จอย่างที่ผู้ชอบธรรมพึงได้รับ”

ประการที่ 1 คือ คุณต้องยอมรับเขาและพระพรนั้นจะเป็นของคุณ

สิ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือ การเป็นผู้ปรนนิบัติ เป็นผู้รับใช้ เป็นศิษยาภิบาล เป็นผู้ปกครอง เป็นผู้นำในคริสตจักร มันไม่ได้อยู่ๆจะตั้งใครขึ้นมาก็ได้

คนเหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการอธิษฐาน ชีวิตคริสเตียนของเขาต้องได้ หลักข้อเชื่อของเขาต้องไม่ผิดเพี้ยน เขาถึงจะมีการอธิษฐานเจิมตั้งขึ้นมา

ดังนั้นในเบื้องต้นพี่น้องจะต้องเปิดใจและยอมรับสิทธิอำนาจในฝ่ายวิญญาณนี้ก่อน การเปิดใจยอมรับสิทธิอำนาจนี้ พระคำของพระเจ้าใน มธ.10:40-41 บอกกับเราว่า นั่นเท่ากับคุณเปิดท่อพระพรให้กับตัวคุณเอง แต่ถ้าคุณปิดกั้นไม่ยอมรับสิทธิอำนาจนี้นั่นก็เท่ากับคุณได้ปิดกั้นท่อพระพรด้วยตัวของคุณเอง

คำถามคือว่า ยอมรับสิทธิอำนาจแล้วเราต้องทำอย่างไร ?

คำตอบคือ เราต้องยอมเปิดเผยชีวิตของเรากับผู้เลี้ยงอีกทั้งยอมให้พ่อแม่หรือพี่เลี้ยงฝ่ายวิญญาณเข้าไปรับรู้การดำเนินชีวิตของเราได้ในระดับหนึ่ง

ซึ่งการเปิดเผยชีวิตเล็งถึงการที่เรายอมให้พระเจ้านั้นเข้ามาในชีวิตของคุณอย่างไม่มีแม้ มีแต่ อย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น

ถ้าพี่น้องได้อ่านคำพยานของปลัดสมภพ พี่น้องก็จะพบว่าท่านเปิดเผยชีวิตของท่าน กับ อ.วินัย ศบ.คจ.เที่ยนสั่ง ว่าท่านนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ท่านมีปัญหาอะไร สิ่งที่ทุกข์ใจมากที่สุดในเวลานั้นคืออะไร ?

นั่นเท่ากับว่า ท่านปลัดสมภพให้การยอมรับในสิทธิอำนาจของพระเจ้าผ่านคนของพระเจ้าไหมครับ ? ท่านปลัดสมภพไม่เพียงแต่ให้การยอมรับเท่านั้น แต่ท่านให้การยอมจำนนกับพระเจ้าผ่านคนของพระเจ้าด้วย

ลักษณะของคนที่ผูกพันตัวกับผู้เลี้ยงซึ่งเปรียบเหมือนกับพ่อแม่ฝ่ายวิญญาณว่ามีคุณสมบัติอะไรบ้าง

ประการที่ 2อยู่ใน 13:17 ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังและยอมอยู่ในโอวาทของคนเหล่านั้นที่ปกครองท่าน ด้วยว่าท่านเหล่านั้นคอยระวังดูจิตวิญญาณของท่าน เหมือนกับผู้ที่จะต้องรายงาน เพื่อเขาจะได้ทำการนี้ด้วยความชื่นใจ ไม่ใช่ด้วยความเศร้าใจ เพราะที่ทำดังนั้นก็จะไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่ท่านทั้งหลาย

ประการที่ 2 คือ ให้เราเคารพและเชื่อฟังผู้เลี้ยงเพราะผู้เลี้ยงเป็นตัวแทนของพระเจ้า

พี่น้องทราบแล้วนะครับว่า การที่เราจะต้องผูกพันตัวกับพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงฝ่ายจิตวิญญาณ นอกจากจะเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าแล้ว สิ่งที่พี่น้องจะต้องทราบนั่นก็คือว่า พระเจ้าทรงทำงานของพระองค์ผ่านทางผู้นำ ผ่านคนที่พระเจ้าทรงเรียกและเลือกสรรเอาไว้

ซึ่ง B/B ตลอดทั้งเล่ม ทั้งในภาคพันธสัญญาเดิมและในภาคพันธสัญญาใหม่พี่น้องก็จะเห็นได้ว่าพระองค์ก็ทรงสำแดงและเปิดเอาไว้อย่างนั้น

ดังนั้นเมื่อพระเจ้าทรงส่งผู้เลี้ยงคนใดก็ตามให้เข้ามาในชีวิตของพี่น้อง พี่น้องจะต้องเคารพและให้เกียรติอีกทั้งเชื่อฟังประการที่สำคัญอย่างหนึ่งนั่นก็คือ นี่เป็นกุญแจอย่างหนึ่งที่จะทำให้พี่น้องนั้นจะได้รับพระพรจากพระเจ้าด้วย

