คำเทศนาเรื่อง คริสตจักรแห่งการประกาศข่าวประเสริฐ
ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจาก ฟป.1:5-6 “เพราะเหตุที่ท่านทั้งหลายมีส่วนในข่าวประเสริฐด้วยกัน ตั้งแต่วันแรกมาจนกระทั่งบัดนี้ข้าพเจ้าแน่ใจว่าพระองค์ผู้ทรงตั้งต้นการดีไว้ในพวกท่านแล้ว จะทรงกระทำให้สำเร็จจนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์” และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า “คริสตจักรแห่งการประกาศข่าวประเสริฐ” ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน
ผมจำได้ว่าสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคม 2016 ผมได้แบ่งปันกับพี่น้องไปในพระธรรมเล่มนี้ พี่น้องยังจำได้ไหมครับ ? ผมบอกกับพี่น้องไปว่าท่าน อ.เปาโล ได้เขียนพระธรรมเล่มนี้เอาไว้เพียง 4 บทเท่านั้น
และผมยังได้บอกกับพี่น้องต่อไปอีกด้วยว่า พระธรรมเล่มนี้เป็นพระธรรมที่สั้น เพราะท่าน อ.เปาโล เขียนเอาไว้เพียง 4 บทเท่านั้นและเป็นการเขียนอย่างตรงไปตรงมา
และเหตุที่ท่าน อ.เปาโล เขียนเอาไว้เพียง 4 บทก็เพราะพี่น้องในคริสตจักรเมืองฟิลิปปีนั้นประกอบด้วย พี่น้องที่เป็น 1) ปราชญ์ คือ มีความรู้ 2) ข้าราชการ 3) ผู้ที่มีฐานะและบรรดาเจ้านายต่างๆ อีกทั้งคริสตจักรแห่งนี้ ยังเป็นคริสตจักรทีมีความสารถในการถวายหรือให้การสนับสนุนแก่ผู้รับใช้ของพระเจ้าอีกด้วย แต่ในเช้าวันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับคริสตจักรแห่งนี้ในอีกแง่มุมหนึ่งร่วมกัน
จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?
ประการที่ 1 เราพบการวางรากฐานที่สำคัญ
พระคำของพระเจ้าในฟป.1:5 ตรัสว่า “เพราะเหตุที่ท่านทั้งหลายมีส่วนในข่าวประเสริฐด้วยกันตั้งแต่วันแรกมาจนกระทั่งบัดนี้”
ผมขออนุญาตขีดเส้นใต้เอาไว้ตรงนี้ก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะพาพี่น้องกลับมาที่พระคำของพระเจ้าในตอนนี้อีกครั้งหนึ่ง และผมขอให้พี่น้องมาดูพระคำของพระเจ้าในฟป.4:14-16 , ฟป.1:19 ซึ่งผมเคยได้แบ่งปันกับพี่น้องไปแล้ว
ฟป.4:14-16 “ถึงกระนั้นก็เป็นความกรุณาของท่าน ที่ได้ร่วมทุกข์กับข้าพเจ้าและพวกท่านชาวฟีลิปปีก็ทราบอยู่แล้วว่า การประกาศข่าวประเสริฐในเวลาเริ่มแรกนั้น มาตอนเมื่อข้าพเจ้าออกไปจากแคว้นมาซิโดเนีย ไม่มีคริสตจักรใดมีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าในรายรับรายจ่ายเลย นอกจากพวกท่านพวกเดียวเท่านั้นถึงแม้เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่เมืองเธสะโลนิกา พวกท่านก็ได้ฝากของมาช่วยหลายครั้งหลายหน
#คริสตจักรและพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปีมีส่วนร่วมทุกข์กับ อ.เปาโล
#คริสตจักรและพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปีมีส่วนในรายรับรายจ่ายของ อ.เปาโล
ฟป.1:19 “ข้าพเจ้าจะมีความชื่นชมยินดีต่อไปด้วย เพราะข้าพเจ้ารู้ว่า โดยคำอธิษฐานของท่าน และโดยการช่วยเหลือของพระวิญญาณแห่งพระเยซูคริสต์ นี้จะเป็นเหตุให้ข้าพเจ้ารับการช่วยกู้”
#คริสตจักรและพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปีนั้นยังมีส่วนในการอธิษฐานเผื่อท่าน อ.เปาโล อย่างสัตย์ซื่อด้วย
กลับมาที่พระคำของพระเจ้าในฟป.1:5-6 อีกครั้งหนึ่ง พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “เพราะเหตุที่ท่านทั้งหลายมีส่วนในข่าวประเสริฐด้วยกันตั้งแต่วันแรกมาจนกระทั่งบัดนี้”
ซึ่งนั่นหมายความว่า คริสตจักรและพี่น้องชาวเมืองฟิลิปปีนั้น
1)เขาไม่เพียงแต่จะร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับ อ.เปาโล เท่านั้น
2)เขาไม่เพียงแต่จะมีส่วนในรายรับรายจ่ายของ อ.เปาโล เท่านั้น
3)เขาไม่เพียงแต่จะมีส่วนในการอธิษฐานเผื่อท่าน อ.เปาโล อย่างสัตย์ซื่อเท่านั้น
4)แต่เขายังพาตัวของเขาเองนั้นออกไปประกาศ เป็นพยานร่วมกับท่าน อ.เปาโล ตั้งแต่ในวันแรกอีกด้วย นี่จึงเป็นการวางรากฐานที่สำคัญที่สุดของคริสตจักรแห่งนี้
มีบางคนถามผมว่า ฟังอาจารย์เทศนาในตอนนี้แล้ว ดูเหมือนว่า พระเจ้าไม่เพียงแต่จะใช้ทรัพย์สินของเราเท่านั้น แต่พระเจ้าต้องการที่จะใช้ตัวของเราด้วย
คำตอบของผมก็คือว่า ทุกสิ่งในชีวิตของเรา ต้องเป็นประโยชน์สำหรับในงานของพระเจ้าเสมอ
กลับมาที่พระคำของพระเจ้า พี่น้องยังจำได้ไหมครับว่า ในตอนต้น ผมได้บอกกับพี่น้องไปแล้วใช่ไหมครับว่า พี่น้องคริสตจักรเมืองฟิลิปปีนั้นเป็นคริสตจักรทีมีความสารถในการถวาย
สมมติว่า เราจะเปรียบเทียบการถวาย คือ การลงทุน
หลักการของการลงทุน คือ เราจะต้องลงทุนในกิจการที่มั่นคงเพื่อที่เราจะได้มีผลกำไร ถูกต้องไหมครับ ?
คำถามก็คือว่า พี่น้องคจ.ใจสมานสมุทรสงคราม คิดว่าพี่น้องคจ.เมืองฟิลิปปีนั้น เขาเลือกที่จะลงทุนในบริษัทพระเยซูจำกัด พี่น้องคิดว่าบริษัทพระเยซูจำกัดนี้มีความมั่นคงและจะมีผลกำไรตอบแทนให้กับพี่น้องคริสตจักรเมืองฟิลิปปีไหมครับ ?
