คำเทศนาเรื่อง ความจริงเกี่ยวกับการอธิษฐาน 2
ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจากพระธรรม 1ยน.5:15 ให้ที่ประชุมเปิดและอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ และนี่คือความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา
และผมจะให้ชื่อคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า ความจริงเกี่ยวกับการอธิษฐาน 2 ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน
พี่ - น้องที่รักครับ เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับการที่พระเจ้าทรงสร้างเราขึ้นมา และพระองค์ทรงปรารถนาที่อยากจะพูดคุยและสามัคคีธรรมร่วมกับเรา อีกทั้งพระองค์ทรงปรารถนาที่จะให้มนุษย์นั้น ได้มีโอกาสที่จะติดต่อและพูดคุยกับพระองค์ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นเราจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไมพระคริสตธรรมคัมภีร์จึงได้มีการบันทึกคำว่า พระเจ้าตรัสว่า ไว้จำนวนหลายครั้ง แต่เมื่อมนุษย์ล้มลงในความบาปพระเจ้าจึงไม่ตรัสกับมนุษย์อย่างตรงไปตรงมาเหมือนกับในยุคแรก เวลานี้พระเจ้าตรัสกับมนุษย์ผ่านทางไหนครับ ? ตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะ ตรัสผ่านผู้ใหญ่ในฝ่ายจิตวิญญาณ ตรัสผ่านผู้นำคริสตจักร ตรัสผ่านทางสถานการณ์ต่างๆแต่ที่มากที่สุดก็คือ ตรัสผ่านทางพระวจนะของพระองค์ แล้วผู้เชื่อละครับ ตรัสกับพระเจ้าผ่านได้ทางใด ? ผ่านการอธิษฐาน
ดังนั้นการอธิษฐานจึงเป็นเพียงช่องทางเดียว ที่พี่ - น้องและจะสื่อสารหรือพูดคุยกับพระเจ้าได้ เมื่อเป็นเพียงช่องทางเดียวที่ผู้เชื่อจะสื่อสารกับพระเจ้าได้ ผู้เชื่อทุกคนจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ในการที่จะอธิษฐานกับพระเจ้าอย่างถูกต้อง
ในเวลานี้มีพี่ - น้องคริสเตียนที่อธิษฐานกับพระเจ้าได้อยู่เป็นจำนวนมาก แต่เรามีพี่ - น้องคริสเตียนที่อธิษฐานกับพระเจ้าเป็นอยู่ไม่มากเท่าไหร่นัก ดังนั้นขอพระเจ้าเมตตาเราทั้งหลาย ที่เราจะมีความรู้และมีความเข้าใจเกี่ยวกับการอธิษฐานกับพระเจ้าในทางที่มากขึ้นเพื่อที่เราจะเป็นคนที่อธิษฐานเป็น มิใช่เป็นเพียงแค่คนอธิษฐานได้เท่านั้น
จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?
เราพบว่าผู้เขียนพระธรรม 1 ยอห์นเล่มนี้คืออัครทูตยอห์น ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสาวกที่พระเยซูทรงรักมากที่สุด อัครฑูตยอห์นนั้นเป็นสาวกเพียงคนเดียวที่สามารถอยู่ใกล้กับพระทรวงของพระเยซู และเป็นคนเดียวที่พระเยซูทรงฝากพระมารดาของพระองค์ไว้กับเขา
แต่ถ้าพี่ - น้องได้ศึกษาพระวจนะของพระเจ้าและพิจารณาดูให้ดีๆพี่ - น้องก็จะพบว่า อัครทูตท่านนี้ ไม่ค่อยที่จะมีคำสอนเกี่ยวกับเรื่องของการอธิษฐานมากเท่าไรนัก ถ้าเทียบกับผู้เขียนหนังสือพระกิตติคุณบางเล่มซึ่งอาจจะมีคำสอนในเรื่องนี้มากกว่า
แต่อย่างไรก็ตามอัครทูตยอห์น ท่านก็ได้เขียนความจริง เกี่ยวกับเรื่องของการอธิษฐานของเขาไว้ในจดหมายฝากของเขาฉบับนี้ ในลักษณะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เอกลักษณ์คำสอนของอัครทูตยอห์นในจดหมายฝากฉบับนี้นั่นก็คือ ท่านสอนเรื่องการอธิษฐานในเชิงปฏิบัติมากกว่าทฤษฏี คำถามคือว่า อัครฑูตยอห์นท่านสอนการอธิษฐานว่าอย่างไร
