คุณค่าแห่งการภักดี

คำเทศนาเรื่อง คุณค่าแห่งการภักดี

 

      

ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากพระธรรม สภษ.3:3-4 “อย่าให้ความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ทอดทิ้งเจ้า จงผูกมันไว้ที่คอของเจ้า จงเขียนมันไว้ที่แผ่นจารึกแห่งหัวใจของเจ้า ดังนั้นเจ้าจงหาความพอใจและชื่อเสียงดี ในสายพระเนตรพระเจ้าและในสายตามนุษย์” และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า “คุณค่าแห่งการภักดี”

พี่น้องยังจำได้ไหมครับว่า เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมานั้น พระองค์ทรงได้ระบายอะไรของพระองค์ลงไปในชีวิตของมนุษย์ครับ ? ซึ่งการระบายลมปราณในที่นี้หมายถึง จิตวิญญาณ คุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม คุณงามความดี ความกตัญญูรู้คุณ มโนธรรม การรู้ถึงความผิดชอบชั่วดี และอื่นๆอีกมากมายของพระองค์ลงไปในชีวิตของมนุษย์ มนุษย์จึงกลายเป็นผู้มีชีวิตขึ้นมา

และผมขอนุญาตที่จะขีดเส้นใต้เอาไว้ตรงนี้ก่อนและก่อนที่เราจะไปกันต่อ

ผมอยากให้พี่น้องได้ดูพระคำของพระเจ้าใน 2 ตอนด้วยกัน เพราะมันมีความเกี่ยวเนื่องกัน ตอนแรกอยู่ใน อสค.28:11-19 ตอนที่สองอยู่ใน อสย.14:12-15

            อสค.28 :11-19 พระวจนะของพระเจ้ามายังข้าพเจ้าว่า”บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงเปล่งเสียงบทคร่ำครวญเพื่อกษัตริย์เมืองไทระ และจงกล่าวแก่ท่านว่าพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "เจ้าเป็นตราแห่งความสมบูรณ์แบบ เต็มด้วยสติปัญญา และมีความงามอย่างพร้อมสรรพเจ้าอยู่ในเอเดน พระอุทยานของพระเจ้า เพชรพลอยทุกอย่างเป็นเสื้อของเจ้า คือทับทิม บุษราคัมน้ำอ่อน เพชร เพทาย โกเมน และมณีโชติ ไพฑูรย์ มรกต และเบริล เพชรพลอยเหล่านี้ฝังในทองคำ และลวดลายแกะสลักก็เป็นทองคำ สิ่งเหล่านั้นจัดเตรียมไว้ ในวันที่สร้างเจ้าขึ้นมาเราตั้งเจ้าให้อยู่กับเครูบ ผู้พิทักษ์ที่ได้เจิมตั้งไว้ เจ้าอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์แห่งพระเจ้า และเจ้าเดินอยู่ท่ามกลางศิลาเพลิงเจ้าก็ปราศจากตำหนิในวิธีการทั้งหลายของเจ้าตั้งแต่วันที่เจ้าได้ถูกสร้างขึ้น มาจนพบความบาปชั่วในตัวเจ้าในความอุดมสมบูรณ์แห่งการค้าของเจ้านั้น เจ้าก็เต็มด้วยการทารุณ เจ้ากระทำบาป เราจะกำจัดเจ้าเสียจากภูเขาแห่งพระเจ้า และเครูบผู้พิทักษ์นั้นก็ขับเจ้าออกไป จากท่ามกลางศิลาเพลิงจิตใจของเจ้าผยองขึ้นเพราะความงามของเจ้า เจ้ากระทำให้สติปัญญาของเจ้าเสื่อมทรามลง เพราะเห็นแก่ความงามของเจ้า เราเหวี่ยงเจ้าลงที่ดินแล้ว เราตีแผ่เจ้าต่อหน้ากษัตริย์ทั้งหลาย เพื่อตาของท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะเพลินอยู่ที่เจ้าเจ้ากระทำให้สถานนมัสการของเจ้าสาธารณ์ โดยความบาปชั่วมากมายของเจ้า ในการค้าอันไม่ชอบธรรมของเจ้า เหตุฉะนั้นเราจึงนำไฟลงมาจากหมู่พวกเจ้า ไฟก็เผาผลาญเจ้า เรากระทำให้เจ้ากลับเป็นเถ้าไปบนพื้นโลก ในสายตาของคนทั้งปวงที่เห็นเจ้าบรรดาผู้ที่รู้จักเจ้าท่ามกลางชนชาติทั้งหลายเขาก็ตกตะลึงเพราะเจ้า เจ้าสิ้นสูญลงอย่างน่าครั่นคร้าม และจะไม่ดำรงอยู่อีกต่อไปเป็นนิตย์"

