คำถามและคำสั่งสุดท้าย

คำเทศนาเรื่อง คำถามและคำสั่งสุดท้าย

      

        

สวัสดีครับพี่น้องที่รัก เป็นเวลาพอสมควรเลยนะครับที่พี่น้องได้รับประทานอาหารฝรั่งกันมา เพิ่งมาได้รับประทานอาหารฝรั่งกันมาได้สัก 1-2 อาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นเทศกาลวันแห่งความรัก ในส่วนของสัปดาห์นี้ก็มี 2 เทศกาลด้วยกัน เทศกาลแรกคือ Chinese New Year เทศกาลที่ 2 คือ เทศกาลมหาพรต ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทศกาลหนึ่งที่สำคัญของพี่น้องชาวคริสต์ทั้งนิกายคาทอลิคและโปรแตสแตนท์บางคณะ เช่น คณะแองกลิกัน เป็นต้น โดยเทศกาลนี้ได้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยในรายละเอียดนั้นพี่น้องสามารถที่จะหาอ่านได้ใน WIKIPIDIA

และในเช้าวันนี้พระคำของพระเจ้าที่มาถึงพี่น้องจะอยู่ในพระธรรม ยน.21:15-19 เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วพระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า "ซีโมนบุตรชายโยนาห์เอ๋ย ท่านรักเรามากกว่าพวกเหล่านี้หรือ" เขาทูลตอบพระองค์ว่า "ถูกแล้ว พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์" พระองค์ตรัสสั่งเขาว่า "จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด"พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สองอีกว่า "ซีโมนบุตรชายโยนาห์เอ๋ย ท่านรักเราหรือ" เขาทูลตอบพระองค์ว่า "ถูกแล้ว พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์" พระองค์ตรัสกับเขาว่า "จงเลี้ยงแกะของเราเถิด"พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สามว่า "ซีโมนบุตรชายโยนาห์เอ๋ย ท่านรักเราหรือ" เปโตรก็เป็นทุกข์ใจที่พระองค์ตรัสถามเขาครั้งที่สามว่า "ท่านรักเราหรือ" และเขาทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่า ข้าพระองค์รักพระองค์" พระเยซูตรัสกับเขาว่า "จงเลี้ยงแกะของเราเถิดสาวกจะต้องยอมตามพระเยซูไปเราบอกความจริงแก่ท่านว่า เมื่อท่านยังหนุ่มท่านคาดเอวเอง และเดินไปไหนๆตามที่ท่านปรารถนา แต่เมื่อท่านแก่แล้วท่านจะเหยียดมือของท่านออก และคนอื่นจะคาดเอวท่าน และพาท่านไปที่ที่ท่านไม่ปรารถนาจะไป"ที่พระองค์ตรัสอย่างนั้นเพื่อแสดงว่า เปโตรจะถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยความตายอย่างไร ครั้นพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้วจึงสั่งเปโตรว่า "จงตามเรามาเถิด"

และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า “คำถามและคำสั่งสุดท้าย” ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

ผมอยากที่จะให้พี่น้องได้ระลึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะมาถึงพระคำของพระเจ้าในตอนนี้ พี่น้องยังจำได้ไหมครับว่ามันคือเหตุการณ์อะไร ? เหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะมาถึงพระคำของพระเจ้าในตอนนี้อยู่ใน

กจ.1:3 “ครั้นพระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานแล้ว ได้ทรงแสดงพระองค์แก่คนพวกนั้น ด้วยหลักฐานหลายอย่าง พิสูจน์อย่างแน่นอนที่สุดว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และได้ทรงปรากฏแก่เขาทั้งหลายถึงสี่สิบวัน และได้ทรงกล่าวถึงเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า”

พระคำของพระเจ้าใน กจ.1:3 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้นก่อนที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นจะเสด็จขึ้นไปอยู่กับพระบิดาบนสวรรค์

พระคำของพระเจ้าใน กจ.1:3 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นจะทรงฟื้นและเป็นขึ้นมาจากความตายและพระองค์จะทรงไปปรากฎแก่บรรดาเหล่าสาวกของพระองค์อีกเป็นเวลา 40 วัน และสาวกคนแรกที่ได้พบกับพระองค์คนแรกคือใครครับ ?