ประการที่ 1 อยู่ใน 1ยน.3:22 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า และเราขอสิ่งใดๆเราก็ได้สิ่งนั้นจากพระองค์ เพราะเราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์
ประการที่ 1 เราต้องเชื่อฟังพระประสงค์ของพระองค์
อัครทูตยอห์นท่านได้สอนเราเกี่ยวกับเรื่องความจริงของการอธิษฐานเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ถ้าผู้เชื่อทุกคนได้ประพฤติตามพระบัญญัติของพระเจ้า พระบัญญัติของพระเจ้าว่าอย่างไรครับ ? มธ.22:3-39 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า พระเยซูทรงตอบเขาว่า จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้า ด้วยสุดใจสุดจิตของเจ้าและด้วยสุดความคิดของเจ้า นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อใหญ่และข้อต้น ข้อที่สองก็เหมือนกันคือ จงรักเพื่อบ้านเหมือนรักตนเอง อัครทูตยอห์น ได้สอนเกี่ยวกับเรื่องความจริงของการอธิษฐาน เอาไว้อย่างชัดเจนว่า ถ้าผู้เชื่อทุกคนได้ประพฤติตามพระบัญญัติของพระเจ้าเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้าแล้วเราจะขอสิ่งใดๆ เราก็จะได้สิ่งนั้น
พี่ - น้องที่รักครับ ถ้าลูกในฝ่ายโลกหรือลูกในฝ่ายร่างกาย ที่แม่เบ่งจากช่องคลอดออกมาหรือที่พ่อหาเลี้ยงให้ลูกเติบโตขึ้นมา แต่ถ้าลูกไม่เชื่อฟังพ่อ - แม่
ผมอยากถามพ่อ - แม่ว่า ท่านอยากให้อะไรกับลูกที่ไม่ค่อยจะเชื่อฟังมั้ยครับ ? เราไม่ค่อยอยากที่จะให้อะไรกับลูกที่ไม่ค่อยเชื่อฟังจริงหรือไม่จริง
ผมเคยถามพ่อ - แม่บางคนว่าทำไมคุณไม่ช่วยลูก ? เขาตอบว่าอย่างไรทราบมั้ยครับ มันรู้ดีกว่าผมก็ให้มันหาเอง
ดังนั้นการเชื่อฟังจึงเป็นสิ่งที่สำคัญประการหนึ่งในการได้มา
ถ้าผู้เชื่อหรือคริสเตียนทุกคนได้ประพฤติตามพระบัญญัติของพระเจ้าโดยการเชื่อฟังพระเจ้าแล้ว ไม่ว่าพี่ - น้องจะอธิษฐานด้วยการออกเสียงค่อยหรือออกเสียงดังก็ตาม พี่ - น้องก็จะได้รับสิ่งนั้น
ถ้าผู้เชื่อหรือคริสเตียนทุกคนได้ประพฤติตามพระบัญญัติของพระเจ้าโดยการเชื่อฟังพระเจ้าแล้ว ไม่ว่าพี่ - น้องจะอธิษฐานด้วยคำอธิษฐานที่ยาว หรือไม่ว่าพี่ - น้องจะอธิษฐาน ด้วยคำอธิษฐานที่สั้นก็ตามพี่ - น้องก็จะได้รับคำตอบจากพระองค์อย่างแน่นอน
แต่ถ้าเราไม่ได้ประพฤติตามพระบัญญัติของพระเจ้า โดยการเชื่อฟังแล้ว นั่นก็เท่ากับว่า เรากำลังรู้ดีกว่าพระเจ้า ถ้าเรากำลังรู้ดีกว่าพระเจ้าผู้ทรงสร้างเรามา พระเจ้าก็ให้เราหาเอง
ในทางตรงกันข้าม ถ้าพี่ - น้องไม่ได้รักพระเจ้าอย่างสุดจิต สุดใจ สุดกำลัง สุดความคิด ยังไม่ได้ให้พระเจ้า เป็นเอก เป็นหนึ่ง ในชีวิตและในครอบครัวของพี่ - น้องอย่างแท้จริง ต่อให้พี่ - น้องอธิษฐานกับพระเจ้าด้วยเสียงดัง ดังขึ้นและดังขึ้น จนกระทั่งพี่ - น้องหรือผู้เชื่อบางคนอาจจะตะโกนอธิษฐานกับพระเจ้าก็ตาม
หรือบางคนอาจจะอธิษฐานด้วยน้ำหูน้ำตาไหลก็ตาม พระเจ้าจะฟังคำอธิษฐานของท่าน แต่พระเจ้าอาจจะไม่ตอบคำอธิษฐานของท่าน และนี่เป็นความจริงในการอธิษฐานที่อัครทูตยอห์นสอนเราว่า ให้เราเชื่อฟังพระประสงค์ของพระเจ้า
อัครทูตยอห์น ได้สอนเราเกี่ยวกับเรื่องความจริงของการอธิษฐาน เอาไว้อย่างชัดเจน
ประการที่ 2 อยู่ใน 1 ยน. 3:22 และปฏิบัติตามชอบพระทัยพระองค์
ประการที่ 2 คือ เราต้องยอมต่อพระประสงค์ของพระองค์
เชื่อฟังแล้วต้องยำเกรงด้วยมั้ยครับพี่ - น้อง ? ต้องยำเกรงด้วย
ยำเกรงพระเจ้าโดยไม่แสดงออกได้มั้ยครับพี่ - น้อง ?
