การรับบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์

คำเทศนาเรื่อง การรับบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์

กจ.2:1 เมื่อวันเทศกาลเพ็นเทคอสต์มาถึง จำพวกสาวกจึงมาร่วมใจกันอยู่ในที่แห่งเดียวกัน 2 ในทันใดนั้น มีเสียงดังมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุกล้าสั่นก้องทั่วบ้านที่เขานั่งอยู่นั้น 3 มีเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นปรากฏแก่เขา และกระจายอยู่บนเขาสิ้นทุกคน

            Key Word หรือ Point ของการเทศนาในเช้าวันนี้จะอยู่ที่เรื่องของการรับบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์นะครับ แต่ก่อนที่เราจะไปถึงตรงนั้น ผมอยากจะบอกกับพี่น้องว่า

ในพระคริสตธรรมคัมภีร์นั้นมีคำว่า “พระวิญญาณ” อยู่มากมายหลายคำด้วยกัน Ex. พระวิญญาณของพระเจ้า , ผลของพระวิญญาณ , พระวิญญาณ ทรงนำ , ของประทานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ , การบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์

ดังนั้นในเช้าวันนี้ผมอยากให้พี่น้องได้รู้และได้เข้าในเรื่องนี้ก่อนเป็นอันดับแรกและค่อยๆไปถึงเรื่องของการรับบัพติสมาด้วยไฟของพระวิญญาณบริสุทธิ์

พี่น้องที่รักครับ ก่อนที่พวกเราทุกคนจะรับบัพติสมาในน้ำนั้น พวกเราจะต้องทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรกครับ ? เราจะต้องรับเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าก่อนเป็นอันดับแรก

ยน.3:3 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ ผู้นั้นจะเห็นอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้"ยน.3:5 พระเยซูตรัสตอบว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดจากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้

สิ่งหนึ่งที่พี่น้องจะต้องรู้และพี่น้องจะต้องเข้าใจ นั่นก็คือว่า เมื่อเราเปิดใจของเราออก และต้อนรับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิต อีกทั้งเมื่อเขาได้สำแดงชีวิตของเขาด้วยการบังเกิดใหม่ผ่านพิธีบัพติสมาในน้ำ

พระคำของพระเจ้าใน ยน.3:3 , 3:5 ได้บอกกับเราว่าพระวิญญาณของพระเป็นเจ้าได้เสด็จเข้ามาอยู่ในชีวิตของคนๆนั้นโดย Automatic

Ex. เพื่อให้พี่น้องได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ตอนนี้ผมกำลังทำอะไรครับ ? ผมดื่มน้ำ ดื่มแล้วน้ำไปที่ไหนครับ ? เข้ามาอยู่ภายในชีวิตของผม

            เมื่อเราเปิดใจของเราออกโดยการต้อนรับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิต อีกทั้งเมื่อเราได้สำแดงชีวิตของเขาด้วยการบังเกิดใหม่ผ่านพิธีบัพติสมาในน้ำพระวิญญาณของพระเจ้าจะเข้ามาอยู่ภายในชีวิตของผม

อาจจะกล่าวอีกนัยยะหนึ่งก็ได้ว่าผู้ไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์จะรับบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้

ดังนั้นคนที่จะรับบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้นั้นจะต้องเป็นผู้เชื่อที่รับบัพติสมาแล้วเท่านั้น และนี่เป็นสิ่งที่พี่น้องจะต้องรู้และเป็นสิ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจในประการที่ 1

สิ่งที่พี่น้องจะต้องรู้และเป็นสิ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจในประการที่ 2 อยู่ใน กลท.5:22 ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้นคือ ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความเชื่อ 23 ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีพระราชบัญญัติห้ามไว้เลย

เมื่อเราได้เปิดใจของเราออกและได้ต้อนรับองค์พระเยซูคริสต์เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิตอีกทั้งมีชีวิตที่ได้บังเกิดใหม่ในพระเจ้า

พระคำของพระเจ้าใน กลท.5:22-23 ได้บอกกับเราว่า ไม่เพียงเขาจะมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าอยู่ในชีวิตของเขาเท่านั้น แต่ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์มีกี่อย่างนะครับ ?ทั้ง 9 อย่างจะอยู่กับคนๆนั้นด้วย

อาจจะกล่าวอีกนัยยะหนึ่งก็ได้ว่า “เพราะมีพระเจ้าจึงมีพระวิญญาณ เพราะมีพระวิญญาณจึงมีผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์”

สิ่งที่พี่น้องจะต้องรู้และเป็นสิ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจในประการที่ 3 อยู่ใน 1 คร.12:4-11 , รม.12:6 , อฟ.4:11

พระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกัน ทำให้เราทราบว่า “ของประทานจากพระวิญญาณ” ต่างจาก “ผลของพระวิญญาณ”

คำถามคือว่า ต่างกันอย่างไรครับ ? ผลของพระวิญญาณทุกคนมีได้เหมือนกันหมดครบทุกประการ แต่ของประทานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์มีได้เหมือนกันหมดทุกคนไหมครับ ?