พระองค์ทรงปรากฎกับนาง มารีย์ ชาวมักดาลา เป็นคนแรก ภายหลังจากนั้นพระองค์ทรงปรากฎพระองค์เองท่ามกลางสาวกคนอื่นๆด้วย

ก่อนที่เราจะไปที่ ยน.21:15-19 และเพื่อความเข้าใจในพระคำของพระเจ้าที่พี่น้องจะมีมากขึ้น ขอให้ที่ประชุมเปิดไปที่ ยน.21:1-14 แล้วอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่าในยน.21:1-14 ว่านี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่พระองค์ทรงปรากฏแก่สาวกของพระองค์ ซึ่งในครั้งที่ 3 นี้พระองค์ทรงปรากฏพระองค์เองด้วยการยืนขึ้นโดยหันพระพักตร์ไปที่ทะเล พระองค์ทรงติดไฟ , เพื่อปิ้งปลา , ปิ้งขนมปังและเชิญชวนให้สาวกของพระองค์นั้นได้มาทานอาหารเช้าร่วมกัน

ถ้าพี่น้องอ่านพระคำของพระเจ้าอย่างสังเกต อย่างกลั่นกรองและครวญหรือพิจารณาให้ดีๆ พี่น้องก็จะพบว่าพระคำของพระเจ้าในยน.21:15-19 นี้แตกต่างกับพระคำของพระเจ้าในยน.21:1-14 อย่างสิ้นเชิง

พระคำของพระเจ้าในยน.21:15-19 ทำให้เราทราบว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นไม่ได้ต้องการที่จะสื่อสารกับสาวกของพระองค์ทุกคน แต่พระองค์ต้องการที่จะสื่อสารกับใครบางคนเป็นพิเศษและคนๆนั้นก็คือ ? เปโตร

พระคำของพระเจ้าตรัสว่า แล้วพระองค์ทรงถามเปโตรว่า"ซีโมนบุตรชายโยนาห์เอ๋ย ท่านรักเรามากกว่าพวกเหล่านี้หรือ" 

ซึ่งพี่น้องจะต้องไม่ลืมนะครับว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นทรงนั่งหันหน้าให้ทะเลนะครับ แล้วพระองค์ทรงถาม"ซีโมนบุตรชายโยนาห์เอ๋ย ท่านรักเรามากกว่าพวกเหล่านี้หรือ" 
                คำถามที่น่าสนใจนั่นก็คือว่า คำว่า “เหล่านี้” นั้นคืออะไรพี่น้องเคยคิดไหมครับ ?

พูดกันแบบให้เข้าใจง่ายๆคือ พระเยซูถามเปโตรว่า

1)ท่านรักเรือเหล่านั้นมากกว่ารักเราหรือ

2)ท่านรักพี่น้องชาวประมงเหล่านั้นมากกว่ารักเราหรือ

3)ท่านรักการออกไปหาปลาในทะเลมากกว่ารักเราหรือ

และนี่คือคำอธิบายคำว่า “เหล่านี้” ในความหมายที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงถามเปโตรว่า”ท่านรักเรามากกว่าพวกเหล่านี้หรือ"

แล้วเปโตรทรงตอบองค์พระเยซูคริสต์เจ้าว่า "ถูกแล้ว พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์นั้นรักพระองค์"

ซึ่งนั่นหมายความว่า เปโตรเขาพร้อมแล้วที่จะสละซึ่งสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด

เช่นเดียวกันพี่น้องที่รักครับ ที่ในเช้าวันนี้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าต้องการที่จะถามพี่น้องว่า บุตร (ช - ญ) ของเราเอ๋ย ท่านรัก 1) อาชีพ การงานที่ท่านทำมากกว่าหรือเรา 2) เกียรติ ลาภยศและคำสรรเสริญที่ท่านมีมากกว่าหรือเรา 3) ทรัพย์สิน-สิ่งของที่ท่านหามาได้มากกว่าหรือเรา

คำถามของผมก็คือว่า พี่น้องจะตอบองค์พระเยซูคริสต์เจ้าอย่างไร ? พี่น้องจะตอบอย่างที่เปโตรตอบกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าหรือไม่ ? อันนี้เป็นคำถามที่พี่น้องไม่ต้องตอบผม แต่ให้พี่น้องตอบตัวของพี่น้องเอง

สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งนั่นก็คือว่า ทำไมองค์พระเยซูคริสต์เจ้าถึงจะต้องถามเปโตรอีก 2 ครั้ง

หลายคนตอบผมว่า ก็เพราะว่าเปโตรเขาเป็นคนที่บอกกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้ามิใช่หรือว่า เขาจะติดตามองค์พระเยซูคริสต์เจ้าแบบชนิดไปไหนไปด้วย แต่เขาเองก็กับปฏิเสธองค์พระเยซูคริสต์เจ้าแบบหน้าตาเฉย

ยน.6:68 ซีโมนเปโตรทูลตอบพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์จะจากไปหาผู้ใดเล่า พระองค์มีถ้อยคำซึ่งให้มีชีวิตนิรันดร์

ลก.22:33 ฝ่ายเขาจึงทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์พร้อมแล้วที่จะไปกับพระองค์ ถึงจะต้องติดคุกและถึงความตายก็ดี"

ลก.22:61 “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเหลียวดูเปโตร แล้วเปโตรก็ระลึกถึงคำขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งพระองค์ได้ตรัสไว้แก่เขาว่า "ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราถึงสามครั้ง"

ซึ่งนั่นก็เป็นความจริงที่เปโตรได้พูดและได้กระทำอย่างนั้นกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าแต่ความจริงเหนือความจริงอยู่ใน

ลก.22:62 แล้วเปโตรก็ออกไปข้างนอกร้องไห้เป็นทุกข์นัก

พระคำของพระเจ้าพูดอย่างชัดเจนว่า เปโตร เขารู้ว่าเขาได้ทำผิด เขาเสียใจเขาจึงได้ร้องไห้ออกมา เขาสำนึกว่าเขานั้นพ่ายแพ้ต่อการทดลอง ที่สำคัญแก่นแท้ภายในจิตใจของเปโตรนั้นเขาอยากที่จะขอโอกาสกับพระเจ้าใหม่อีกครั้งหนึ่ง

พี่น้องที่รักครับ คนที่สำนึกผิดแล้วแก้ไขนั้น นอกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าจะให้อภัยแล้ว เขายังจะได้รับการปรบมือและได้รับคำชื่นชมจากพระเจ้าด้วย ที่สำคัญเมื่อภายในจิตใจของเปโตรนั้น เขาอยากที่จะขอโอกาสกับพระเจ้าใหม่อีกครั้งหนึ่ง พระเจ้าทรงรู้หัวใจของเขาเป็นอย่างดี

ด้วยเหตุนี้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าจึงใช้เวลากับเปโตรเป็นการส่วนตัว แล้วถามเขาเป็นครั้งที่ 2 ว่าซีโมนบุตรชายโยนาห์เอ๋ย ท่านรักเรามากกว่าพวกเหล่านี้หรือ

ซึ่งการที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าถามเปโตรเป็นครั้งที่ 2 นั้น นั่นไม่ได้หมายความว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นไม่มั่นใจในตัวเปโตรหรือเป็นเพราะเขาเคยเป็นคนที่ปฏิเสธองค์พระเยซูคริสต์เจ้ามาก่อน

แต่การที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงถามเปโตรเป็นครั้งที่ 2 ก็เพื่อที่จะบอกกับเปโตรว่า

เปโตร ความรักที่เจ้าจะต้องมีให้กับเราจากนี้ต่อไปนั้นอ่ะ มันไม่ใช่เรื่องของอารมณ์และมันก็ไม่ใช่แค่เรื่องของปากที่พูดออกมาเท่านั้น แต่มันหมายถึงเจตนารมณ์ มันหมายถึงการแสดงออก มันหมายถึงการกระทำ มันหมายถึงการที่เจ้านั้นจะต้องถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วย

แล้วเปโตรทรงตอบองค์พระเยซูคริสต์เจ้าว่า "ถูกแล้ว พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์นั้นรักพระองค์"

ซึ่งนั่นหมายความว่า ตอนนั้นเปโตรเขารักพระเยซูคริสต์เพียงแค่ปาก ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะเขายังไม่เข้าใจหรืออาจจะเป็นเพราะเขานั้นยังไม่เข้มแข็งในทางของพระเจ้าอย่างเพียงพอ