ยำเกรงพระเจ้าต้องแสดงออกโดยการกระทำ ยำเกรงพระเจ้าต้องยอมสนองตอบต่อพระประสงค์หรือยอมสนองตอบต่อน้ำพระทัยของพระองค์
คำถามคือว่า อะไรคือ น้ำพระทัยของพระเจ้า ?
คำตอบอย่างง่ายๆก็คือ อะไรก็ตามที่มีคำว่าจงนั่นแหละคือน้ำพระทัยของพระเจ้า
ถ้าพี่ - น้องปฏิเสธการทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
เช่น จงรักซึ่งกันและกัน แต่ท่านก็ยังรักตัวเองไว้อย่างเหนียวแน่นนั่นก็คือการที่ท่านไม่ทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
เช่น จงหนุนใจซึ่งกันและกัน ท่านก็ไม่เคยที่จะหนุนน้ำใจใครขึ้นใหม่เลย นั่นก็คือ การที่ท่านไม่ทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
เช่น จงเป็นพยานฝ่ายเรา แต่ท่านไม่เคยประกาศหรือเป็นพยาน ที่จะนำคนไม่เชื่อมาถึงแผ่นดินของพระเจ้าเลย นั่นก็คือ การที่ท่านไม่ทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
เช่น จงสามัคคีธรรมกับพี่ - น้อง ท่านก็ไม่เคยอยู่ร่วมสามัคคีธรรมกับพี่ - น้อง นั่นก็คือ การที่ท่านไม่ทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า
เช่น จงอธิษฐานเผื่อกันและกัน ท่านก็ไม่เคยที่จะอธิษฐานเผื่อใครเลยเป็นการส่วนตัว ยกเว้น เมื่อเขามีปัญหาก็อธิษฐานเผื่อเขาสักครั้งหนึ่งนั่นก็คือ การที่ท่านไม่ทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า
เช่น จงถวายเกียรติด้วยทรัพย์สินของท่าน แต่ท่านก็ไม่เคยที่จะถวายอะไรพิเศษให้แก่พระเจ้าทั้งที่มีโอกาสและไม่มีโอกาสนั่นก็คือ การที่ท่านไม่ทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
ปัญหาอย่างหนึ่งของมนุษย์คืออะไรพี่ - น้องทราบมั้ยครับ ? คือ การทำใจตัวเอง
มนุษย์จึงมักทำตามใจตัวเองเสมอ และมนุษย์พวกนี้พอกลับใจมาเชื่อพระเจ้า แทนที่จะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า เขาก็มักไม่ค่อยทำ แต่สิ่งที่เขาทำนั่นก็คือยังชอบทำตามใจตนเองเหมือนเดิม
ดังนั้นปัญหาของคริสเตียนในเวลานี้คืออะไรทราบมั้ยครับ ? คือ การที่เราไม่ยอมต่อพระประสงค์ของพระเจ้า แต่เรามักจะยอมต่อความต้องการของตนเอง
ที่น่าเศร้าก็คือว่า ผู้เชื่อบางคนหรือคริสเตียนบางคน ได้ใช้ช่องทางการอธิษฐานเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งความปรารถนาของตนเองหรือสิ่งที่ตนเองชอบ