พระคำของพระเจ้าใน อสค.28:11-19 ทำให้เรารู้ถึงฐานะดั้งเดิมของซาตาน ที่ก่อนหน้านั้นเขาถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นอะไรครับ ? ทูตสวรรค์ของพระเจ้ามาก่อน

คุณสมบัติในการเป็นทูตสวรรค์ของพระเจ้านั้นพระคัมภีร์ได้มีการบันทึกเอาไว้ว่า จะต้องมีความบริสุทธิ์ มีความฉลาดและมีความสวยงาม

เราพบว่า ลูซิเฟอร์ (1) ซึ่งเป็นชื่อเดิมของซาตานนั้น เขาเคยเป็นผู้นำท่ามกลางเครูบมาก่อน (2) เขาเคยเป็นถึงหัวหน้ามหาดเล็กรักษาพระองค์ ซึ่งทำหน้าที่คอยปกป้องพระที่นั่งของพระเจ้ามาก่อน

อสย.14:12-15 "โอ ดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณเจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะเจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า 'ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้าณที่สูงนั้น ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน {คือ สถานเทพชุมนุม}ณที่อุดรไกลข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด'แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตาย ยังที่ลึกของปากแดน”

อสย.14:12 บอกกับเราว่า ลูซิเฟอร์ นั้นเขาได้รับตำแหน่งอยู่บนภูเขาอันบริสุทธิ์ของพระเจ้า แต่ท้ายที่สุดลูซิเฟอร์ก็ไม่สามารถที่จะรักษาสถานภาพที่มีสง่าราศีนั้นเอาไว้ได้ เพราะอะไรครับ ?

อสย.14:13 - 15 บอกกับเราว่าเพราะ เขารำพึงในใจของเจ้าว่า

(1)ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า

(2)ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้าณ.ที่สูงนั้น

(3)ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ.ที่อุดรไกล

(4)ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ

(5)ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด

1.ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ สิ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือว่าสวรรค์คือที่ประทับของพระเจ้า ลูซิเฟอร์เขาปรารถนาที่จะยึดครองที่ประทับของพระเจ้า

2. ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้าณ.ที่สูงนั้น ลูซิเฟอร์ไม่เพียงแต่อยากจะยึดที่ประทับของพระเจ้าเท่านั้น แต่เขาอยากจะยกที่นั่งของเขาเทียบเท่ากับพระบัลลังค์ของพระเจ้า

3. ข้าจะนั่งอยู่บนขุนเขาชุมนุมสถาน พี่น้องที่รักครับ บนขุนเขานั้นเป็นศูนย์กลางของการครอบครองโลกนี้ของพระเจ้า ลูซิเฟอร์เขาต้องการที่จะครอบครองด้วย

4. ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ เมฆ หมายถึงพระสิริของพระเจ้า ลูซิเฟอร์ ต้องการพระสิริของพระเจ้ามาเป็นของเขา