แต่ตอนจากนี้เป็นต้นไป เปโตรนั้นเขาจะรักพระเจ้าทั้งด้วยปากและด้วยหัวใจอีกทั้งด้วยการกระทำของเขา

เช่นเดียวกันพี่น้องที่รักครับ ที่ในเช้าวันนี้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าต้องการที่จะถามกับพี่น้องเป็นครั้งที่ 2 ว่า บุตรชายบุตรหญิง ของเราเอ๋ยเจ้ารักเราหรือ

คำถามของผมก็คือว่า พี่น้องจะตอบองค์พระเยซูคริสต์เจ้าอย่างไร ?

คำถามของผมก็คือว่า พี่น้องพร้อมที่จะตอบอย่างที่เปโตรนั้นได้ตอบกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าในตอนนี้หรือไม่ว่า จากนี้เป็นต้นไป ข้าพระองค์นั้นจะรักพระองค์ทั้งด้วยปากและด้วยหัวใจอีกทั้งด้วยการกระทำของข้าพระองค์ อันนี้ก็เป็นคำถามที่พี่น้องไม่ต้องตอบผม แต่ให้พี่น้องตอบตัวของพี่น้องเอง

ให้เราบอกกับคนข้างซ้าย ข้างขวาว่า“รักพระเจ้าไม่ใช่ด้วยปากไม่ใช่ด้วยใจแต่ด้วยการกระทำด้วย”

การที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงถามเปโตรเป็นครั้งที่ 3 นั่นไม่ได้หมายความว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นไม่มีความมั่นใจในตัวเปโตรหรือเป็นเพราะเขาเป็นคนที่ปฏิเสธองค์พระเยซูคริสต์เจ้ามาก่อน แต่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าต้องการที่จะบอกกับเปโตรว่า “ถ้าเจ้านั้นรักเราจริงๆ เจ้าก็จะต้องรักในสิ่งที่เรารักด้วย”

คำถามคือว่าและอะไรคือสิ่งที่พระองค์ทรงรัก? ยน.3:16 “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ที่บังเกิดมา เพื่อผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”

มนุษย์คือสิ่งที่พระองค์ทรงรักและพระองค์ทรงรักมนุษย์มากเป็นที่สุด ไม่ว่ามนุษย์คนนั้นจะยากดีมีจนแค่ไหนก็ตาม ในสายพระเนตรของพระเจ้าแล้วทุกคนต่างมีคุณค่าที่เท่ากัน

ดังนั้นถ้าเจ้าสามารถที่จะรักพระเจ้าอย่างสุดขั้วหัวใจนี้ได้จริงๆ ความรักนี้เองก็สามารถที่จะทำให้เจ้านั้นรักมนุษย์ที่ไม่น่ารักได้โดยที่เจ้าเองนั้นไม่ต้องฝืนใจหรือไม่ต้องพยายามที่จะเอาชนะใจตัวเองเพื่อที่จะรักมนุษย์

แล้วเปโตรทรงตอบองค์พระเยซูคริสต์เจ้าว่า "ถูกแล้ว พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์นั้นรักพระองค์"

ซึ่งนั่นหมายความว่า เปโตรนั้นมีองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเป็นจอมเจ้านายในชีวิตของเขา ดังนั้นเมื่อองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงกระทำทุกอย่างด้วยความรัก จากนี้ต่อไปเปโตรเขาก็จะทำทุกอย่างด้วยความรักของพระเป็นเจ้าด้วยเช่นกัน

เช่นเดียวกันพี่น้องที่รักครับ ที่ในเช้าวันนี้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าต้องการที่จะถามกับพี่น้องเป็นครั้งที่ 3 ว่า บุตรชายบุตรหญิง ของเราเอ๋ยเจ้ารักเราหรือ

คำถามของผมก็คือว่า พี่น้องจะตอบองค์พระเยซูคริสต์เจ้าอย่างไร ? พี่น้องพร้อมที่จะตอบ อย่างที่เปโตรนั้น ได้ตอบกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าในตอนนี้หรือไม่ว่า