ในโลกนี้มีบุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีของประทานจากพระเจ้าครบทุกอย่างนั่นก็คือองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเท่านั้นนอกนั้นไม่มีใครที่มีของประทานครบ ดังนั้นของประทานจากพระวิญญาณเรามีไม่เหมือนกัน

พระคำของพระเจ้าใน 1 คร.12:4-11 พระเจ้าให้คนหนึ่งมีของประทานประกอบไปด้วย 1.ถ้อยคำแห่งสติปัญญา 2.ถ้อยคำแห่งความรู้ 3.ความเชื่อ 4.การทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์ 5.การเผยพระวจนะ 6.การสังเกตหรือการจำแนกแยกแยะในฝ่ายวิญญาณ 7.การพูดภาษาแปลก 8.การแปลภาษาแปลกๆ

พระคำของพระเจ้าใน รม.12:6 พระเจ้าให้คนหนึ่งมีของประทานในด้าน 1.การปรนนิบัติ 2.การสั่งสอน 3.การเตือนสติ 4.การให้หรือการบริจาค 5.การครอบครอง 6.ความเมตตา

พระคำของพระเจ้าใน อฟ.4:11 พระเจ้าให้คนหนึ่งมีของประทานในด้าน 1.อัครทูต 2. ผู้เผยแพร่พระวจนะ 3.ผู้ประกาศ 4.ศิษยาภิบาล 5.อาจารย์

ดังนั้นขอให้พี่น้องได้รู้และได้เข้าใจให้ตรงกันนะครับว่า ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ทุกคนมีได้เหมือนกันหมดทุกคนและสามารถมีครบได้ทั้ง 9 ประการ

แต่ของประทานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์มีได้ไม่เหมือนกันถ้าเราไม่มี Passion เราจะมีไหมครับของประทาน ? ถ้าเรามี Passion พระเจ้าจะมีการเจิม มีการแต่งตั้ง พระเจ้าจะให้ของประทานฝ่ายวิญญาณให้กับเราตามความเหมาะสมกับเรา

สิ่งที่พี่น้องจะต้องรู้และเป็นสิ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจในประการที่ 4 การทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์

มธ.4:1 ครั้งนั้นพระวิญญาณทรงนำพระเยซูเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร เพื่อพญามารจะได้มาทดลอง

ลก.2:27 สิเมโอนเข้าไปในพระวิหารโดยพระวิญญาณทรงนำ และเมื่อบิดามารดาได้นำพระกุมารเยซูเข้าไป เพื่อจะกระทำแก่พระกุมารตามธรรมเนียมแห่งพระราชบัญญัติ

1.ทุกคนที่เชื่อจะได้รับความรอด 2.ทุกคนที่เชื่อมีผลของพระวิญญาณ 3.ทุกคนที่เชื่อมีของประทานจากพระวิญญาณแต่แตกต่างกัน 4.พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงนำเราทุกๆคนในบริบทที่แตกต่างกันหรืออาจจะคล้ายคลึงกัน แต่ทุกๆคนล้วนแต่จะต้องมีประสบการณ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยกันทั้งสิ้น

มธ.4:1 องค์พระเยซูคริสต์เจ้าก็ทรงมีประสบการณ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยไหมครับ ?

ลก.2:27 ผู้รับใช้ของพระเจ้าที่ชื่อสิเมโอนก็มีประสบการณ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน

Ex.พี่อ้อย - พี่ปุ๋ย , คุณพรเทพ – คุณยู้ , คุณติ๊ก

กลับที่ Point ของคำเทศนาในเช้าวันนี้ นั่นคือ การรับบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์

คำถามคือว่า 1.ทำไมคริสเตียนเราถึงต้องรับบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และ 2.องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงรับบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยหรือไหม ?