5. เราจะเป็นเหมือนผู้สูงสุด ลูซิเฟอร์ต้องการที่จะเป็นเจ้าของสวรรค์และโลก ซึ่งหมายความว่า ลูซิเฟอร์ ต้องการยึดอำนาจของพระเจ้า

คำถามของผมก็คือว่า พี่น้องเห็นภาพอะไรรึยังครับ? พี่น้องเห็นถึงภาพความไม่จงรักภักดี ความไม่กตัญญูรู้คุณของลูซิเฟอร์แล้วหรือยัง ความไม่จงรักภักดี ความไม่กตัญญูรู้คุณนี้เองเป็นเหตุทำให้ลูซิเฟอร์นั้น

1)ล้มลง 2)คิดกบฏต่อพระเจ้า 3)ถูกพระเจ้าขว้างลงมาจากสวรรค์ 4)ถูกเรียกชื่อใหม่เป็นไอ้ซาตาน

พระคำของพระเจ้าใน อสค.28:16-17 “เราจะกำจัดเจ้าเสียจากภูเขาแห่งพระเจ้า เราเหวี่ยงเจ้าลงที่ดินแล้ว”

พี่น้องที่รักครับ เมื่อลูซิเฟอร์ กลายพันธุ์มาเป็นซาตาน มันได้นำเอาความฉลาดของมันจากสวรรค์เข้ามาในโลกนี้ด้วย โดยซาตานมันพยายามที่จะทำให้มนุษย์ทุกๆคนนั้นตกเป็นเชลยหรือตกเป็นทาสของมันด้วยการใส่วิญญาณแห่งการ 1) อกตัญญูให้กับมนุษย์ 2)กบฏให้กับมนุษย์ 3)ไม่จงรักภักดีให้กับมนุษย์

คำถามคือว่า แล้วมันทำสำเร็จไหมครับพี่น้อง ? มันทำสำเร็จ

ผ่านทางอาดำเอวา ดังนั้นซาตานเป็นอย่างไร มันก็อยากให้มนุษย์เป็นอย่างนั้นด้วย

            อาจจะกล่าวได้ว่า ในขณะที่พระเจ้าได้ระบายลมปราณแห่งความจงรักภักดีของพระองค์เข้ามาในชีวิตของมนุษย์

ซาตาน มันก็พยายามที่จะระบายลมปราณแห่งความไม่จงรักภักดีหรือความอกตัญญูของมันให้กับมนุษย์ด้วยเช่นกัน

ดังนั้นเมื่อเราเป็นของพระเจ้าแล้ว เราจะต้องตัดสัมพันธ์กับวิญญาณชั่วของซาตานให้หมดสิ้น ซึ่งไม่เพียงเท่านั้นพี่น้องที่รักแต่เราจะต้องเรียนรู้ที่จะผูกพันตัวของเราเองกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าด้วย เพื่อที่เรานั้นจะเป็นบุคคลที่มีความจงรักภักดีและไม่อกตัญญูต่อพระเจ้า ซึ่งผลที่ได้รับนั้นไม่เพียงแต่จะนำพระพรมาสู่พี่น้องเท่านั้น แต่ยังนำให้ชีวิตของผู้นั้นสูงค่าอีกด้วย

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 1 เราพบคำว่า“อย่าให้ความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ทอดทิ้งเจ้า”

คำถามก็คือว่า แล้วเราจะทำอย่างไรที่จะทำให้วิญญาณแห่งความจงรักภักดีนี้ดำรงอยู่ภายในชีวิตของเราได้ ? คำตอบก็คือว่า เราจะต้องอธิษฐานและทูลขอกับพระเจ้า หากเราไม่อธิษฐานทูลขอต่อพระเจ้า