1)จากนี้ต่อไปข้าพระองค์จะทำทุกอย่างด้วยความรักของพระเป็นเจ้า

2)จากนี้เป็นต้นไปข้าพระองค์จะมีพระองค์ทรงเป็นจอมเจ้านายในชีวิต อันนี้ก็เป็นคำถามที่พี่น้องไม่ต้องตอบผม แต่ให้พี่น้องตอบตัวของพี่น้องเอง

ถ้าพี่น้องสังเกตการสนทนาขององค์พระเยซูคริสต์เจ้ากับเปโตรในตอนนี้ พี่น้องก็จะพบว่า ทุกครั้งที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงถามเปโตรว่า “เจ้ารักเราหรือ” แล้วเปโตรทรงตอบองค์พระเยซูคริสต์เจ้าว่า “ข้าพระองค์รักพระองค์”

องค์พระเยซูคริสต์เจ้าจะทรงพูดคำหนึ่งขึ้นมาสำทับด้วยทุกครั้งนั่นเสมอก็คือคำว่า“จงเลี้ยงดูแกะของเรา”

ซึ่งนั่นหมายความว่า “ถ้าเจ้านั้นรักเราจริงๆเจ้าก็จะต้องดูแลและเอาใจใส่ในสิ่งที่เรารักด้วย” อาจจะกล่าวอีกนัยยะหนึ่งก็ได้ว่า “ถ้ารักพระเจ้าต้องเลี้ยงแกะของพระเจ้าด้วย” และนี่ถือได้ว่าเป็นคำสั่งเสียที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงมอบให้กับเปโตร

พระคำของพระเจ้าใน ยน.10:11 เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีนั้นย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ และยน.10:15 เหมือนพระบิดาทรงรู้จักเรา เราก็รู้จักพระบิดาด้วย และชีวิตของเรา เราสละเพื่อฝูงแกะ

สิ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือว่า สิ่งที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสและพระคัมภีร์ได้มีการบันทึกเอาไว้นั้น มันเป็นชีวิตของพระองค์จริงๆและสาวกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าทั้ง12 คนนั้นก็ได้เห็นว่า องค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้นได้ทรงสละซึ่งความสุข สละซึ่งความสะดวกสบายส่วนตัวหรือแม้กระทั่งชีวิตของพระองค์เพื่อแกะของพระองค์และเพื่อพระราชอาณาจักรของพระเจ้าอย่างแท้จริง

เปโตรเมื่อเขาเข้าใจแล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พี่น้องที่รักเขาก็ได้ทำอย่างที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงกระทำเอาไว้เป็นแบบอย่างเพื่อแกะของพระเจ้าและเพื่อแผ่นดินของพระเจ้าอย่างแท้จริงด้วยเช่นเดียวกัน ผมจะหยุดการสนทนาระหว่างองค์พระเยซูคริสต์กับเปโตรเอาไว้เพียงเท่านี้

แต่จะกลับมาที่พวกเรา พวกเราที่บอกรักพระเจ้าด้วยปากถึงเวลาที่เราจะบอกรักพระเจ้าด้วยการกระทำแล้วหรือยัง ? ซึ่งถ้าพี่น้องรักพระเจ้าจริงๆ พี่น้องก็จะต้องพร้อมที่จะดูแลลูกแกะของพระเจ้า

ผมจะพูดความจริงอย่างหนึ่งให้พี่น้องฟัง แต่ขอให้พี่น้องได้เข้าตรงกันนะครับว่า ผมนั้นไม่ได้คิดที่จะหลบหลู่ดูหมิ่นใครนะครับ สิ่งที่ผมจะพูดนั่นก็คือว่า โยส่วนตัวผมมีความเชื่ออย่างมั่นใจว่า เวลานี้พี่น้องคริสเตียนในประเทศไทยส่วนมากนั้นยังไม่พร้อมที่จะตายเพื่อแผ่นดินพระเจ้า

แต่เอาเป็นว่าเวลานี้พี่น้อง พร้อมที่จะสละความสุข สละความสะดวกสบายส่วนตัวของพี่น้อง เพื่อที่จะเลี้ยงดูลูกแกะของพระเจ้ากันมากน้อยแค่ไหน