การอธิษฐาน ไม่ใช่เป็นการขอให้พระเจ้าทำให้กับเราหรืออย่างที่เราต้องการ แต่การอธิษฐาน เป็นการช่วยให้เราทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าหรืออย่างที่พระองค์ต้องการ เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่มีคำว่า จง ขอให้เข้าใจเถิดว่านั่นคือน้ำพระทัยของพระเจ้าที่มีมาเหนือชีวิตของเรา
ดังนั้นถ้าพี่ - น้องปฏิเสธการทำตามพระประสงค์หรือปฏิเสธการทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า พี่ - น้องจะอธิษฐานต่อพระเจ้า ด้วยความมั่นใจได้อย่างไร
อัครทูตยอห์น ได้สอนเราเกี่ยวกับเรื่องความจริงของการอธิษฐาน เอาไว้อย่างชัดเจนว่า
ประการที่ 3 อยู่ใน 1 ยน. 1:8 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า ถ้าเราทั้งหลายจะว่าเราไม่มีบาปเราก็ลวงตนเองและสัจจะไม่ได้อยู่ในเราเลย
ประการที่ 3ให้เราสารภาพบาปของเรา
มีบางคนบอกว่า ถ้าจะดูว่ามนุษย์บาปหรือไม่บาปนั้นง่ายนิดเดียว ดูอย่างไร ?
ตอนเราตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ให้เราลองสัญญากับพระเจ้าว่า ต่อไปนี้เราจะไม่ทำอะไรโดยไม่ปรึกษากับพระเจ้าก่อน ไม่ช้าไม่นาน เราก็จะพบว่าไม่ทันที่เราจะออกจากห้องน้ำเลย เราเองนั่นแหละที่ได้วางแผนต่างๆของเราหมดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว โดยที่เราไม่ได้ปรึกษากับพระองค์เลย พระคัมภีร์จึงกล่าวว่า ถ้าเราจะว่าเราไม่มีบาปเลยนั้นเราก็ลวงตนเอง
พี่ - น้องที่รักครับ บาปที่พระคัมภีร์พูดถึงในตอนนี้ มิใช่เป็นกรรมบาปที่เราได้รับผลมาจากการกระทำของอาดัม-เอวา บาปที่เราได้รับจากอาดัม - เอวานั้นเป็นบาปใหญ่ เป็นบาปที่นำไปสู่ความตาย เป็นบาปที่นำไปสู่การพิพากษาในบึงไฟนรก และพระเยซูคริสต์เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่มีสิทธิที่จะชำระกรรมบาปนี้ได้ และพระองค์ทรงรับชำระให้กับผู้เชื่อในพระองค์ทุกคนเรียบร้อยแล้ว
แต่บาปที่พระคัมภีร์พูดถึงในตอนนี้ เป็นบาปที่เราได้กระทำในแต่ละวัน จะทำด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่ส่วนมากตั้งใจหรือไม่ตั้งใจครับพี่ - น้อง ? บาปพวกนี้ทำให้ชีวิตในฝ่ายจิตวิญญาณของเรานั้นมีตำหนิมีมลทินต่อพระเจ้า บาปพวกนี้เป็นบาปที่ กีดขวางหรือขัดขวางการอธิษฐานระหว่างเรากับพระเจ้า บาปพวกนี้ เป็นบาปที่ทำให้คำอธิษฐานของเรานั้น ไม่ไปถึงพระองค์
ดังนั้นถ้าพี่ - น้องยังมีบาปที่เกาะติดตัวของท่านอยู่ พี่ - น้องจะต้องอธิษฐานต่อ พระเจ้าด้วยความมั่นใจได้อย่างไร