การลงทุนที่มั่นคงและดีที่สุด คือ การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่นิรันดร และการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่นิรันดรที่ว่านี้ คือ การลงทุนในพระราชกิจของพระเจ้า
การลงทุนที่มั่นคงที่สุดและให้ผลตอบแทนที่นิรันดรที่ว่านี้ คือ การลงทุนในข่าวประเสริฐ เพราะข่าวประเสริฐเป็นการปลดปล่อยฤทธิ์เดชของพระเจ้าช่วยให้คนบาปได้ไปสวรรค์ ดังนั้นคนที่ลงทุนในเรื่องนี้ก็ประเสริฐด้วย
พี่น้องจำสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ให้ดีๆนะครับ สิ่งที่ผมจะพูดก็คือว่าการช่วยคนในฝ่ายกายภาพนั้นดี ตัวอย่างเช่น การสงเคราะห์ช่วยเหลือการแจกทุนการศึกษาและอื่นๆเป็นต้น อันนี้เป็นการช่วยคนในฝ่ายกายภาพ
แต่การช่วยคนที่ดีที่สุดนั้นคือ การช่วยในฝ่ายจิตวิญญาณ
เหตุผลเพราะอะไรครับ ? พระคัมภีร์ได้มีการบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนว่า พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาด้วยผงคลีดิน และระบายลมปราณของพระองค์ลงไป มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต
ดังนั้น...........การช่วยคนที่ดีที่สุด คือ การช่วยในฝ่ายร่างกายหรือจิตวิญญาณครับพี่น้อง ? เหตุเพราะจิตวิญญาณเป็นตัวตนที่แท้จริงของชีวิตมนุษย์
กระแสของจตุคามรามเทพเมื่อหลายปีที่ผ่านมา หรือกระแสของลูกเทพที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้เราทราบว่า ผู้คนในสังคมที่ยังไม่ได้รู้จักกับพระเจ้านั้นเขาแสวงหาในเรื่องฝ่ายจิตวิญญาณ เขาแสวงหาการหลุดพ้น เขาแสวงหาความรอด
ซึ่งองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงทราบในเรื่องนี้เป็นอย่างดี พระองค์จึงวางฉันทะภาระให้กับสาวก 12 คน ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยใช่ไหมครับี่น้องที่รัก ? ที่สาวก 12 คนนี้ จะออกไปประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าไปทั่วโลกได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว ผ่านขบวนการสร้างใน มธ.28:18-20
พอข่าวประเสริฐของพระเจ้าไปถึงพี่น้องคริสตจักรเมืองฟิลิปปีประกอบกับพี่น้องที่นี่มีทั้ง นักปราชญ์ , ข้าราชการ , เป็นผู้ที่มีฐานะดีและอีกทั้งคนพวกนี้เอาข่าวประเสริฐของพระเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนพวกนี้หายใจเข้าหายใจออกเป็นข่าวประเสริฐ ส่งผลให้คริสตจักรเติบโตมีผู้เชื่อเพิ่มขึ้นในทุกๆวัน
ซึ่งทุกวันนี้ มนุษย์ในโลกนี้หลายคนนะครับที่กำลังรอข่าวประเสริฐของพระเจ้าจากผู้เชื่ออยู่ จากคริสตจักรอยู่ เราจะต้องทำหน้าที่ของเราให้ไม่น้อยหน้าไปกว่าพี่น้องคริสตจักรฟิลิปปี เอเมน ไหมครับ
อย่าให้พระเจ้าชื่นชมพี่น้องคริสตจักรฟิลิปปีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ให้พระเจ้าได้ชื่นชมเรา รวมถึงให้พระเจ้าได้ชื่นชมคริสตจักรแห่งนี้ด้วย เอเมน ไหมครับ
จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?
ประการที่ 2 เราพบคำถามที่ต้องคิด
พระคำของพระเจ้าในฟป.1:5 ตรัสว่า “เพราะเหตุที่ท่านทั้งหลายมีส่วนในข่าวประเสริฐด้วยกันตั้งแต่วันแรกมาจนกระทั่งบัดนี้”
พี่น้องอ่านพระคำของพระเจ้าในข้อนี้แล้ว พี่น้องได้ข้อคิดหรือรู้สึกมีคำถามอะไรบ้างไหมครับ ?
พี่น้องคริสตจักรฟิลิปปี เขาไม่ได้ประกาศข่าวประเสริฐแบบ Activities หรือแบบ Christian Event พี่น้องเข้าใจ 2 คำนี้ไหมครับ ?