สิ่งหนึ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือว่า การเลี้ยงดูแกะหรือการเลี้ยงดูผู้เชื่อใหม่ ทั้งในฝ่ายร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณนั้น เป็นหน้าที่ของผู้เชื่อทุกคน ประการที่สำคัญนั่นก็คือว่า การเลี้ยงดูแกะหรือการเลี้ยงดูผู้เชื่อใหม่นี้เองเป็นเหตุทำให้ผู้เลี้ยงดูนั้นได้รับพระพรของพระเจ้าอย่างมากมาย

มก.10:29-30 พระเยซูตรัสตอบว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดได้สละบ้าน หรือพี่น้องชายหญิง หรือบิดามารดา หรือภรรยา หรือบุตร หรือที่ดิน เพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐนั้นในเวลานี้ผู้นั้นจะได้รับตอบแทนร้อยเท่า คือบ้าน พี่น้องชายหญิง มารดา บุตรและที่ดิน ทั้งจะถูกการข่มเหงด้วย และในโลกหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร์

สดด.37:23-26 พระเยโฮวาห์ทรงนำย่างเท้าของคนดี และพระองค์ทรงพอพระทัยในทางของเขาแม้เขาล้ม เขาจะไม่ถูกเหวี่ยงลงเหยียดยาว เพราะว่าพระหัตถ์พระเยโฮวาห์พยุงเขาไว้ข้าพเจ้าเคยหนุ่ม และเดี๋ยวนี้แก่แล้ว แต่ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นคนชอบธรรมถูกทอดทิ้ง หรือเชื้อสายของเขาขอทานเขาแสดงความเมตตาและให้ยืมเสมอ และเชื้อสายของเขาก็ได้รับพระพร

สดด. 91:14-16 เพราะเขาผูกพันกับเราด้วยความรัก เราจึงจะช่วยเขาให้พ้น เราจะตั้งเขาไว้ในที่สูง เพราะเขารู้จักนามของเราเขาจะร้องทูลเรา และเราจะตอบเขา เราจะอยู่กับเขาในยามลำบาก เราจะช่วยเขาให้พ้นและให้เกียรติเขา
เราจะให้เขาอิ่มใจด้วยชีวิตยืนยาว และสำแดงความรอดของเราแก่เขา

นี่คือพระพรนาๆนับประการที่พี่น้องจะได้รับจากการที่พี่น้องนั้นรักพระเจ้าก่อนแล้วจึงเลี้ยงแกะและดูแลแกะของพระเจ้า

คำว่า ดูแลแกะ ในที่นี้หมายถึงหรือหมายความว่าอะไร ?

คำว่า ดูแลแกะ ในที่นี้หมายถึง การบริหาร การสร้างชีวิตของเขาโดยเฉพาะชีวิตในฝ่ายจิตวิญญาณนั้นให้เติบโตในทางของพระเจ้า เพื่อที่เขานั้นจะเกิดผล เพื่อที่เขานั้นจะออกไปรับใช้พระเจ้าผ่านการรับใช้มนุษย์

พี่น้องฟังดูแล้วเหมือนกับการเลี้ยงลูกไหมครับ ? ฟังดูแล้วเหมือนกับการเลี้ยงลูกเลยใช่ไหมครับ แต่นี่ไม่ใช่การเลี้ยงลูก แต่นี่มันคือการสร้างคน

พ่อแม่หลายคนเลี้ยงลูก แต่ไม่ได้สร้างลูก ลูกของเขานั้นจึงไม่สามารถที่จะเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพได้ ลูกพรรค์อย่างนี้จึงเลี้ยงไม่โต

การสร้างลูกคือการดูแล การบริหาร การฝึก มีการให้ทั้งไม้รักและไม้เรียวกับลูก

พ่อแม่ที่ไม่บริหารลูก ไม่ฝึกลูก ไม่ตีลูก ไม่เข้มงวดกับลูกลูกของเขานั้นจึงไม่สามารถที่จะเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพได้

การดูแลแกะหรือผู้เชื่อใหม่ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราไม่ฝึกเขา ไม่เข้มงวดกับเขา ไม่หัดให้เขามีขอบเขต ความรับผิดชอบหน้าที่ทั้งในฝ่ายร่างกายและจิตวิญญาณแล้วเขาก็ไม่สามารถที่จะเติบโตเป็นธรรมิกชนที่พระเจ้าจะทรงโปรดใช้การได้