ลักษณะของคนที่ผูกพันตัวกับผู้เลี้ยงซึ่งเปรียบเหมือนกับพ่อแม่ฝ่ายวิญญาณว่ามีคุณสมบัติอะไรบ้าง

ประการที่ 3 อยู่ใน กดว.12:1 “มิเรียมและอาโรนได้พูดติโมเสส เหตุหญิงคนเอธิโอเปียที่ท่านได้แต่งงานด้วย เพราะโมเสสได้แต่งงานกับหญิงคนเอธิโอเปียคนหนึ่ง”

ประการที่ 3 คือ จงรักภักดีและปกป้องผู้เลี้ยงตามความจริง

พี่น้องทราบใช่ไหมครับว่า การที่อิสราเอลจะต้องได้รับบทเรียนจากพระเจ้าอย่างเยอะแยะมากมายสาเหตุเป็นเพราะอะไรครับ ? เป็นเพราะว่าเขานั้นขาดความจงรักภักดี

ซึ่งความยำเกรงพระเจ้า ความจงรักภักดีต่อพระเจ้า เป็นสิ่งที่สำคัญมากไหมครับสำหรับชีวิตคริสเตียน ? เป็นสิ่งที่สำคัญมากและอิสราเอลก็สอบไม่ผ่านเรื่องนี้หลายครั้ง

สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อสารกับพี่น้องนั่นก็คือว่า พระเจ้าไม่เพียงแต่จะให้เรายำเกรงพระเจ้าหรือมีความจงรักภักดีต่อพระองค์เท่านั้น

แต่พระองค์ยังปรารถนาที่จะให้เรานั้นมีความเคารพและมีความจงรักภักดีต่อคนที่เป็นพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงฝ่ายวิญญาณด้วยเช่นกัน

Ex.เช่น เรื่องมิเรียมบ่นว่าโมเสสให้กับอาโรนฟังซึ่งตอนนี้โมเสสเป็นใครครับ ? ในฝ่ายกายภาพโมเสสเป็นน้องของทั้ง 2 คน แต่ในฝ่ายจิตวิญญาณโมเสสเป็นใครครับ ? เป็นคนที่พระเจ้าทรงโปรดเรียกและเลือกให้เป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณของพวกเขา

คำถามก็คือว่า พระคำของพระเจ้าใน กดว.12:1 กำลังบอกอะไรกับเรา ? พระคำของพระเจ้าต้องการที่จะบอกกับเราว่า 1.การอิจฉาคนอื่นไม่ใช่เป็นเรื่องที่ดี 2.คุณอย่าอิจฉาคนที่พระเจ้าอวยพร3.ถ่อมใจยอมรับคนที่พระเจ้าเจิมตั้งเอาไว้

คำถามก็คือว่า ถ้าอาโรนไม่รีบสารภาพบาปกับพระเจ้า พี่น้องคิดว่าอาโรนจะได้รับผลหรือจะเป็นโรคเรื้อนเหมือนมิเรียมด้วยไหม ? จะเป็นได้อย่างไรในเมื่ออาโรนไม่ได้เป็นคนพูดต่อว่าโมเสส

อีกครั้งหนึ่ง ถ้าอาโรนไม่รีบสารภาพบาปกับพระเจ้า พี่น้องคิดว่าอาโรนจะได้รับผลหรือจะเป็นโรคเรื้อนเหมือนมิเรียมด้วยไหม ? เมื่อคุณเห็นคนทำผิดแล้วคุณเฉยๆ นั่นเท่ากับว่า 1.คุณมีส่วนร่วม 2.คุณเห็นด้วยกับเขา

1ซมอ.19 บอกกับเราว่าเมื่อซาอูลคิดที่จะฆ่าดาวิดทิ้งเสียเพราะความอิจฉาโยนาธานทำอย่างไรครับ ? ให้เราดูพระคำของพระเจ้าใน 1 ซมอ.19:4-5 “โยนาธานกล่าวชมดาวิดให้ซาอูลราชบิดาฟังทูลว่า "ขอกษัตริย์อย่าทรงกระทำบาปต่อดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์เลย เพราะดาวิดหาได้กระทำบาปสิ่งใดต่อพระองค์ไม่ และการงานของเธอก็เป็นงานปฏิบัติพระองค์อย่างดี
เพราะเธอเสี่ยงชีวิตของตน และประหารคนฟีลิสเตียนั้น และพระเยโฮวาห์ทรงกระทำให้มีการช่วยให้พ้นอย่างใหญ่หลวงเพื่ออิสราเอลทั้งปวง พระองค์ทรงเห็นแล้วและทรงชื่นชมยินดี แต่ไฉนพระองค์จึงจะกระทำบาปต่อโลหิตที่ไร้ความผิด ด้วยการฆ่าดาวิดเสียอย่างปราศจากเหตุผล"