การที่เรามีมิชชั่นทีมมาเยี่ยมคริสตจักร และคริสตจักรเองก็จัดเวลาให้พี่น้องสมาชิกในคริสตจักร เดินออกแจกใบปลิวร่วมกับมิชชั่นทีม พอมิชชั่นทีมกลับบ้านไปแล้ว เราทำกันต่อไหมครับ ? อย่างนี้เรียกว่ากิจกรรม
การที่เราจัดประกาศผ่าน Valentine Day , อีสเตอร์ , Christmas , จัด Mini Concert ขึ้นมาและอื่นๆที่คล้ายคลึงกับที่ได้กล่าวไปเมื่อสักครู่นี้ นี่คือการจัดประกาศข่าวประเสริฐแบบ Event พอ Valentine Day ผ่านไปแล้วพวกเราประกาศกันต่อไหมครับ ? อย่างนี้เรียกว่าแบบ Christian Event พี่น้องพอมองภาพออกแล้วนะครับ ?
แต่พี่น้องคริสตจักรฟิลิปปีนั้นเขาไม่ได้ประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าแบบ Activities หรือแบบ Christian Event ใดๆทั้งสิ้น
คำถามคือว่า แล้วพี่น้องคริสตจักรฟิลิปปีเขาประกาศข่าวประเสริฐแบบไหน ? เขาไม่ได้จัดแบบไหนทั้งสิ้น แต่เขาประกาศข่าวประเสริฐด้วยความเข้าใจในสิ่งที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงตรัสสั่งไว้ใน มธ.28:18-20 ว่านี้คือ
1)การประกาศพระบรมราชโองการ เป็นพระบรมราชโองการจากสวรรค์ถึงมนุษย์
2)คำสั่งที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าซึ่งมนุษย์ต้องทำได้ความเคารพและด้วยความยำเกรง
พระคำของพระเจ้าใน 1 คร.9:16 “เพราะการที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐนั้น ข้าพเจ้าไม่มีเหตุที่จะอวดได้ เพราะจำเป็นที่ข้าพเจ้าจะต้องประกาศข่าวประเสริฐ ถ้าข้าพเจ้าไม่ประกาศ วิบัติจะเกิดแก่ข้าพเจ้า”
สิ่งที่พี่น้องจะต้องเข้าใจให้ตรงกันนั่นก็คือว่า คำว่า “วิบัติเกิดขึ้นกับข้าพเจ้า” คำนี้ ไม่ได้หมายความว่า ถ้าเราไม่ประกาศแล้วพระเจ้าจะให้วิบัตินั้นเกิดขึ้นกับเรา
แต่คำว่า “วิบัติเกิดขึ้นกับข้าพเจ้า” คำนี้นั้นเป็นความรู้สึกของท่าน อ.เปาโล ที่ อ.เปาโล รู้สึกว่า คนที่ยังไม่ได้รับความรอดในพระเจ้านั้นเขาสามารถที่จะทำอะไรก็ได้
ต.ย.เช่น ตัวของท่าน อ.เปาโล เองในขณะที่ท่านยังไม่ได้รู้จักกับพระเจ้านั้น ท่าน อ.เปาโล ก็เป็นคนหนึ่งที่ข่มเหงและฆ่าคริสเตียนมาก่อน ภายหลังจากที่ท่านได้รู้จักกับพระเจ้าแล้วท่าน อ.เปาโล ยังข่มเหงและฆ่าคริสเตียนอยู่ไหมครับ ?