ซึ่งแน่นอนแรกๆ แกะหรือผู้เชื่อใหม่นั้นอาจจะไม่ชอบที่เราเข้มงวดกับเขาแต่ในอนาคตเขาจะกลับมาขอบคุณผู้เลี้ยงหรือไม่บางคนก็ละอายใจที่บอกแล้วเตือนแล้วๆไม่ฟังก็เลยไม่กล้าที่จะมาโบสถ์ แต่ถึงกระนั้นก็ตามผู้เลี้ยงก็จะต้องสวมหัวใจเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ซึ่งพระคำของพระเจ้าได้ตรัสเอาไว้ใน

ลก.15:5 “เมื่อพบแล้วเขาก็ยกขึ้นใส่บ่าแบกมาด้วยความเปรมปรีดิ์”

กท.6:1-2 “พี่น้องทั้งหลายถ้าผู้ใดถูกครอบงำอยู่ในความผิดบาป ท่านซึ่งอยู่ฝ่ายพระวิญญาณ จงช่วยผู้นั้นด้วยใจอ่อนสุภาพให้เขากลับตั้งตัวใหม่ โดยคิดถึงตัวเองเกรงว่าท่านจะถูกชักจูงให้หลงไปด้วยจงช่วยรับภาระของกันและกัน ท่านจึงจะทำให้พระราชบัญญัติของพระคริสต์สำเร็จ”

พระคำของพระเจ้าทั้ง 2 ข้อนี้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า เมื่อแกะทำผิดทำพลาด เราต้องช่วยเขาและให้โอกาสกับเขาที่จะเริ่มต้นใหม่

ดังนั้นการเลี้ยงดูฝ่ายจิตวิญญาณผู้เชื่อใหม่นั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย บางคนบอกผมว่าขนาดเลือดเนื้อเชื้อไขเราแท้ๆมันยังไม่ฟังเราเลย และนี่มันไม่ใช่ลูกของเราจริงๆ มันจะยากขนาดไหน

ซึ่งนั่นมันก็เป็นเรื่องจริงนะครับพี่น้องที่รัก แต่ผมก็อยากที่จะขอหนุนใจว่า เราจะต้องไม่ท้อ เราจะต้องไม่สิ้นหวัง ที่สำคัญก็คือว่าเราจะต้องไม่หยุดที่จะรักเพื่อที่เราจะเลี้ยงดูเขาต่อไป

และด้วยการที่แกะมันดื้อ มันเลี้ยงดูยากนี่เองผู้เชื่อหลายคนจึงขอที่จะเลี้ยงดูแกะหรือเลี้ยงดูผู้เชื่อใหม่ผ่านการถวายพิเศษ ซึ่งพี่น้องจะต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า การถวายสิบลดนั้นเป็นหน้าที่ของผู้เชื่อทุกคนที่จะต้องถวายคืนให้กับพระเจ้า

ผู้รับใช้พระเจ้าหลายคนอยู่โดยสิบลดของคริสตจักร ซึ่งมันก็ไม่ได้มากมายอะไร แถมออกไปเลี้ยงดูลูกแกะของพระเจ้าที่ฐานไม่ดีบารมีไม่สูง ผู้รับใช้พระเจ้าเห็นอย่างนี้แล้วทำไมครับ ?

ผู้รับใช้พระเจ้าหลายคนยังต้องให้การสงเคราะห์ ยังต้องให้การช่วยเหลืออีกด้วย

ซึ่งพี่น้องที่รักพระเจ้าอีกทั้งเข้าใจในการดำรงอยู่ของผู้รับใช้พระเจ้า อีกทั้งเข้าใจว่าการประกาศ การเป็นพยานและการเลี้ยงดูนั้นจะต้องใช้ทุนทรัพย์ แต่ตัวของเขาเองนั้นอาจจะไม่มีเวลาที่จะไปเลี้ยงดูลูกแกะของพระเจ้าเหมือนกับอาจารย์หรือเหมือนกับศิษยาภิบาล