(1)วิญญาณแห่งการคิดคดทรยศหักหลัง กบฏ ก็พร้อมที่จะเกิดขึ้นกับเราได้เสมอ

(2)วิญญาณแห่งความจงรักภักดีจะค่อยๆพรากไปจากชีวิตของเรา พร้อมกับวิญญาณแห่งความอกตัญญูก็จะไหลเข้ามาแทนที่ในชีวิตของเรา เพราะซาตานมันต้องการที่จะให้มนุษย์นั้น(2.1)เป็นเหมือนมัน (2.2)ทำตรงกันข้ามกับน้ำพระทัยของพระเจ้า

(2.3)ไม่ปฎิบัติตามพระคำของพระองค์

พระคัมภีร์จึงได้มีการบันทึกเอาไว้ว่า มนุษย์เรานั้นมีทางเลือกอยู่ 2 ทางเท่านั้นคือ ถ้าไม่อยู่ฝ่าย”พระเจ้า”ก็อยู่ฝ่าย”มาร”

ซึ่งถ้าพี่น้องยอมให้มารซาตานใส่ความคิดของมันเข้าไปในความคิดของพี่น้องทีละเล็กทีละน้อย ในที่สุดจิตวิญญาณของพี่น้องนั้นก็จะตาย

พี่น้องสมาชิกมากมายหลายคนในคริสตจักรต่างๆนั้นอาจจะมีความไม่พอใจ (1) ผู้นำ (2) ศิษยาภิบาล (3) คณะผู้ปกครอง ในเรื่องนั้นในเรื่องนี้ ทำให้หลายคนไม่อยากมาศุกร์อธิษฐาน หลายคนเคยรับใช้พระเจ้าไปๆมาๆไม่อยากรับใช้พระเจ้าแล้ว ไปๆมาๆก็ไม่อยากมาโบสถ์ รวมถึงเหตุผลจิปาถะ คือ เหตุผลที่ไม่เป็นเหตุผลอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งนั่นก็ไม่เป็นไร และอันนี้ผมก็ยกเป็นตัวอย่างให้พี่น้องฟังเท่านั้นนะครับ

แต่ผมอยากที่จะบอกกับพี่น้องอย่างนี้ครับว่า เมื่อวิญญาณแห่งความจงรักภักดีต่อพระเจ้าของพี่น้องนั้นตาย นั่นเท่ากับความชอบธรรมของพี่น้องก็ได้ตายไปด้วยเช่นเดียวกัน

           กลท.6:7 “อย่าหลงเลย ท่านจะหลอกลวงพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง ก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น”

ในทางของพระเจ้าแล้วนั้นไม่มีเรื่องกฎแห่งกรรม แต่ในทางของพระเจ้านั้นมีเรื่องกฏแห่งการหว่านซึ่งว่าด้วยการกระทำเท่านั้น อะไรก็ตามที่เราได้รับในปัจจุบันและในกาลอนาคต ขอให้พี่น้องได้เข้าใจอย่างหนึ่งว่า มันล้วนเป็นผลที่ได้มาจากการหว่านในอดีตทั้งสิ้น

ถ้าพี่น้องต้องการที่จะเป็นผู้ที่รับพระพรจากพระเจ้า ต้องการที่จะเป็นผู้ที่โปรดปรานของพระเจ้าและของมนุษย์ พี่น้องจงเป็นคนที่มีวิญญาณแห่งความจงรักภักดีและกตัญญูรู้คุณ

เพราะถ้าความจงรักภักดีหรือความกตัญญูรู้คุณมีอยู่ในชีวิตของผู้ใด ผู้นั้นก็เป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน เพราะอะไร ? เพราะเขาเป็นผู้ที่นำสง่าราศีของพระเจ้าจากสวรรค์ลงมาบนแผ่นดินโลกนี้ผ่านชีวิตของเขา ทำให้ผู้คนสามารถที่จะสัมผัสถึงพระสิริของพระเจ้าได้ และเมื่อมนุษย์สามารถที่จะสัมผัสสิ่งนี้จากเขาได้ เขาก็จะเป็นผู้ที่พอใจของมนุษย์หรือของคนทั่วไปด้วยเช่นเดียวกัน