มธ.3:16 และพระเยซูเมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้ว ในทันใดนั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และดูเถิด ท้องฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาดุจนกเขาและสถิตอยู่บนพระองค์

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า เมื่อพระเยซูทรงรับบัพติสมาในน้ำ พระวิญญาณของพระเจ้าสถิตเหนือพระองค์ นี่คือการบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์

พระเจ้าที่เกิดจากฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่มีเชื้ออสุจิของมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องยังต้องรับบัพติสมาถึง 2 ครั้ง อาจจะกล่าวอีกนัยยะหนึ่งก็ได้ว่า เกิดจากพระวิญญาณไม่พอแต่ต้องเต็มไปด้วยพระวิญญาณด้วย และนี่คือเหตุผลว่าทำไมคริสเตียนเราถึงต้องรับบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า

สาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าทั้ง 12 คน พวกเขาเสด็จราชดำเนินตามพระเยซูไป ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม พวกเขามีบัพติสมาในน้ำเพียงอย่างเดียวนะครับ ? เขายังไม่ได้รับบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ เหตุเพราะเขายังมีพระเจ้าอยู่ด้วยดังนั้นการรับบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์สำหรับ 12 สาวกในเวลานั้นจึงยังไม่มีความจำเป็นสำหรับพวกเขา

ยน.20:21 พระเยซูจึงตรัสกับเขาอีกว่า "สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาของเราทรงใช้เรามาฉันใด เราก็ใช้ท่านทั้งหลายไปฉันนั้น" ก่อนที่เราจะเสด็จขึ้นไปอยู่กับพระบิดาของเราบนสวรรค์ เราอยากจะให้ท่านนั้นได้รับบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย

ยน.20:22 ครั้นพระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงทรงระบายลมหายใจออกเหนือเขา และตรัสกับเขาว่า "ท่านทั้งหลายจงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิด พี่น้องที่รักครับ องค์พระเยซูคริสต์เจ้าถึงแม้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พระองค์ก็ยังต้องการกำลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

12 สาวกขององค์พระเยซูคริสต์ที่กำลังจะออกไปปรนนิบัติพระราชกิจของพระองค์ ในการประกาศ , เป็นพยาน พวกเขาก็ควรที่จะรับกำลัง , รับประสบการณ์ รับฤทธิ์เดชนี้จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยเช่นเดียวกัน

ดังนั้นผู้เชื่อซึ่งเป็นคนธรรมดาที่ต้องดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ไม่ว่าเราจะทำมาหากินอะไรก็ตามผู้เชื่อทุกคนมีความจำเป็นอย่างเหลือเกินที่จะต้องพึ่งพาฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ยิ่งถ้าพี่น้องรับใช้พระเจ้าด้วย พี่น้องยิ่งต้องการพระวิญญาณบริสุทธิ์มาก

กจ.2:2 ในทันใดนั้น มีเสียงดังมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุกล้าสั่นก้องทั่วบ้านที่เขานั่งอยู่นั้น 3 มีเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นปรากฏแก่เขาและกระจายอยู่บนเขาสิ้นทุกคน 4 เขาเหล่านั้นก็ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์จึงตั้งต้นพูดภาษาต่างๆตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พูด

มก.16:17มีคนเชื่อที่ไหนหมายสำคัญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่นั้น คือเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา เขาจะพูดภาษาแปลกๆ

การรับบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ในตอนแรกนั้นไม่มีการวางมือ 12 แต่อย่างใด อาจจะกล่าวอีกนัยยะหนึ่งก็ได้ว่าสาวกทั้ง 12 คนนั้นรับบัพติสมาจากพระวิญญาณโดยตรง

การรับบัพติสมาในตอนแรกนั้นมีการพูดภาษาออกมา 2 ภาษา ภาษาแรกนั่นคือภาษาอื่นๆ ซึ่งนั่นก็คือ ภาษามนุษย์หรือภาษาคน สาวกบางคนอาจจะพูดภาษาอารเมค , ฮีบูร , กรีก , อามาเนี่ยน

อีกภาษาหนึ่ง ที่มีการพูดในขณะที่มีการรับบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์นั่นก็คือ ภาษาแปลกๆ ภาษาแปลกๆคือ ภาษาที่มนุษย์ไม่ใช้พูดกัน ด้วยเหตุนี้เองจึงมีคริสเตียนบางคนพูดว่านี่เป็นภาษาสวรรค์ บางคนก็บอกว่านี่เป็นภาษาเทพ

คำถามคือว่า ไม่ว่าใครจะพูดถึงภาษาแปลกๆนี้อย่างไรก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าพระคัมภีร์พูดถึงในเรื่องภาษาแปลกๆนี้อย่างไร ?

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า ภาษาแปลกๆ คือ ภาษาล้ำลึกในฝ่ายวิญญาณซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดจะเข้าใจได้แม้ซาตานก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้

ปัญหาของเราคือ เราไม่ค่อยที่จะพูดภาษาแปลกๆนี้กันสักเท่าไหร่ แถมมีคริสเตียนบางคนมองว่านี่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยของสาวกของพระเยซูเท่านั้น สมัยนี้มันไม่มีแล้ว

นาธันจะพูดได้ไหม ถ้าเขาไม่ฝึกพูดและเมื่อเขาพูดได้แล้วใครจะไปเอาคืนได้ไหมครับ ? ภาษาในฝ่ายวิญญาณก็เช่นเดียวกันพี่น้องที่รัก ถ้าเราไม่ฝึกพูดเราจะพูดได้ไหมครับ ?