ด้วยเหตุผลนี้ท่าน เปาโล จึงคิดว่า ถ้าพี่น้องสมาชิกคริสตจักรฟิลิปปีไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับท่านทางเดียวเท่านั้นที่จะไม่ทำให้วิบัตินี้เกิดขึ้นนั่นก็คือ พี่น้องและคริสตจักรเมืองฟิลิปปี จะต้องเคร่งครัดในการประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า ซึ่งมุมมองของท่าน อ.เปาโล ในตอนนี้ผมคิดว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก
ในมุมมองส่วนตัวของผมนะครับ ผมมองว่าถ้าคริสเตียนไทยและคริสตจักรไทยไม่เคร่งครัดในการประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า เรากำลังยืนเห็นคนตกลงไปตายในบึงไฟนรกต่อหน้าต่อตาของเราซึ่งเราจะเย็นชาแบบนั้นไม่ได้
เขาจะรู้เรื่องพระเจ้าได้ก็ต้องมีคนมาประกาศเหมือนกับตัวเราที่จะรู้เรื่องพระเจ้าได้ก็ต้องมีคนประกาศ ดังนั้นพี่น้องก็จะต้องทำในส่วนของพี่น้องอย่างเคร่งครัด คริสตจักรก็จะต้องทำในส่วนของคริสตจักรอย่างเคร่งครัดด้วยเช่นกัน
มธ.16:18-19 “ฝ่ายเราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร {ภาษากรีกว่า เปโตร} และบนศิลา {ภาษากรีกว่า เปตรา} นี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นหามิได้เราจะมอบลูกกุญแจแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน ท่านจะกล่าวห้ามสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ เมื่อท่านจะกล่าวอนุญาตสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นจะกล่าวอนุญาตในสวรรค์ด้วย"
คริสตจักรไม่ใช่สมาคม การรวมตัวกันของธรรมิกชนในวันอาทิตย์ก็ไม่ใช่ชมรมของผู้เชื่อในพระเจ้า แต่...
คริสตจักรคือ กองกองบัญชาการขยายแผ่นดินของพระเจ้า ตัวแทนของพระเจ้า
ผู้เชื่อ คือ ข้าราชการของแผ่นดินสวรรค์
พระบรมราชโองการใน มธ.28:19-20 สั่งว่า “จงออกไป”แต่คริสตจักรและพี่น้องโดยส่วนมากในเวลานี้กับไม่ค่อยที่จะออกไป เพราะการออกไปมันหมายถึง ออกไปแล้วต้อง
1)ทำงาน 2)เสียสละ 3)จ่ายราคา 4)เหงื่อไหลไคลย้อย 5)ต้องแตะต้องคน 6)ต้องถ่อมใจในการผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน
ด้วยเหตุนี้เราจึงทำในทางตรงกันข้ามกับพระบรมราชโองการนั่นก็คือ อธิษฐานขอที่จะมีผู้เชื่อเข้ามาในคริสตจักรซึ่งมันผิดกับหลักการของพระเจ้าไหมครับ ?
หลักการของพระเจ้าคือ คริสตจักรและประชากรของพระองค์ต้องเชื่อฟังและปฎิบัติตามคำสั่งของพระเจ้า เมื่อเราเริ่มพระเจ้าจะร่วม เหมือนดังพี่น้องคริสตจักรเมืองฟิลปปีที่เขาได้มีส่วนในการประกาศข่าวประเสริฐร่วมกับ อ.เปาโล ตั้งแต่วันแรกเมื่อประกาศมาก เป็นพยานมาก พระเจ้าร่วมมือกับคนของพระองค์มากขึ้นด้วยไหมครับ ? คนก็เข้ามาในคริสตจักรฟิลิปปีมากขึ้นด้วย การเจิมของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการประกาศข่าวประเสริฐของพี่น้องในคริสตจักรฟิลีปปีก็มีมากขึ้นด้วย
ฟป.1:14 “และพี่น้องส่วนมากได้เกิดความไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าเนื่องด้วยการจำจองของข้าพเจ้าและพวกเขามีใจกล้าขึ้นที่จะกล่าวพระวจนะของพระเจ้าโดยปราศจากความกลัว”
พระคำของพระเจ้าในตอนนี้ ทำให้เราทราบว่า อ.เปาโล ประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าจนท่าน อ.เปาโล นั้นต้องถูกจองจำ เมื่อพี่น้องคริสตจักรฟิลิปปีไปเยี่ยมและอธิษฐานเผื่อท่าน อ.เปาโล ในคุก
อ.เปาโล ถามพี่น้องคริสตจักรฟิลิปปีที่ได้ไปเยี่ยมและอธิษฐานเผื่อว่า ยังประกาศข่าวประเสริฐอยู่ด้วยหรือเปล่า ในขณะที่ท่านถูกจองจำนั้น พวกเรายิ่งประกาศ ยิ่งเป็นพยานหนักกว่าเดิมเสียอีก บทเรียนนี้เป็นอีกบทเรียนหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?
