กุญแจแห่งความชื่นชมยินดี

คำเทศนาเรื่อง กุญแจแห่งความชื่นชมยินดี

ฟป.3:1 (ก) สุดท้ายนี้ พวกพี่น้องของข้าพเจ้า จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า (ข) การที่ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านซ้ำอีก ก็หาเป็นการลำบากแก่ข้าพเจ้าไม่ แต่เป็นการปลอดภัยสำหรับท่านทั้งหลาย

มีสามีภรรยาคู่หนึ่งได้ขับรถเพื่อไปพักผ่อนประจำปี ระหว่างการเดินทาง สามีก็เกิดขับรถแหกโค้งโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ รถอยู่ในสภาพที่ใต้ท้องรถหงายขึ้นไปบนท้องฟ้า ส่วนสามีภรรยาคู่นี้ได้รับบาดเจ็บแต่เพียงเล็กน้อย ระหว่างรอ 1669 ฝ่ายผู้เป็นสามีบอกกับภรรยาของตนว่า ไปที่รัก เราไปเซลฟี่กัน

มีหลายคนพูดว่าชีวิตคือ การต่อสู้ถ้าชีวิตยังอยู่ก็ต่อสู้กันไป

บางคนก็พูดว่าชีวิต คือ การเดินทาง บางเส้นทางมีอันตราย บางเส้นทางมีความยุ่งยากลำบากหรือปัญหารออยู่ข้างหน้า

แต่ท่ามกลางปัญานั้นเราจะฝ่าฟันมันไปให้ได้อย่างผู้มีชัยชนะได้อย่างไรอันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพของเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ รวมถึงสงครามทางการค้าที่จะเกิดขึ้นและรวมถึงภัยภิบัติต่างๆที่จะตามมาอย่างมากมายในอนาคต

สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ไกลตัวของเรานะครับพี่น้องแต่เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเราและใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกขณะ ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียนเราจะชื่นชมยินดีในเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไรและพระเจ้าได้ให้กุญแจที่เราจะชื่นชมยินดีในเรื่องนี้อย่างไร ?

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันใน ฟป.3:1 เราพบอะไร ?

ประการที่ 1. (ก) สุดท้ายนี้ พวกพี่น้องของข้าพเจ้า จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า เราพบว่า เราสามารถที่จะชื่นชมยินดีได้เพราะเรามีพระเจ้า

สิ่งที่พี่น้องจะต้องรู้และพี่น้องเข้าใจนั่นก็คือว่า ผู้เชื่อทุกๆคนต่างก็จะต้องได้รับผลกระทบในทุกสิ่งและทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากโลกใบนี้ ไม่แตกต่างอะไรจากคนที่ไม่ได้เชื่อพระเจ้า แต่เราแตกต่างจากคนที่ไม่เชื่อพระเจ้าตรงที่ว่าเรามี “พระเจ้า”

คนที่ไม่มีพระเจ้า นอกจากเขาไม่มีความรอดแล้วเขายังไม่มีพระสัญญาของพระเจ้าด้วย ในขณะที่เรามีความรอดและเรายังมีพระสัญญาของพระเจ้าด้วย

ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราก็ตาม ให้เราชื่นชมยินดีในความรอดที่เราได้รับ พระคำของพระเจ้าในตอนนี้ใครเป็นผู้เขียน ? ท่าน อ.เปาโล เป็นผู้เขียนในขณะที่ท่านนั้นถูกจับคุมขังอยู่ในคุก สภาพในคุกนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นที่เหม็นและแสนจะอับชื้น แต่ท่าน อ.เปาโล กับเขียนจดหมายออกมาหนุนใจพี่น้องที่อยู่ข้างนอกว่า

จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเถิด เพราะ 1.เราจะไม่พินาศ 2.ความรอดหรือชีวิตนิรันดร์ที่พระเจ้าได้ให้กับพวกเราทุกคนนั้น ไม่มีใคร ไม่มีผู้ใดและไม่มีอะไร ที่จะสามารถแย่งชิงไปจากพวกเราได้เลย เพียงแค่เหตุผลนี้เพียงเหตุผลเดียวเราก็น่าที่จะสามารถชื่นชมยินดีในพระเจ้าได้แล้วมิใช่หรือ