แต่ถ้าเราปรารถนาที่อยากจะพูดได้และไม่อายที่จะพูด พระวิญญาณของพระเจ้าจะทรงเป็นผู้นำและเป็นผู้ดลใจให้เราพูดและเมื่อเราฝึกไปเรื่อยๆในที่สุดเราก็จะพูดได้ เมื่อเราพูดได้แล้วพระองค์ก็จะไม่เอาคืน

ผมจะจบลงตรงขบวนการในการรับบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่ามีอะไรบ้าง

ประการที่ 1.ต้องขอ อยากได้รับการบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์พี่น้องต้องขอ ถ้าพี่น้องไม่ขอ ไม่แสดงความปรารถนาพี่น้องก็จะไม่ได้สิ่งนั้น

ประการที่ 2 ขอแล้วต้องเชื่อโดยไม่สงสัย ต่อหน้าพระพักตร์ของพระเจ้าแล้วเราต้องเป็นเลขศูนย์จริงๆ

ประการที่ 3 ขอแล้วต้องไม่มีภาพในสมองเลยว่าถ้าเราจะต้องได้รับการบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว พระเจ้าจะให้ประสบการณ์อย่างไรกับเราหรือภาพของเราจะต้องออกมาอย่างไร นั่งดี นอนดี คุกเข่าดี ต้องขาสั่นไหม ร้องไห้ดีหรือเปล่า เราต้องไม่มีภาพอย่างนี้อยู่ในสมองหรืออยู่ในความคิดของเรา

พระคำของพระเจ้าหนุนใจเราว่า ให้เราเป็นเหมือนเด็กเล็กๆคนหนึ่ง ซึ่งนั่นหมายความว่า แล้วแต่พระเจ้าจะให้ พระองค์อยากให้เรามีประสบการณ์อย่างไรก็อย่างนั้นแหละ

ประการที่ 4 คือ สารภาพความผิดบาปของเรา ซึ่งนั่นหมายความความผิดบาปของเราเป็นอุปสรรคทำให้พระวิญญาณของพระเจ้านั้นเจิมเราไม่ได้ เยี่ยมเยียนเราไม่ได้

ประการที่ 5 ให้เกียรติกับงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์หมายความว่า ครั้งนี้ถ้าไม่ได้รับการบัพติสมาในพระวิญญาณก็ไม่เป็นไร แต่จุดยืนของเราคือ ต้องปล้ำสู้กับพระเจ้าเพื่อให้ได้มาเหมือนกับยาโคบที่ปล้ำสู้กับพระเจ้าจนกว่าจะได้รับการอวยพร

ประการที่ 6 กล้าที่จะเข้าหา อย่ากลัว เพราะพระเจ้าไม่ใช่ผีแต่พระองค์คือพระวิญญาณบริสุทธิ์

ประการที่ 7 คนที่ได้รับการบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้วควรมีความยำเกรงในประสบการณ์ที่ได้รับจากพระองค์แต่ในความยำเกรงนั้นเราสามารถที่จะมีความชื่นชมยินดีได้

ประการที่ 8 ถ่อมใจรับการวางมือจากผู้รับใช้ของพระเจ้า เพราะอะไรครับ ? สาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่ได้รับการบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยไม่มีการวางมือ การรับบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายหลังจากนั้นเป็นต้นมา มาจากการอธิษฐานวางมือจากผู้รับใช้ของพระเจ้าทั้งสิ้น

สรุปพระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้

ประการที่ 1 ทุกคนที่เชื่อจะได้รับความรอด

ประการที่ 2 ทุกคนที่เชื่อมีผลของพระวิญญาณ

ประการที่ 3 ทุกคนที่เชื่อมีของประทานจากพระวิญญาณแต่แตกต่างกัน

ประการที่ 4 พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงนำเราทุกๆคนในบริบทที่แตกต่างกัน

ขบวนการในการรับบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์

ประการที่ 1.ต้องขอ

ประการที่ 2 ขอแล้วต้องเชื่อโดยไม่สงสัย

ประการที่3 ขอแล้วต้องไม่มีภาพในสมอง

ประการที่ 4 คือ สารภาพความผิดบาปของเรา

ประการที่ 5 ให้เกียรติกับงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์

ประการที่ 6 กล้าที่จะเข้าหา อย่ากลัว

ประการที่ 7 ควรมีความยำเกรงในประสบการณ์ที่ได้รับจากพระองค์แต่ในความยำเกรงนั้นสามารถที่จะมีความชื่นชมยินดีได้

ประการที่ 8 ถ่อมใจรับการวางมือจากผู้รับใช้ของพระเจ้า

Green City