แต่เมื่อวิญญาณแห่งความจงรักภักดีต่อพระเจ้าของพี่น้องตาย ความชอบธรรมของพี่น้องตาย ชีวิตของพี่น้องจะเป็นพระพรให้กับผู้อื่นได้อย่างไร

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 2 เราพบคำว่า“จงผูกมันไว้ที่คอของเจ้า จงเขียนมันไว้ที่แผ่นจารึกแห่งหัวใจของเจ้า

พี่น้องที่รักครับ อาภรณ์ประดับกายของคนบ่งบอกถึงสถานะของคนๆนั้นฉันใด ความจงรักภักดีในพระเจ้าหรือความกตัญญูรู้คุณที่คนๆนั้นมีก็บ่งบอกถึงความสง่างามของชีวิตของคนๆนั้นด้วยเช่นเดียวกัน

พระคำของพระเจ้าตรัสกับเราอย่างชัดเจนว่า“ไม่เพียงแต่ห้อยคอติดตัวไปเท่านั้น แต่ต้องสลักความจงรักภักดี ความกตัญญูกตเวทีนี้เอาไว้ที่ดวงใจด้วย”

สภษ.20:27 “มโนธรรมของมนุษย์เป็นประทีปของพระเจ้า ส่องดูส่วนลึกที่สุดของเขาทั้งสิ้น”

ซึ่งนั่นหมายความว่า พระเจ้านั้นปรารถนาที่จะให้เรานั้นได้ตระหนักถึงคุณค่าของความภักดีนี้หรือความกตัญญูนี้จากส่วนลึกภายในจิตใจของเราอย่างแท้จริง

            พระคำของพระเจ้าใน สภษ.20:27 พูดเอาอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าเป็นผู้สร้างมโนธรรม เมื่อพระเจ้าเป็นผู้สร้างมโนธรรม สิ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือว่า มโนธรรมนั้นมันจะไม่เข้าข้างมนุษย์ แต่มโนธรรมนั้นมันจะเข้าข้างพระผู้สร้างเสมอ

มีผู้เชื่อบางคนอาจจะสร้างภาพว่าเขารักพระเจ้า จงรักภักดีต่อพระเจ้า กตัญญูรู้คุณต่อพระเจ้า แน่นอนคนอื่นอาจจะไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา

            แต่จะมีบุคคล 2 คนที่พี่น้องไม่สามารถที่จะหลอกได้เลยคือ พระเจ้าผู้สร้างมโนธรรมกับตัวของพี่น้องเอง ดังนั้นเมื่อพี่น้องยืนมองตัวเองอยู่ที่หน้ากระจก มโนธรรมของคนที่อยู่ภายในกระจกนั้นจะถามพี่น้องว่า

(1)คุณไม่อายตัวเองบ้างหรือที่คุณบอกว่าคุณจงรักภักดีต่อพระเจ้าแต่คุณไม่เคยแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระเจ้าเลย

(2)คุณยังนับถือตัวเองได้อยู่อีกเหรอที่คุณบอกว่าคุณกตัญญูรู้คุณต่อพระเจ้า ไหนล่ะการรับใช้ในคริสตจักร ไหนล่ะการยืนเคียงข้างพี่น้อง ผู้นำในคริสตจักร

ซึ่งถ้าพี่น้องยืนมองตัวเองอยู่ที่หน้ากระจก แล้วมโนธรรมของบุคคลในกระจกนั้นได้เตือนพี่น้อง ถามพี่น้อง แล้วพี่น้องไม่รู้สึกตัวเองอันนั้นอาการน่าเป็นห่วงแล้วนะครับ