ประการที่ 3 เราพบความจริง
ความจริงที่ว่านี้คืออะไร ? ความจริงที่ว่านี้คือ ถ้าเราวางชีวิตของเราใกล้สิ่งไหนหรือใกล้สิ่งใดเราก็จะเป็นเหมือนหรือคล้ายสิ่งนั้น
ถ้าพี่น้องวางชีวิตของพี่น้องลงกับวิถีของโลก พี่น้องก็จะคิดแบบโลก พูดแบบโลก ทำแบบโลก ท้ายที่สุดพี่น้องก็จะเป็นของโลกหรือเป็นของมารไปในที่สุด
ถ้าพี่น้องวางชีวิตของพี่น้องลงใกล้ๆกับพระเยซูคริสต์ ชีวิต ความคิด จิตใจ จิตวิญญาณ คำพูด มุมมอง ทัศนคติ ของพี่น้องก็จะเป็นเหมือนพระคริสต์ ยิ่งวางใกล้พระคริสต์มากเท่าไหร่พี่น้องก็จะเป็นเหมือนพระคริสต์มากเท่านั้น
พี่น้องคริสตจักรเมืองฟิลิปปีเขาวางชีวิตของเขาลงใกล้กับใครครับ ? เขาวางชีวิตของเขาลงใกล้กับท่าน อ.เปาโล
กจ.18:5 “พอสิลาสกับทิโมธีมาจากแคว้นมาซิโดเนีย เปาโลก็เริ่มฝักใฝ่ในการประกาศพระวจนะ และเป็นพยานแก่พวกยิวว่า พระคริสต์นั้นคือพระเยซู”
กจ.18:5 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า ท่าน อ.เปาโล นั้นเป็นคนที่ฝักใฝ่ในการประกาศเป็นพยานเรื่องของพระเจ้า หายใจเข้าหายใจออกก็คิดถึงแต่เรื่องที่จะประกาศเป็นพยานไม่เว้นแม้กระทั่งตัวเองจะถูกคุมขังอยู่ในคุก
ดังนั้นพี่น้องจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมพี่น้องคริสตจักรเมืองฟิลปปีนั้น ถึงมีท่าทีอย่างเดียวกันกับ อ.เปาโล นั่นก็คือ ฝักใฝ่ในการที่จะประกาศเป็นพยานเรื่องของพระเจ้า หายใจเข้า หายใจออก ก็คิดถึงแต่เรื่องที่จะประกาศเป็นพยานและสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเขาวางชีวิตเอาใกล้ๆกันนั่นเอง
สิ่งที่ผมอยากให้พี่น้องได้คิดร่วมกันก็คือว่า ท่าทีหรือแรงจูงใจที่ท่าน อ.เปาโล มีต่อการประกาศเป็นพยานด้วยใจกระตือรือร้นนี้ อ.เปาโล ได้รับแรงจูงใจมาจากไหน ? พี่น้องคิดว่ามาจากไหนครับ ?