1 ปต.5:10 และพระเจ้าแห่งบรรดาพระคุณทั้งปวง ผู้ได้ทรงเรียกให้เราทั้งหลายเข้าในสง่าราศีนิรันดร์ของพระองค์โดยพระเยซูคริสต์ ครั้นท่านทั้งหลายทนทุกข์อยู่หน่อยหนึ่งแล้ว พระองค์เองจะทรงโปรดให้ท่านทั้งหลายถึงที่สำเร็จ ให้ตั้งมั่นคง ให้ท่านมีกำลังมากขึ้น และทรงให้ท่านมีพื้นฐานมั่นคง

ดังนั้นอย่าให้อุปสรรคปัญหาหรือความทุกข์ยากลำบากเพียงเล็กๆน้อย เพียงชั่วครู่ชั่วยามประเดี๋ยวประด๋าวทำให้เราต้องสูญเสียศักดิ์ศรีแห่งนิรันดร์ที่พระเจ้าได้มอบให้กับเรา

เรามีพระเจ้าเรามีความรอด ซึ่งหลายคนบอกว่าเรื่องของความรอดนั้นเป็นเรื่องกาลอนาคต เป็นเรื่องหลังความตาย แต่ในขณะที่เรายังดำเนินชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ พี่น้องจะต้องไม่ลืมนะครับว่า เรายังมีพระสัญญาของพระเจ้าด้วย

อฟ.2:12 จงระลึกว่า ครั้งนั้นท่านทั้งหลายเป็นคนอยู่นอกพระคริสต์ ขาดจากการเป็นพลเมืองอิสราเอลและไม่มีส่วนในบรรดาพันธสัญญาซึ่งทรงสัญญาไว้นั้น ไม่มีที่หวัง และอยู่ในโลกปราศจากพระเจ้า

คนที่ไม่เชื่อพระเจ้าไม่มีความหวังในความรอด ไม่มีส่วนในพระสัญญาของพระองค์ แต่เมื่อเราได้มาเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงรับเราเป็นบุตร บุตรมีสิทธิ์รับมรดกของพ่อไหมครับ ?

ดังนั้นในขณะที่เรายังดำเนินชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ ขอให้พี่น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่า เรายังมีพระสัญญาของพระเจ้าอีกด้วย

พี่น้องทราบไหมครับว่า คำว่า “อย่ากลัวเลย” มีปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ทั้งสิ้นกี่ครั้ง ? 366 ครั้ง

คำถามต่อมานั่นก็คือว่า พระเจ้าทรงมีพระสัญญามาเหนือเรากี่ข้อครับ ? พระเจ้าทรงมีพระสัญญามาเหนือชีวิตของเรามากมายหลายข้อเป็นหมื่นข้อ ซึ่งนั่นหมายความว่าอะไร ?

ซึ่งนั่นหมายความว่า ในทุกๆวันพระเจ้ามีหนทางมีทางออกในการที่จะแก้ไขปัญหาให้กับเรามากมายหลายทางเมื่อเป็นอย่างนี้เรายังจะต้องกลัวอีกหรือ

ให้เรามาดูพระสัญญาของพระเจ้าด้วยกันสัก 2 ข้อพระใน อสย.43:2-3 สดด.23:4

อสย.43:2 เมื่อเจ้าลุยข้ามน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า เมื่อข้ามแม่น้ำ น้ำจะไม่ท่วมเจ้า เมื่อเจ้าลุยไฟ เจ้าจะไม่ไหม้และเปลวเพลิงจะไม่เผาผลาญเจ้า 3 เพราะเราเป็นพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล ผู้ช่วยให้รอดของเจ้า เราให้อียิปต์เป็นค่าไถ่ของเจ้า ให้เอธิโอเปียและเส-บาเพื่อแลกกับเจ้า