ผมอยากที่จะบอกกับพี่น้องอย่างนี้ครับว่า ถ้าพี่น้องอยากได้รับพระพร อยากมีชีวิตที่งดงาม พี่น้องต้องแสวงหาความภักดี ผูกพันกับความดีและยึดมั่นความภักดีนั้นเอาไว้จากภายในลึกๆของจิตใจหรือเอาไว้ในมโนธรรมของเราเหมือนดั่งที่พระคัมภีร์สอนเราเอาไว้ว่า “จงผูกมันไว้ที่คอของเจ้า จงเขียนมันไว้ที่แผ่นจารึกแห่งหัวใจของเจ้า

คนที่อยากได้รับพระพรจากพระเจ้า แต่ไม่จงรักภักดีหรือไม่กตัญญูรู้คุณเขาย่อมไม่ได้รับพระพรในสิ่งที่อยากจะได้รับนั้น ผมไม่ได้พูดเองนะครับ แต่ผมเรียนรู้อย่างหนึ่งนั่นก็คือว่า กฎในการหว่านของพระเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์เสมอ ดังนั้นทุกคนต้องได้รับผลตามการกระทำของตน

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 3 เราพบคำว่า “ดังนั้นเจ้าจงหาความพอใจและชื่อเสียงดีในสายพระเนตรพระเจ้าและในสายตามนุษย์”

สิ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือว่า พระคำของพระเจ้าไม่ได้สอนเราเพียงเพื่อให้เรานั้นมีใจภักดีหรือมีใจกตัญญูต่อพระเจ้าเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น แต่พระคำของพระเจ้านั้นยังได้สอนเราว่าให้เรานั้นมีความภักดีมีความกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณด้วย

1ทธ.5:8 ถ้าแม้ผู้ใดไม่เลี้ยงดูวงศ์ญาติของตนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในบ้านเรือนของตนผู้นั้นก็ได้ปฏิเสธพระศาสนาเสียแล้วและชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่ได้เชื่อเสียอีก

พระคำของพระเจ้าพูดอย่างชัดเจนนะครับว่า พี่น้องจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงดีในสายพระเนตรพระเจ้าและในสายตาของมนุษย์ไม่ได้เลย

(1) ถ้าพ่อแม่ไม่เลี้ยงดูลูกในยามที่เขายังไม่บรรลุนิติภาวะ (2) ถ้าลูกไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ยามที่พ่อแม่นั้นอ่อนกำลัง

(3) ถ้าเราไม่ได้เลี้ยงดูวงศ์วานญาติเครือของตน

อฟซ.6:1-3 “ฝ่ายบุตรจงนบนอบเชื่อฟังบิดามารดาของตนในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะกระทำอย่างนั้นเป็นการถูกจงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า นี่เป็นพระบัญญัติข้อแรกที่มีพระสัญญาไว้ด้วยเพื่อเจ้าจะไปดีมาดีและมีอายุยืนนานที่แผ่นดินโลก”

พี่น้องที่รักครับ เหรียญนั้นมี 2 ด้านฉันใด ความภักดีก็มี 2 ด้านฉันนั้น ด้านหนึ่งคือคนที่มีความภักดี อีกด้านหนึ่งคือ คนที่ไม่มีความภักดี

คนที่มีความภักดีนั้น ไม่ว่าเขาจะภักดีกับพระเจ้าหรือกับมนุษย์ก็ตาม ความภักดีนั้นจะส่งผลให้คนๆนั้น (1)ได้รับพระพรจากพระเจ้า (2) มีอายุยืนนาน (3) ไปดีมาดีบนแผ่นดินโลก

ส่วนคนที่ไม่มีความภักดีนั้น ไม่ว่าเขาจะไม่ภักดีกับใครก็ตาม ความไม่ภักดีนั้นจะส่งผลให้คนๆนั้น (1) ไม่ได้รับพระพรจากพระเจ้า (2) มีอายุที่สั้น (3) ไปไม่ดีมาไม่ดีบนแผ่นดินโลก (4) ชีวิตเต็มไปด้วยการร้าย ซึ่งนี่คือกฎฝ่ายจิตวิญญาณที่พระเจ้าได้ทรงวางเอาไว้และมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเชื่อในพระเจ้าหรือไม่ก็ตามจะต้องอยู่ภายใต้กฎนี้