เราขอบคุณพระเจ้าที่เราเป็นแค่สิ่งที่มีชีวิตตัวเล็กๆ และไม่สำคัญอะไรเลยในจักรวาลที่กว้างใหญ่นี้ แต่พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ทรงโน้มพระทัยของพระองค์ลงมา เพื่อฟังคำอธิษฐานของเรา พระองค์ทรงเปิดหนทางนี้ให้กับเรา ไม่ว่าเราจะเคยผิดพลาดมามากน้อยแค่ไหนก็ตาม เราก็ได้รับการเชื้อเชิญจากพระองค์ให้เข้ามาอธิษฐาน
ดังนั้นอัครทูตยอห์น จึงขอให้เรานั้นทำไมครับ ? สารภาพบาปของเราเอง โดยเฉพาะบาปเล็ก บาปน้อยที่เราทำในแต่ละวัน เช่น การบ่น การมีใจอิจฉาริษยาผู้อื่น เป็นต้น
1ยน.1:9 ถ้าเราสารภาพบาปของเราพระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น
สภษ. 28:13 บุคคลที่ซ่อนการละเมิดของตนจะไม่จำเริญ แต่บุคคลที่สารภาพและทิ้งความชั่วเสียจะได้ความกรุณา
แต่ถ้าไม่ใช่ บาปเล็ก บาปน้อย แต่ถ้ามันเป็นบาปที่ใหญ่ล่ะ
พี่ - น้องต้องออกแรง เพื่อที่จะจัดการกับบาปที่ใหญ่นั้น โดยที่พี่ - น้องตั้งใจจะไม่ทำอีก
พี่ - น้องต้องออกแรง โดยที่พี่ - น้องรู้สึกผิดและไม่ต้องการที่จะปกปิดบาปนี้เอาไว้ และต้องการที่จะเริ่มต้นใหม่กับพระเจ้าแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ท่านเข้ามาปรึกษากับผู้นำ ผมเชื่อว่าผู้นำในคริสตจักร ผมเชื่อว่าหลายคนพร้อมที่จะช่วยท่านและนี่เป็นท่าทีของคริสเตียนที่บังเกิดใหม่ ( ขอให้เข้าใจด้วยว่า การที่ท่านต้องการที่จะเริ่มต้นใหม่กับพระเจ้า เพราะรู้สึกผิดกับการ ที่ท่านต้องการที่ท่านจะเริ่มต้นใหม่กับพระเจ้า เพราะความบาปของท่านนั้นถูกเปิดเผยท่าทีมันคนละอย่างกัน )
ในทางตรงกันข้ามถ้าเป็นบาปใหญ่และท่านก็พยายามที่จะหลบลี้หนีเลี่ยง หรือพยายามที่จะปกปิดซ่อนเร้น และท่านไม่มีพยายามเลยที่จะจัดการกับความบาปนั้น หรือมีเหตุผลของตัวเองร้อยแปดพันประการที่จะอ้างถึงความจำเป็นของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ถามว่าแล้วท่านจะเข้ามาอธิษฐานต่อพระเจ้าด้วยความมั่นใจได้อย่างไร ในเมื่อท่านยังไม่ได้บังเกิดใหม่และในเมื่อความผิดมันกล่าวโทษอยู่ที่ใจของท่านตลอดเวลา
พระคำของพระเจ้าใน 1 ยน.3:21 ตรัสดังนี้ว่า ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าใจของเราไม่ได้กล่าวโทษเรา เราก็มีความมั่นใจที่จะเข้าเฝ้าพระเจ้า
พระคำของพระเจ้าพูดอย่างชัดเจนว่าถ้า ใจ ของเราไม่ได้ฟ้องผิดหรือกล่าวโทษต่อการกระทำที่ปกปิดซ่อนเร้นของเรา ให้เรานั้นได้มีความมั่นใจในการที่จะเข้าเฝ้าหรืออธิษฐานต่อพระเจ้า
คำถามคือว่า อะไรคือบาปใหญ่ อะไรคือบาปที่ปกปิดซ่อนเร้น ?