“น้ำท่วมและไฟไหม้” เปรียบเหมือนกับอุปสรรคปัญหา พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า ถึงแม้ว่าเราจะเป็นผู้เชื่อในพระเจ้าก็ตามแต่ใช่ว่าเราจะไม่เจอกับอุปสรรคปัญหา

เมื่อเราลุยน้ำเราย่อมเปียก เมื่อเราลุยไฟเราย่อมร้อน แต่จงจำไว้ว่าทั้ง 2 สิ่งนี้จะไม่สามารถทำอะไรเราได้เลยเมื่อเป็นอย่างนี้เราชื่นชมยินดีในพระเจ้าได้หรือยัง

สดด.23:4 แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์ คทาและธารพระกรของพระองค์เล้าโลมข้าพระองค์

“หุบเขาเงามัจจุราช” เปรียบเหมือนกับอุปสรรคปัญหาถึงแม้ว่าเราจะเป็นผู้เชื่อในพระเจ้าก็ตามแต่ใช่ว่าเราจะไม่เจอกับอุปสรรคปัญหา แต่สิ่งที่เหนือกว่าอุปสรรคปัญหา นั่นก็คือ “คฑาและธารพระกร”

“พระกร” หมายถึง “พระคุณของพระเจ้า”

“คฑา” หมายถึง ฤทธิ์อำนาจแห่งการฟื้นและการเป็นขึ้นมาจากความตายขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าที่จะนำเราออกจากความทุกข์ยากลำบากนั้น เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วเราชื่นชมยินดีในพระเจ้าได้หรือยัง

ประการที่สำคัญนั่นก็คือว่า เราจะต้องรักษาความชอบธรรมหรือในภาษาของคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าเขาพูดว่าเป็นคนดีเอาไว้ในชีวิตของเราเอาไว้ให้ได้

พระคำของพระเจ้าในหนังสือยากอบตรัสว่าเมื่อคนชอบธรรมอธิษฐานต่อพระเจ้า มันมีอะไรบ้างไหมที่จะสามารถมาขัดขวางคำอธิษฐานของเราได้ ? มันเป็นไปไม่ได้ครับพี่น้องที่รัก ที่คนชอบธรรมอธิษฐานกับพระเจ้าโดยเฉพาะในวันแห่งความทุกข์ยากลำบากแล้วพระเจ้าจะไม่อวยพร

การอาฆาต เคียดแค้น ใจที่ผูกพยาบาท ใจที่ไม่ยกโทษและให้อภัย ปากที่บอกว่ายกโทษแต่ใจที่ยังไม่ให้อภัยต่างหาก ต่อให้อธิษฐานเสียงดังสวรรค์ก็ช่วยไม่ได้

ดังนั้นเมื่อมีความทุกข์ยากลำบากเข้ามาในชีวิตขอให้เราคิดถึงความรอดที่เราได้รับ คิดถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่มีมาเหนือชีวิตของเราในแต่ละวัน และยิ่งถ้าเราเป็นคนที่ดำเนินชีวิตอยู่ในมรรคาของพระเจ้า เรายิ่งชื่นชมยินดีในพระเจ้าได้ไหมครับ ? เพราะเรารู้ว่าพระเจ้าจะตอบเราในทุกๆคำอธิษฐาน

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันใน ฟป.3:1 เราพบอะไร ? ฟป.3:1 (ข)การที่ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านซ้ำอีกก็หาเป็นการลำบากแก่ข้าพเจ้าไม่แต่เป็นการปลอดภัยสำหรับท่านทั้งหลาย

รม.8:28 เรารู้ว่า พระเจ้าทรงร่วมมือกับคนทั้งหลายที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์