ให้ที่ประชุมอ่าน 2 ซมอ.1:1-16 เป็นเรื่องราวการมรณกรรมของกษัตริย์ซาอูล ซึ่งพระคำของพระเจ้าในตอนนี้ทำให้เราทราบว่า กษัตริย์ดาวิดได้สั่งฆ่าคนที่ฆ่าซาอูล และดาวิดได้ประกาศการไว้ทุกข์ให้กับซาอูลและกับโยนาธานด้วย

ซึ่งแท้ที่จริงแล้วกษัตริย์ซาอูลนั้นคิดที่จะปองร้ายดาวิดตั้งหลายครั้งหลายหน แต่ความจงรักภักดีที่ดาวิดมีต่อพระเจ้านั้นไม่ได้ลดลงเลย กล่าวคือ ดาวิดไม่ทรยศต่อพระเจ้า เพราะดาวิดรู้ว่าพระเจ้านั้นทรงโปรดเจิมตั้งซาอูลเอาไว้ให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล

ซึ่งไม่เพียงแต่ดาวิดนั้นจะไม่แตะคนที่พระเจ้าทรงโปรดเจิมและตั้งเอาไว้เท่านั้น แต่เขายังมีใจที่ภักดีกับกษัตริย์ซาอูลอย่างมากด้วย ถ้าไม่เช่นนั้นดาวิดคงไม่ประกาศการไว้ทุกข์ให้กับกษัตริย์อูล ด้วยเหตุนี้เองทำให้ต่อมาเมื่อดาวิดได้ขึ้นเป็นกษัตริย์พระเจ้าจึงอวยพรดาวิดให้มีราชอาณาจักรที่ใหญ่โตและเจริญรุ่งเรืองมา

ซึ่งตรงกันข้ามกับเรื่องราวของอับซาโลม บุตรชาย ของดาวิด ที่คิดไม่ดีกับพ่อ หมายที่จะปองร้ายถึงขนาดเอาชีวิตพ่อของตัวเอง ผลสุดท้ายผลเป็นอย่างไรให้ที่ประชุมเปิดใน 2 ซมอ.18:9

“เผอิญอับซาโลมไปพบข้าราชการของดาวิดเข้า อับซาโลมทรงล่ออยู่และล่อนั้นได้วิ่งเข้า ไปใต้กิ่งต้นก่อหลวงใหญ่ ศีรษะของท่านก็ติดกิ่งต้นก่อแน่น เมื่อล่อนั้นวิ่งเลยไปแล้วท่านก็แขวนอยู่ระหว่างฟ้าและดิน” ผลสุดท้ายคืออับซาโลมตายโดยมีศพของเขาแขวนอยู่ระหว่างฟ้ากับดิน

คำถามก็คือว่า เรื่องของอับซาโลมทำให้เราได้เรียนอะไรบ้างครับพี่น้อง ? เรื่องของอับซาโลมทำให้เราได้เรียนรู้ว่า (1) คนที่ไม่ภักดีย่อมไม่มีวันได้ดี (2) คนที่ไม่ภักดีอาจจะไม่มีที่ให้ยืน (3) ทุกครั้งที่เราคิดทรยศต่อพระเจ้าหรือต่อผู้มีพระคุณ เรากำลังนำตัวเองเข้าไปสู่ความเจ็บปวดหรือหายนะ (4) พระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งการให้โอกาสก็จริง แต่ถ้าพี่น้องไม่คิดที่จะกลับใหม่ พี่น้องก็จะต้องรับโทษตามการกระทำของตน

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 4 เราพบคำว่า “จงผูกมันไว้ที่คอของเจ้า จงเขียนมันไว้ที่แผ่นจารึกแห่งหัวใจของเจ้าดังนั้น เจ้าจงหาความพอใจ และชื่อเสียงดี ในสายพระเนตรพระเจ้า และในสายตามนุษย์”