พี่น้องเขาก็เลยขอมีส่วนในการถวายพิเศษเพื่อการประกาศหรือเพื่อการเลี้ยงดูฝ่ายจิตวิญญาณลูกแกะของพระเจ้าร่วมกับอาจารย์หรือศิษยาภิบาล ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้เคยเกิดขึ้นแล้วในสมัยของอัครฑูตเปาโล ซึ่งพระคัมภีร์ได้มีการบันทึกเอาไว้ใน

ฟลป.1:5 เพราะเหตุที่ท่านทั้งหลายมีส่วนในข่าวประเสริฐด้วยกัน ตั้งแต่วันแรกมาจนกระทั่งบัดนี้

ฟลป.4:10-15 แต่ข้าพเจ้ามีใจชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างยิ่ง เพราะว่าในที่สุดท่านก็ได้ฟื้นการระลึกถึงข้าพเจ้าอีก ท่านคิดถึงข้าพเจ้าจริงๆ แต่ยังหาโอกาสไม่ได้ข้าพเจ้าไม่ได้กล่าวถึงเรื่องความขัดสน เพราะข้าพเจ้าจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะพอใจอยู่อย่างนั้น
ข้าพเจ้ารู้จักที่จะเผชิญกับความตกต่ำ และรู้จักที่จะเผชิญกับความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าที่ไหนหรือในกรณีใดๆ ข้าพเจ้าได้รับการสั่งสอนให้เผชิญกับความอิ่มท้องและความอดอยาก ทั้งความสมบูรณ์พูนสุขและความขัดสนข้าพเจ้ากระทำทุกสิ่งได้โดยพระคริสต์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้าถึงกระนั้นท่านทั้งหลายได้กระทำดีอยู่แล้ว ที่ท่านได้ร่วมทุกข์กับข้าพเจ้าและพวกท่านชาวฟีลิปปีก็ทราบอยู่แล้วว่า การประกาศข่าวประเสริฐในเวลาเริ่มแรกนั้น เมื่อข้าพเจ้าออกไปจากแคว้นมาซิโดเนีย ไม่มีคริสตจักรใดมีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าในการให้ทานและรับทานนั้นเลย นอกจากพวกท่านพวกเดียวเท่านั้น

พระคำของพระเจ้าทั้ง 2 ข้อนี้ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า

เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นแล้วกับคริสเตียนในคริสตจักรฟิลิปปีที่ผู้ประกาศหรือผู้ที่เลี้ยงดูแกะของพระเจ้ากับผู้ที่ถวายทรัพย์พิเศษนั้นต่างมีส่วนในการเลี้ยงดูลูกแกะของพระเจ้าร่วมกัน       

1ปต.5:2-4 “จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่กับท่าน จงเอาใจใส่ดูแล ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ แต่ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ด้วยการเห็นแก่ทรัพย์สิ่งของอันเป็นมลทิน แต่ด้วยใจพร้อมและไม่ใช่เหมือนเป็นเจ้านายที่ข่มขี่ผู้รับมรดกของพระเจ้า แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้นและเมื่อพระผู้เลี้ยงใหญ่จะเสด็จมาปรากฏ ท่านทั้งหลายจะรับมงกุฎแห่งสง่าราศีที่ร่วงโรยไม่ได้เลย”

                พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า เมื่อพระผู้เลี้ยงใหญ่จะเสด็จมาปรากฏ ท่านทั้งหลายจะรับมงกุฎแห่งสง่าราศีที่ร่วงโรยไม่ได้เลย

                คำว่า “ท่านทั้งหลาย” ในที่นี้คือ ผู้ที่เลี้ยงดูแกะของพระเจ้า กับผู้ที่ร่วมส่วนในการเลี้ยงดูแกะของพระเจ้านั้น ท่านทั้งหลายจะได้รับมงกุฎแห่งสง่าราศีที่ร่วงโรยไม่ได้เลย

                สรุป พระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้คือ จงรักพระเจ้าด้วยปากด้วยใจและด้วยการกระทำ กระทำโดยเลี้ยงดูลูกแกะของพระเจ้าโดยส่วนตัวหรือเลี้ยงดูลูกแกะของพระเจ้าโดยการร่วมส่วนเพื่อรับมงกุฎแห่งศักดิ์ศรีที่ไม่ร่วงโรยร่วมกัน

Green City