ประการที่ 2 ผลดี คิดบวก จากอุปสรรคปัญหา

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า ตราบใดที่พี่น้องยังรักพระเจ้าดีอยู่ ท่าน อ.เปาโล หนุนใจเราว่า 1.ให้เรามองความทุกข์ยากลำบากหรืออุปสรรคปัญหานั้นว่ามันไม่ใช่เป็นสิ่งที่ เลวร้ายเสมอไป 2.ลบเสมอ 3.อย่ามองแง่มุมเดียวเพราะอีกมุมหนึ่งมันมีพระพรของพระเจ้าที่ซ่อนอยู่ 4.นั่นเป็นเวลาที่พี่น้องจะได้พักสงบกับพระเจ้า มันจะทำให้เราติดสนิทกับพระเจ้ามากขึ้นและอื่นๆ ดังนั้นในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบากถ้าเราคิดอย่างนี้ได้เราจะมีความชื่นชมยินดีได้

ดังนั้นทุกสิ่งที่เข้ามากระทบชีวิตของเราขอให้พี่น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่ามันจะสอนเรา , มันจะสร้างเรา , มันจะวัดความเจริญเติบโตในความเชื่อของเราว่า เรานั้นได้มีความเชื่อ มีความไว้วางใจในพระเจ้ามากน้อยแค่ไหน

สิ่งหนึ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือว่า พระเจ้าของเรานั้นเป็นพระเจ้าแห่งอนาคตพระองค์ทรงมองการณ์ไกลกว่าที่มนุษย์มองมากยิ่งนัก

ถ้าเราต้องพบกับความทุกข์ยากลำบากหรือพบกับอุปสรรคปัญหาและเรายังสอบไม่ผ่าน นั่นหมายความว่า 1.พระเจ้าจะยังไม่เราให้เลื่อนขึ้นไปเรียนชั้นที่สูงขึ้นได้ 2.พระองค์ไม่สามารถที่จะให้ชีวิตของเราเป็นพระพรแก่ผู้อื่นได้

ดังนั้นเราจะต้องทำในส่วนของเราอย่างเต็มที่ก่อนและพระองค์จะทรงกระทำในส่วนที่เรานั้นทำไม่ได้ให้กับเราอย่างเต็มที่ด้วยเช่นเดียวกัน

คำถามก็คือว่า ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้กล่าวถึงใครบ้างที่เมื่อเขาต้องเผชิญกับอุปสรรคปัญหาแล้วเขามีความคิดบวกไม่คิดลบ

Ex.1 ซมอ.1 พูดถึงความทุกข์ใจของนางฮันนาห์ต่อการไม่มีบุตร การไม่มีบุตรของนางฮันนาห์ทุกข์ใจอย่างไร 1.สังคมชาวยิวสมัยนั้นมองว่า คนที่ไม่มีบุตรคือคนที่พระเจ้าไม่อวยพร ต้องคำสาปแช่งของพระเจ้า ไปทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องมา พระเจ้าลงโทษเลยปิดครรภ์นางเสีย

2.สามีของนางฮันนาห์ชื่อเอลคานาห์อยากจะมีบุตรเลยขอที่จะมีภรรยาคนที่สอง 3.นางเปนินนาห์ภรรยาคนที่สองพอมีบุตรให้กับเอลคานาห์ก็เยาะเย้ยนางฮันนาห์

นี่คือความทุกข์ใจของนางฮันนาห์ แต่ในความทุกข์ใจนั้น นางคิดถึงพระเจ้า นางคิดถึงพระนิเวศน์ของพระองค์ ปัญหาที่นางฮันนาห์มีเป็นเหตุทำให้นางนั้นมาอธิษฐานกับพระเจ้า

ปัญหายิ่งมีมาก นานวันมากทำให้นางอธิษฐานกับพระเจ้ามากขึ้นตามไปด้วย ไปๆมานางฮันนาห์กับกลายเป็นนักอธิษฐานแบบคร่ำครวญวิงวอนกับพระเจ้าโดยอัตโนมัตินี่คือ ผลดีหรือผลของการคิดบวกและหรือพระพรที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางอุปสรรคปัญหาที่เกิดขึ้น

(คริสเตียนหลายคนชอบเป็นพยานกับผู้เชื่อใหม่ว่าฉันเชื่อพระเจ้ามาเท่านั้นเท่านี้ปี พอที่ประชุมเชิญพี่น้องคนนั้นอธิษฐานตอบสนองในเรื่องนั้นเรื่องนี้แล้วรู้สึกผิดหวัง เพราะคำอธิษฐานที่ออกมามันไม่ได้ Take Balance กับอายุของการเป็นผู้เชื่อของเขาสักเท่าไหร่เลย)