ดังนั้นเมื่อมีการพูดถึงพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงฝ่ายวิญญาณของเราในทางที่ไม่ดีหรือในทางที่ไม่ถูกต้อง สิ่งที่แกะต้องทำต่อผู้เลี้ยงคือให้เราดูใน มธ.5:37 “จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ พูดแต่เพียงนี้ก็พอ คำพูดเกินนี้ไปมาจากความชั่ว” ผู้เลี้ยงมีหน้าที่ปกป้องแกะ แกะมีหน้าที่ปกป้องผู้เลี้ยง แต่ด้วยความจริงไม่ใช่เข้าข้าง

ซึ่ง 10 กว่าที่ผ่านมามีคริสตจักรใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งมีคริสตจักรในเครือเยอะแยะมากมายเกิดการแตกแยกกัน เหตุเพราะแกะส่วนหนึ่งปกป้องผู้นำที่กระทำความผิด แต่แกะอีกส่วนหนึ่งสนับสนุนให้มีการไตร่สวนตามความจริงแห่งพระคำของพระเจ้าใน มธ.5:37 แต่เมื่อต่างฝ่ายต่างที่จะตกลงกันไม่ได้มันก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ความแตกแยกจึงเกิดขึ้น

10 ปีกว่าที่ผ่านมา ผมเคยให้คริสตจักรเติมเงินในโทรศัพท์มือถือให้กับพี่น้องบางคนเพื่อโทรไปเยี่ยมพี่น้องของเราแทนผม และในบางโอกาสได้มอบหมายให้พี่น้องบางคนไปเยี่ยมพี่น้องสมาชิกของเราที่บ้านในนามของผมหรือในนามของคริสตจักร

มีพี่น้องบางคน บางครอบครัว ต่อว่า ต่อขานฝากกลับมาถึงผมด้วยก็มี โดยที่พี่น้องที่ผมมอบหมายให้ไปเยี่ยมบางคนก็เชื่อว่าผมเป็นอย่างนั้นด้วยก็มี

ดังนั้นผมจึงขอย้ำกับพี่น้องอีกครั้งหนึ่งว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่พูดถึงพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงฝ่ายวิญญาณและหรือพี่น้องของเราในทางที่ไม่ดีหรือในทางที่ไม่ถูกต้อง สิ่งที่เราต้องทำต่อกันและกันนั่นก็คือ“จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ พูดแต่เพียงนี้ก็พอ คำพูดเกินนี้ไปมาจากความชั่ว” จริงไม่ต้องเข้าข้าง

ลักษณะของคนที่ผูกพันตัวกับผู้เลี้ยงซึ่งเปรียบเหมือนกับพ่อแม่ฝ่ายวิญญาณว่ามีคุณสมบัติอะไรบ้าง

ประการที่ 4 อยู่ใน สภษ.27:17 “เหล็กลับเหล็กให้แหลมคมได้ คนหนึ่งคนใดก็ลับหน้าตาของเพื่อนให้หลักแหลมขึ้นได้ฉันนั้น”

ประการที่ 4 คือ ยอมลงชีวิตกับผู้เลี้ยง ภาพที่ชัดเจนที่สุดคือ ภาพของทิโมธีที่ยอมให้เปาโลลงชีวิตของเขา 1.ผ่านการผูกพันตัวต่อกันและกัน 2.ผ่านการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน3.ผ่านการยอมเรียนรู้ในการรับใช้ร่วมกับท่าน อ.เปาโล ส่งผลทำให้ทิโมธีได้รับการเสริมสร้างจากพระเจ้าผ่านท่าน อ.เปาโล

ฟป.2:20-22 เพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีผู้ใดที่มีน้ำใจเหมือนทิโมธี ซึ่งจะเอาใจใส่ในทุกข์สุขของท่านอย่างแท้จริงเพราะว่าคนทั้งหลายย่อมแสวงหาประโยชน์ของตนเอง ไม่ได้แสวงหาประโยชน์ของพระเยซูคริสต์แต่ท่านก็รู้ถึงคุณค่าของทิโมธีแล้วว่า เขาได้รับใช้ร่วมกับข้าพเจ้าในการประกาศข่าวประเสริฐ เสมือนบุตรรับใช้บิดา

.เปาโล ท่านเป็นอัครทูตของพระคริสต์ ที่เราเรียกท่านเช่นนี้ก็เพราะว่า ไม่ว่าท่าน อ.เปาโล จะไปที่ไหน ท่านจะทำหน้าที่ในการประกาศเป็นพยาน ท่านจะนำพระกิตติคุณ ท่านจะนำข่าวประเสริฐ ของพระเจ้าไปด้วยเสมอ