พี่น้องที่รักครับ ความภักดีหรือความกตัญญูนั้นต้องมีการแสดงออกถึงจะเรียกว่าภักดีจริง จะบอกว่ารักพระเจ้า ยำเกรงในพระเจ้า ภักดีในพระเจ้าโดยไม่มีการแสดงออกนั้นคงไม่ได้ ซึ่งในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้มีการบันทึกเอาไว้ว่ามีบุคคลมากมายหลายคนที่เขานั้นได้ยืนหยัดในความภักดีต่อพระเจ้า เช่น

ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ อสย.6:8 และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "เราจะใช้ผู้ใดไป และผู้ใดจะไปแทนเรา" แล้วข้าพเจ้าทูลว่า "ข้าพระองค์นี่พระเจ้าข้า ขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด"

นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งในความภักดีของใครครับ ? ของอิสยาห์ที่มีในพระเจ้า เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "เราจะใช้ผู้ใดไป และผู้ใดจะไปแทนเรา" อิสยาห์ทูลกับพระเจ้าว่า "ข้าพระองค์นี่พระเจ้าข้า ขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด" อิสยาห์นำเสนอตัวของท่านเองที่จะทำงานแทนพระเจ้า พวกเรานำเสนอตัวเองอย่างนี้หรือไม่ ?

ผมเห็นงานของชาวโลกมากมายหลายอย่างที่ผู้เชื่อบางคนนำเสนอตัวของเขาเองอย่างดี คิดหาหนทาง มันต้องอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอเป็นงานของพระเจ้าเขากับเงียบกริบ พี่น้องเป็นอย่างนี้หรือไม่ ? ดังนั้นพี่น้องอย่ายอมให้อะไร สิ่งใด ใครหรือเหตุการณ์ใด เป็นเหตุทำให้เราหยุดที่จะรับใช้พระเจ้า

ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ ดนล.3:15-24

ดาเนียลกับเพื่อน คือ ชัดรัด เมชาคและอาเบดเนโก ซึ่งทั้ง 4 คนนี้ยืนหยัดในการที่จะไม่กราบไหว้รูปเคารพซึ่งเป็นกฎหมายของประเทศนี้ในขณะนั้น ด้วยเหตุนี้เองทำให้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์โกรธมาก สั่งให้ทหารโยนดาเนียลกับเพื่อนลงไปในเตาที่ไฟลุกอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก แต่ทั้ง 4 คนนี้ก็ยินดีที่จะถูกโยนลงไปในเตาที่ไฟกำลังลุกอยู่

สิ่งที่เกิดขึ้นแห่งการภักดีนี้คืออะไรครับ? พระเจ้าทำการอัศจรรย์ในการที่จะสงวนชีวิตของเขาทั้ง 4 คนเอาไว้

ปัจจุบัน แม้ว่าจะไม่มีบทลงโทษแบบนี้อยู่ในยุคนี้ สมัยนี้แล้วก็ตาม แต่ความภักดีที่เรามีในพระเจ้านั้นจะต้องไม่ให้น้อยไปกว่าดาเนียลกับเพื่อน

ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ กจ.20:22-24

อ.เปาโล รู้ทั้งรู้ว่าในที่ๆท่านจะไปนั้น ท่านต้องพบกับความทุกข์ยากลำบากและอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่ท่านก็ยืนหยัดยืนยันในการภักดีต่อพระเจ้าเพื่อทำให้คำสั่งของพระเจ้านั้นสำเร็จ

Eric Reader

ดังนั้นเราเองควรที่จะเป็นคนหนึ่งที่ยืนหยัดในความภักดีต่อพระเจ้าเพราะความภักดี ความกตัญญูรู้คุณนั้นมีคุณค่าสำหรับผู้ที่กระทำเสมอ

Green City