คำถามคือว่า ปัญหาที่พี่น้องต้องพบประสบเจอไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม พี่น้องท่าทีแบบเดียวกับนางฮันนาห์นี้หรือไม่ นั่นก็คือ อธิษฐานกับพระเจ้าและพร้อมที่จะอดทนและรอคอย

คริสเตียนส่วนมากหลายคนไม่ค่อยที่จะอธิษฐานกับพระเจ้าอีกทั้งไม่พร้อมที่จะอดทนและรอคอย อุปสรรคปัญหาจึงมาหาเราอยู่ตลอดเวลารวมถึงพี่น้องที่เพชรบุรีด้วย (ตอนจะมานมัสการที่นี่ ผมถามว่าอธิษฐานกับพระเจ้าหรือยัง ? บางคนตอบว่าถามแล้วค่ะ แต่ตอนจะไปมาเพื่อเพียงบอกลาหรือบางคนก็เงียบหายไปเลยก็มี

ซึ่งพี่น้องทำอย่างนั้นกับผู้รับใช้ที่ไม่มีการเจิมจากพระเจ้าได้นะครับ แต่ถ้าคนๆนั้นเขามีการทรงเรียกและมีการเจิมที่มาจากพระเจ้าจริง และถ้าพี่น้องไปทำอย่างนั้นกับเขาพี่น้องจะขาดพระพร

2 พกศ.5:27 “ฉะนั้นโรคเรื้อนของนาอามานจะติดอยู่ที่เจ้าและที่เชื้อสายของเจ้าเป็นนิตย์" เขาก็ออกไปจากหน้าท่านเป็นโรคเรื้อนขาวอย่างหิมะ” สิ่งที่เอลีชาพูดกับเกหะซีเกิดขึ้นจริงไหมครับ ?

1 ซมอ.1:17 แล้วเอลีก็ตอบว่า "จงกลับไปเป็นสุขเถิด ขอพระเจ้าแห่งอิสราเอลโปรดประทานตามที่เจ้าได้อธิษฐานทูลขอต่อพระองค์นั้น" สิ่งที่เอลีตรัสกับนางฮันนาห์เกิดขึ้นจริงไหมครับ ?

กลับมาที่พระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้ ต่อคำถามที่ว่าในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้กล่าวถึงใครบ้างที่เมื่อเขาต้องเผชิญกับอุปสรรคปัญหาแล้วเขามีความคิดบวกไม่คิดลบ

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า นางมารีย์มารดาของพระเยซูก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน คำถามคือว่า นางมีปัญหาอะไร ? ปัญหาที่นางมีคือ นางได้หมั้นหมายกับโยเซฟเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย แต่นางมารีย์กับมาตั้งครรภ์ซะก่อน พูดแบบชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆคือ นางท้องก่อนแต่ง

ซึ่งโทษของการล่วงประเวณีหรือการท้องก่อนแต่งในสมัยของคนยิวเมื่อสองพันกว่าปีที่ผ่านมานั้นโทษถึงตายนะครับ ดังนั้นนางมารีย์จึงมีความทุกข์ใจมาก ซึ่งผมจะขออนุญาตขีดเส้นใต้เอาไว้ตรงนี้สักครู่หนึ่งและเดี๋ยวจะกลับมาต่อตรงนี้ให้อีกครั้งหนึ่ง

สมัยนี้การท้องก่อนแต่งเป็นเรื่องที่ปกติสำหรับคนไม่เชื่อในพระเจ้าเท่านั้นนะครับ แต่สำหรับคริสเตียนแล้วเรื่องนี้ยัง Take Serious อยู่นะครับ