พระคำของพระเจ้าใน 1คร.6:9-10 ตรัสดังนี้ว่า ท่านไม่รู้หรือว่า คนอธรรมจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า อย่าหลงเลย คนล่วงประเวณี คนถือรูปเคารพ คนผิดผัวเมียเขา โสเภณีชาย ชายรักร่วมเพศ คนขโมย คนโลภ คนขี้เมา คนปากร้าย คนฉ้อโกง จะไม่ได้รับส่วนในแผ่นดินชองพระเจ้า
พระคำของพระเจ้าในวว.21:8 ตรัสดังนี้ว่า แต่คนขลาด คนไม่เชื่อ คนที่น่าเกลียดน่าชัง คนที่ฆ่ามนุษย์ คนล่วงประเวณี คนใช้เวทย์มนตร์ คนไหว้รูปเคารพ และคนทั้งปวงที่พูดมุสานั้น มรดกของเขาอยู่ที่ในบึงไฟและกำมะถันที่กำลังไหม้อยู่นั้น นั่นคือความตายครั้งที่สอง
ผู้เชื่อแบบนี้นอกจากจะอธิษฐานกับพระเจ้าอย่างไม่มั่นใจแล้วพระคำของพระเจ้า บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า ท่านจะมีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้านั้นไม่ได้เลย และนี่คือความจริงที่อัครทูตยอห์นได้สอนเราเกี่ยวกับการอธิษฐาน
อัครทูตยอห์นได้สอนเรา เกี่ยวกับเรื่องความจริงของการอธิษฐาน เอาไว้อย่างชัดเจน
ประการที่ 4 อยู่ใน 1ยน.5:14 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า และนี่คือ ความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือ ถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา
ประการที่ 4 นั่นคือ ความมั่นใจ
พี่ - น้องที่รักครับ มีผู้เชื่อหรือคริสเตียนบางคนและก็หลายๆคนที่มีความเข้าใจว่า ผู้เชื่อหรือคริสเตียนบางคนที่อธิษฐานด้วยเสียงดังนั้น เขากำลังอธิษฐานด้วยความมั่นใจในคำตอบที่จะได้รับจากพระเจ้า พี่ - น้องคิดว่าความเข้าใจอย่างนั้นถูกต้องมั้ยครับ ?
ในขณะเดียวกันก็มีผู้เชื่อหรือคริสเตียนบางคนและก็หลายๆคน ที่มีความเข้าใจว่า คริสเตียนบางคนที่อธิษฐานยาวๆนั้นเขากำลังอธิษฐานด้วยความมั่นใจ พี่ - น้องคิดว่าความเข้าใจอย่างนั้นถูกต้องมั้ยครับ ?
จะอธิษฐานสั้นหรือจะอธิษฐานยาวนั้น ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์หรือสถานการณ์และขึ้นอยู่กับการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในที่ประชุม
1)ถ้าอธิษฐานโต้รุ่งจะอธิษฐานแบบกินข้าวได้มั้ยครับ
2)ถ้าในตอนจะกินข้าว พี่ - น้องจะอธิษฐานเหมือนกับนางฮันนาห์ที่อธิษฐานในพระวิหารได้มั้ยครับ
ในขณะเดียวกันก็มีผู้เชื่อบางคนและก็หลายๆคนที่พยายามจะอธิษฐานกับพระเจ้าด้วยภาษาที่สละสลวย มีบางคนถึงกับอธิษฐานกับพระเจ้าด้วยการใช้คำราชาศัพท์ก็มี
พี่น้ - องที่รักครับ การใช้ภาษาที่สละสลวยและคำราชาศัพท์ในการอธิษฐานนั้นไม่ผิด แต่โดยแท้จริงแล้วพระเจ้าต้องการให้เราเข้าเฝ้าพระองค์ ในแบบของเราหรือใช้คำพูดของเรา
อ. ภูมิ ซึ่งทำพันธกิจกับเด็กวัยรุ่นที่ชอบแนวเพลงแบบฮิพฮอพ แถวสยามสแควร์ ได้แบ่งปันให้กับผู้รับใช้พระเจ้าในคณะได้ฟังว่า น้องๆพวกนี้เขาจะอธิษฐานในลักษณะอย่างนี้ว่า พระเจ้าลูกขอ ลูกขอ พระเจ้า ขออะไรก็ไม่รู้ แต่เขาได้รับคำตอบจากพระเจ้า