ท่าทีหรือแรงจูงใจที่ท่าน อ.เปาโล มีต่อการประกาศเป็นพยานด้วยใจที่ฝักใฝ่นั้นได้รับแรงจูงใจมาจากการที่ท่าน เปาโล นั้นได้พบกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าระหว่างการเดินทางไปดามัสกัสนั่นเอง
สิ่งที่เราต้องคิดใคร่ครวญร่วมกันก็คือว่า เราคือผู้ที่ได้พบกับองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเหมือนกับที่ท่าน อ.เปาโล ได้พบกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ? แต่ทำไมเราถึงไม่มีท่าที ในการหายใจเข้า หายใจออก ต่อการประกาศเป็นพยานเหมือนกับที่ท่าน อ.เปาโล หรือเหมือนกับพี่น้องคริสตจักรเมืองฟิลิปปีเป็น อันนี้เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง
ขอพระเจ้าเมตตาที่วิญญาณในการฝักใฝ่ต่อการประกาศข่าวประเสริฐของ อ.เปาโล หรือของพี่น้องคริสตจักรฟิลิปปีนั้นดำรงอยู่ภายในชีวิตของพี่น้องและดำรงอยู่ภายในคริสตจักรของพระองค์ที่นี่ด้วย อาเมน
สุดท้ายที่อยากให้พี่น้องได้ดูด้วยกันเป็นประการที่ 4 คือ พระพรของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ
รม.10:15 “และถ้าไม่มีใครใช้เขาไป เขาจะไปประกาศอย่างไรได้ ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เท้าของคนเหล่านั้นที่นำข่าวดีมา ช่างงามจริงๆ หนอ”
พระคำของพระเจ้าพูดถึงอวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกายของมนุษย์อย่างชัดเจนอย่างหนึ่ง คืออะไรครับ ? เท้า ซึ่งเท้าถือว่าเป็นอวัยวะส่วนที่ต่ำที่สุดของร่างกาย
แต่ถ้าเท้านี้ประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า พระคำของพระเจ้าตรัสต่อไปว่าอย่างไรครับ ? “มันช่างงามจริงหนอ” พี่น้องลองคิดดูนะครับว่า ถ้าเท้ายังงามขนาดนี้ ชีวิตของคนที่ประกาศข่าวประเสริฐจะเป็นเช่นไรครับ ? ก็ประเสริฐด้วย
“เมื่อเราประกาศข่าวประเสริฐ คนที่ประกาศก็ประเสริฐด้วย”
เท้าถึงมันจะต่ำที่สุด แต่พระเจ้าจะให้ชีวิตของคนที่ประกาศข่าวประเสริฐนั้นสูงขึ้น “ถ้าอยากมีชีวิตที่สูงขึ้นต้องประกาศข่าวประเสริฐ”
ดนล.12:2-3และคนเป็นอันมากในพวกที่หลับในผงคลีแห่งแผ่นดินโลกจะตื่นขึ้น บ้างก็จะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์บ้างก็เข้าสู่ความอับอายและความขายหน้านิรันดร์และบรรดาคนที่ฉลาดจะส่องแสงเหมือนแสงฟ้า และบรรดาผู้ที่ได้ให้คนเป็นอันมากมาสู่ความชอบธรรมจะส่องแสงเหมือนอย่างดาวเป็นนิตย์นิรันดร
พระคำของพระเจ้าพูดอย่างชัดเจนนะครับว่า ชีวิตของคนที่นำคนมาถึงความชอบธรรมในพระเจ้านั้น ชีวิตของเขาจะส่องแสงเหมือนอย่างดาวเป็นนิตย์นิรันดร หมายความว่า ชีวิตของเขานั้นจะถูกล่าวถึง
ตย.เช่น สาวกของพระเยซูคริสต์ , Paul , แม่ชีเทเรซ่า , บิลลี่แกรแฮม , T.L.Osbon , William Carry และอีกหลายๆคนเป็นต้น
สรุป พระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้
ประการที่ 1 เราพบการวางรากฐานที่สำคัญ
ประการที่ 2 เราพบคำถามที่ต้องคิด
ประการที่ 3 เราพบความจริง
ประการที่ 4 เราพบพระพรของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