กับคู่ที่ล้มลงในความบาปในเรื่องเพศคริสตจักรจะไม่ดำเนินการจัดศาสนพิธีในเรื่องนี้ให้ในโบสถ์แต่จะทำให้นอกโบสถ์ เช่น ที่บ้านของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง , สโมสรหรือห้องประชุมตามโรงแรม และจะไม่เรียกพิธีที่จัดขึ้นว่า “พันธสัญญาสมรส” แต่จะเรียกว่าพิธีประกาศการเป็นสามีภรรยา

อีกสิ่งหนึ่งที่คนหนุ่มคนสาวในคริสตจักรฯแห่งนี้จะต้องรู้อีกเรื่องหนึ่งนั่นก็คือว่า พระพรระหว่างคู่สามีภรรยาที่แต่งผ่านพิธีพันธสัญญาสมรสกับคู่สามีภรรยาที่แต่งผ่านการประกาศเป็นคู่สามีภรรยานั้น พระพรที่จะได้รับตามพระสัญญาของพระเจ้านั้นก็มีแตกต่างกันด้วย

ดังนั้นถ้าคนหนุ่มคนสาวคนไหนก็ตามที่กำลังคิดถึงในเรื่องนี้อยู่หากคุณปรารถนาที่จะได้รับพระพรตามพระสัญญาของพระองค์อย่างเต็มที่ พี่น้องก็สามารถที่จะมาเรียนรู้ในเรื่องนี้ได้ซึ่งมีพระคำของพระเจ้าที่พูดในเรื่องนี้อยู่หลายข้อ

สดด.119:9 “หนุ่มๆจะรักษาทางของตนให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร โดยระแวดระวังตามพระวจนะของพระองค์”

ลวต. 15:4 ตรัสว่า “เตียงนอนซึ่งผู้ใดมีสิ่งไหลออกขึ้นไปนอน เตียงนั้นก็เป็นมลทิน ทุกสิ่งที่เขาลองนั่นก็เป็นมลทิน”

กลับมาที่เรื่องของนางมารีย์ นางมารีย์ได้หมั้นหมายอยู่กับโยเซฟเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย แต่นางมารีย์กับมาตั้งครรภ์ซะก่อนถึงแม้ว่าฑูตสวรรค์ของพระเป็นเจ้าจะมาปรากฎกับนางมารีย์เป็นการส่วนตัวแล้วก็ตาม แต่ในความเป็นมนุษย์นางของนาง นางก็ยังกลัวและรู้สึกวิตกกังวลอยู่

แต่ Corrective Action หรือท่าทีที่ถูกต้องที่นางมารีย์ทำคืออะไรครับ ? เลือกที่จะไปหาหรือเลือกที่จะไปอยู่กับคนของพระเจ้า นางเลือกที่จะไปนมัสการ-อธิษฐานร่วมกับเศคาริยาห์และนางเอลีซาเบธที่บ้าน นางมารีย์ไม่ได้เลือกไปสามแยกปากมาบ ต.บางแก้ว แต่อย่างใด

ผู้เชื่อหลายคนรวมถึงพี่น้องของเราที่นี่ด้วย พอมีอุปสรรค มีปัญหาขึ้นมา หลายคนเลือกที่จะไปคุยกับคนนั้นเลือกที่จะไปกับคนนี้ เรื่องง่ายๆอย่างนี้พวกเราหลายคนยังเลือกผิดเลยครับพ่อประทีปและจะให้พระเจ้าอวยพรให้เรารวยได้อย่างไร

ผลดีของการคิดบวกจากอุปสรรคปัญหาที่เกิดขึ้น ลก.2:46:55 ทำให้นางมารีย์สามารถที่จะแต่งเพลงบทใหม่ที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ ซึ่งในปัจจุบันมีการนำมาเรียบเรียงใหม่ทั้งคำร้องและทำนอง “จิตใจของข้าพระองค์เป็นใหญ่”

สรุป

ประการที่ 1. เราพบว่า เราสามารถที่จะชื่นชมยินดีได้เพราะเรามีพระเจ้าและมีพระสัญญาของพระองค์

ประการที่ 2 ผลดี คิดบวก จากอุปสรรคปัญหา

Green City