ดังนั้นการอธิษฐานด้วยความมั่นใจในคำตอบ ที่จะได้รับจากพระเจ้านั้นไม่ได้อยู่ที่ผู้เชื่อคนนั้นอธิษฐานค่อยหรืออธิษฐานด้วยเสียงดัง แต่การอธิษฐานด้วยการออกเสียงนั้นเป็นพระพรน๊ะครับ และถ้าพี่ - น้องยังจำคำเทศนาของผมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้บอกไปแล้วว่าเป็นพระพรอย่างไร
ดังนั้นการอธิษฐานด้วยความมั่นใจในคำตอบ ที่จะได้รับจากพระเจ้านั้นไม่ได้อยู่ที่ผู้เชื่อคนนั้นอธิษฐานสั้นหรืออธิษฐานยาวน๊ะครับขอบคุณพระเจ้าที่ผมเคยฟังคำพยานชีวิตของ นพ.ศิริชัย ชยศิริโสภณ แพทย์ทางระบบประสาท ท่านพำนักอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เป็นคริสเตียนที่รักพระเจ้ามากท่านเล่าให้ฟังว่า
ในขณะที่ท่านไปพักผ่อนที่ประเทศแคนาดา และภายหลังจากที่ท่านเสร็จภารกิจก็ขับรถกลับบ้านตอนตี 2 ซึ่งเป็นทางที่เปลี่ยว ไม่มีรถราผ่านไปมาและถนนก็เต็มไปด้วยหิมะ รถของท่านก็เกิดอุบัติเหตุ ลื่นไถลลงข้างทาง และตกลงไปในที่ลึก ท่านนำรถกลับขึ้นไม่ได้
ท่านมีความรู้สึกว่าถ้าตัวท่านถูกทิ้งไว้ในลักษณะนั้น ท่านจะต้องหนาวตายภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงอย่างแน่นอน ท่านคลานขึ้นมาจากเหวข้างทางและขึ้นมารอบนถนนดูว่าจะมีรถคันไหนผ่านมาบ้าง แต่ก็ไม่ปรากฏและในความมืดนั้นเองท่านอธิษฐานกับพระเจ้าว่า พระเจ้าช่วยส่งรถมาด้วย ไม่นานไฟดวงโตคู่ใหญ่ก็ปรากฏกลางถนน รถบรรทุกไม่รู้มาจากไหน มาจอดต่อหน้าต่อตาของท่าน และรับท่านกลับเข้าเมืองและเหตุการณ์ในวันนั้นคือ จุดเปลี่ยนชีวิตของท่านให้ท่านกลับมารับใช้พระเจ้าอย่างจริงจังมากขึ้น
แต่การอธิษฐานด้วยความมั่นใจในคำตอบ ที่พี่ - น้องจะได้รับจากพระเจ้านั้น อยู่ตั้งแต่ประการที่ 1 - 3 ที่ได้กล่าวมา คือ ถ้าพี่ - น้องได้ประพฤติและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า ให้พี่ - น้องได้เข้าเฝ้าพระเจ้าอย่างมั่นใจว่า พี่ - น้องทูลขอสิ่งใดแล้วพี่ - น้องจะได้สิ่งนั้นจากพระเจ้าอย่างแน่นอน
ถ้าพี่ - น้องยอมตอบสนองต่อพระประสงค์หรือยอมตอบสนองต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า ให้พี่ - น้องได้เข้าเฝ้าพระเจ้าอย่างมั่นใจว่า พี่ - น้องทูลขอสิ่งใดแล้ว พี่ - น้องจะได้สิ่งนั้นจากพระเจ้าอย่างแน่นอน
ถ้าพี่ - น้องสารภาพบาปเล็ก บาปน้อยในแต่ละวัน และจัดการกับบาปใหญ่อย่างเบ็ดเสร็จและเด็ดขาด ไม่หลบลี้หนีเลี่ยงหรือแอบปกปิดซ่อนเร้น ให้พี่ - น้องได้เข้าเฝ้าพระเจ้าอย่างมั่นใจว่า พี่ - น้องทูลขอสิ่งใดแล้ว พี่ - น้องจะได้รับสิ่งนั้นจากพระเจ้าอย่างแน่นอน
พี่ - น้องที่รักครับ ของทุกอย่างในโลกนี้หลายๆ อย่าง กว่าจะได้มาต้องทำตามเงื่อนไขผู้เชื่อหลายคนอธิษฐานโดยอ้างสิทธิในการเป็นบุตรของพระเจ้าโดยไม่พิจารณาเงื่อนไข และนี่คือเงื่อนไขหลักของพระองค์ ถ้าเราทำตามเงื่อนไขหลักของพระเจ้าทั้ง 3 ข้อนี้ซึ่งสามารถคุมเงื่อนไขอื่นๆได้หมด ให้พี่ - น้องก้าวออกมาอธิษฐานกับพระเจ้า ด้วยความมั่นใจได้เลยว่า สิ่งที่พี่ - น้องร้องทูลต่อพระเจ้านั้น พี่ - น้องจะได้รับคำตอบจากพระองค์อย่างแน่นอนเพราะพระองค์ก็จะทรงทำตามเงื่อนไขหรือสัญญาของพระองค์อย่างแน่นอน