นอกจากท่าน อ.เปาโล สนใจในเรื่องการประกาศแล้วท่านยังสนใจคุณภาพชีวิตในฝ่ายวิญญาณของคนที่ท่านได้ประกาศเป็นพยานด้วยว่า ภายหลังจากที่ได้รับเชื่อพระเยซูแล้วคนๆนั้นชีวิตเป็นอย่างไร

แต่ตอนนี้ท่าน อ.เปาโล ไม่สามารถเดินทางไปไหนได้เพราะท่านถูกจองจำอยู่ในคุก ท่านจึงมอบหมายให้ทิโมธีไปเยี่ยมพี่น้องแทนท่าน อ.เปาโล บอกกับพี่น้องในฟิลิปปีว่า เขาเป็นคนนำทิโมธีมาถึงพระเยซูคริสต์ เขาเป็นพ่อฝ่ายวิญญาณซึ่งเลี้ยงดูทิโมธีซึ่งเปรียบเสมือนลูกฝ่ายวิญญาณด้วยพระคำของพระเจ้า

ท่าน อ.เปาโล บอกกับพี่น้องชาวเมื่องฟิลิปปีว่า เขามีความไว้ใจในตัวของทิโมธีมาก เพราะทิมโมธีมีจุดประสงค์เดียวกันเหมือนกับท่าน อ.เปาโล นั่นก็คือ รับใช้เพื่อข่าวประเสริฐ

.เปาโล บอกว่า ทิโมธี เขาเป็นคนที่แสวงหาผลประโยชน์ของพระคริสต์ก่อนเสมอเพราะว่าพระเยซูคริสต์ได้ทรงช่วยเราให้รอดดังนั้นขอให้พี่น้องชาวเมื่องฟิลิปปีให้การต้อนรับทิโมธีเหมือนดังที่พวกท่านให้การต้อนรับข้าพเจ้า 

คำถาม : พี่น้องคิดว่าจดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายอะไรครับ ? นี่คือ : จดหมายรับรองความประพฤติ , ISO , Certificate , Guarantee , Stamp พี่น้องคิดว่าเมื่อพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปีได้เห็นจดหมายฉบับนี้ของท่าน อ.เปาโล แล้วเขาจะให้การรับรองทิโมธีไหมครับ ?

นอกเหนือจากนี้แล้วพี่น้องคิดว่าการที่พระเจ้าทรงส่งพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงฝ่ายวิญญาณที่ดีเข้ามาในชีวิตของเรานั้นนับว่าเป็นพระพรอย่างหนึ่งด้วยไหมครับ ? ดังนั้นพี่น้องเองก็ควรที่จะรักษาพ่อแม่หรือพี่เลี้ยงฝ่ายจิตวิญญาณในชีวิตของท่านเอาไว้ให้ดีด้วยเช่นเดียวกันโดยให้การสนับสนุน ส่งเสริมพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงในฝ่ายวิญญาณอย่างเหมาะสม

คนที่ผูกพันตัวกับพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงในฝ่ายวิญญาณจะต้องเป็นผู้ที่ให้การสนับสนุน ส่งเสริม เพื่อให้พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงฝ่ายจิตวิญญาณของเขานั้นสามารถที่จะขยายแผ่นดินของพระเจ้าหรือขยายอาณาจักรของพระองค์ได้มากยิ่งขึ้น (มิใช่เป็นการขัดขวางความเจริญก้าวหน้างานของพระเจ้า)

และสิ่งที่พี่น้องสามารถที่จะสนับสนุน ส่งเสริมให้กับพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงในฝ่ายจิตวิญญาณของท่านทำงานของพระเจ้าได้เจริญก้าวหน้าขึ้นได้ นอกจากการอธิษฐานเผื่อแล้วมีอะไรอีกครับ ?

การหนุนใจ การปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าร่วมกันกับท่าน มีส่วนในการถวายทรัพย์ให้กับท่าน รวมถึงให้การสนับสนุน ส่งเสริมทุกอย่างที่เราสามารถทำได้ และนี่คือลักษณะของคนที่ผูกพันตัวกับผู้เลี้ยงซึ่งเปรียบเหมือนกับพ่อแม่ฝ่ายวิญญาณในชีวิตแห่งความเชื่อของเรา

สรุป พระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้

ประการที่ 1 คือ คุณต้องยอมรับเขาและพระพรนั้นจะเป็นของคุณ

ประการที่ 2 คือ ให้เราเคารพและเชื่อฟังผู้เลี้ยงเพราะผู้เลี้ยงเป็นตัวแทนของพระเจ้า

ประการที่ 3 คือ จงรักภักดีและปกป้องผู้เลี้ยงตามความจริง

ประการที่ 4 คือ ยอมลงชีวิตกับผู้เลี้ยง

Green City