ถ้าพี่ - น้องได้อ่านพระคำของพระเจ้าตั้งแต่ปฐมกาลเป็นต้นมา พี่ - น้องก็จะพบว่า พระเจ้าของเราองค์นี้เป็นพระเจ้าแห่งการตั้งต้นกระทำพันธสัญญา และรักษาพันธสัญญาและพระองค์จะทรงกระทำพันธสัญญาของพระองค์ให้สำเร็จในทุกประการ และพระองค์ทรงรักษาพันธสัญญา และกระทำพันธสัญญาของพระองค์ ให้สำเร็จมาแล้วเป็นพันๆปี พระองค์จะไม่ยอมเสียเครดิตที่พระองค์ทรงรักษามาโดยตลอดระยะเวลา 5,600 กว่าปีที่ผ่านมาเพราะเราหรือในรุ่นของเราหรือในสมัยของเราอย่างแน่นอน
ผู้เชื่อหรือคริสเตียนโดยส่วนมาก ต่างมีความมั่นใจในความรอดจากบาปโดยมีความมั่นใจว่า ภายหลังจากความตายแล้วชีวิตของเขาจะไม่ถูกพิพากษาในบึงไฟนรก ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่ถูกต้อง แต่นั่นดูเหมือนว่านั่นเป็นความมั่นใจในอนาคต
แต่อัครทูตยอห์นสอนเราว่า คริสเตียนไม่ใช่มีแต่ความมั่นใจในอนาคตภายหลังความตายเท่านั้น แต่ความมั่นใจของคริสเตียนเกิดขึ้น ในขณะที่คุณยังมีชีวิตและยังมีลมหายใจอยู่ในโลกนี้ผ่านทางการอธิษฐาน ถ้าผู้เชื่อหรือคริสเตียนทุกคนมีการดำเนินอยู่ในการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า ประพฤติตามพระประสงค์หรือน้ำพระทัยของพระองค์ และถ้าผู้เชื่อดำเนินชีวิตในแต่ละวัน อย่างไม่มีตำหนิ ไม่มีมลทิน ไม่ปกปิดบาปที่ซ่อนเร้นอยู่ ให้พี่ - น้อง ได้เข้ามาหาพระเจ้าด้วยความมั่นใจว่า เมื่อท่านทูลขอสิ่งใดจากพระเจ้าแล้ว พี่ - น้องจะได้รับคำตอบหรือได้รับสิ่งนั้นจากพระเจ้าอย่างแน่นอน
และนี่คือความหมายของคำว่า มั่นใจ ในความหมายเชิงปฏิบัติของอัครฑูตยอห์น
เมื่อพี่ - น้องได้รับคำตอบหรือได้รับสิ่งนั้นจากพระเจ้า และเมื่อคราวที่พี่ - น้องมีปัญหา พี่ - น้องจะเข้ามาอธิษฐานต่อพระเจ้าอีกมั้ยครับ ? เพราะเราได้ในสิ่งที่เราทูลขอ - ได้คำตอบ
น่าเสียดายตรงที่ผู้เชื่อหลายๆคนอธิษฐานกับพระเจ้า แต่เมื่อเขายังไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้า หลายคนแทนที่จะกลับมาตรวจสอบชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณระหว่างตนเองกับพระเจ้า แต่หลายคนกับเลิกที่จะอธิษฐานกับพระเจ้าหันไปพึ่งตัวเองหรือพึ่งในความสามารถของตัวเองและหลายคนก็หันไปพึ่งคนอื่นก็มีให้เห็นอยู่อย่างมากมาย
ให้พี่ - น้องหันไปบอกกับคนข้างซ้าย ข้างขวาว่า แต่มันต้องไม่ใช่เรา ( อาเมน )
พี่ - น้องที่รักครับ คริสเตียนที่พึ่งตนเองนั้น ไม่อาจจะเรียกว่าเป็นคริสเตียนได้ เพราะการเป็นคริสเตียนคือ การดำรงชีวิตโดยพึ่งพระเจ้าและเราแสดงออกถึงการพึ่งพระเจ้าโดยการอธิษฐานและนี่ความจริงเกี่ยวกับการอธิษฐานที่อัครทูตยอห์นได้สอนเรา
สรุปพระวจนะของพระเจ้าในเช้าวันนี้
1. เชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า
2. ยอมตามพระประสงค์ของพระองค์
3. สารภาพบาปของเรา
4. มั่นใจในการอธิษฐาน