คนตาบอด

คำเทศนาเรื่อง คนตาบอด

ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจาก ลก. 18 : 35-43 ให้ที่ประชุมเปิดและอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า “คนตาบอด”

พี่ - น้องเห็นด้วยมั้ยครับกับคำว่า เลือกเกิดไม่ได้ผมเห็นด้วยว่าคำนี้เป็นคำจริงเพราะในชีวิตจริง เราทุกคนก็ล้วนแต่เป็นคนที่เลือกเกิดไม่ได้ด้วยกันทั้งสิ้น

            ดังนั้นในชีวิตจริงเราจึงได้พบและได้เห็น 1. คนที่เกิดมา สวยหน้าตาดี แต่ฐานะยากจน      2. คนที่เกิดมา ไม่หล่อแต่ร่ำรวย 3. คนที่เกิดมา มีฐานะดีแต่ครอบครัวแตกสลาย4. คนที่เกิดมา แต่มีร่างกายพิการ

พี่ - น้องที่รักครับ แม้ชีวิตจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะมีพระเยซู ในชีวิตของเราได้ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด   สำคัญกว่าที่เราเกิดมาเป็นลูกใครสำคัญกว่าที่เราเกิดมาจะมีฐานะหรือไม่มีฐานะ      สำคัญกว่าที่เราจะมียศตำแหน่งหรือไม่มียศตำแหน่งอะไร อาเมน

จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร

ประการที่ 1 เราพบคนตาบอดเลือกที่จะฟัง

พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 35 เราพบว่าเมื่อพระองค์กับเหล่าสาวกเสด็จมาใกล้เมืองเยริโค มีคนตาบอดคนหนึ่งนั่งขอทานอยู่ริมถนน ซึ่งนั่นหมายความว่าอะไรครับ ?

ซึ่งนั่นหมายความว่า ในฝ่ายร่างกายคนตาบอดคนนี้อยู่ในโลกแห่งความมืด เพราะเขาตาบอดเขาจึงไปไหนไม่ได้ เขาจึงต้องนั่งขอทานอยู่ริมถนน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่อยู่ในโลกของความมืดจะขาดการรับรู้นะครับพี่น้อง

พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 36พระคำของพระเจ้าตรัสว่า ได้ยินเสียง

ซึ่งนั่นหมายความว่า คนที่เดินผ่านมาที่ถนนนี้พูดอะไร คุยอะไร ชายตาบอดคนนี้ได้ยิน

พระคำของพระเจ้าในพระธรรม มธ.11:15 ตรัสว่า “ใครมีหูจงฟังเถิด” ดังนั้นชายตาบอดคนนี้ เขาไม่เพียงแต่ได้ยิน ได้ฟังเท่านั้น แต่เขายังสอดตารู้อีกด้วยซึ่งนั่นหมายความว่าเขามีความสนใจในเรื่องนั้นๆด้วย

ดังนั้นเราจึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมชายตาบอดคนนี้ เขารู้จักเยซูบุตรดาวิดได้อย่างไร เขารู้จักพระเยซูผ่านการได้ยินได้ฟัง เขาจึงรู้ว่าพระเยซูคือใคร

            คำถามก็คือว่า แล้วทำไมคนที่ตามองเห็น หูได้ยินอย่างชัดเจน แต่ทำไมไม่รู้จัก หรือไม่เชื่อพระเยซู

            คำตอบ อยู่ใน มธ.13:15พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “เพราะว่าชนชาตินี้มีใจเฉื่อยชา หูก็ตึง และตาของเขาก็ปิด”

ดังนั้นพี่น้องจึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเมื่อเราไปประกาศ เป็นพยาน คนส่วนมากไม่อยากฟังเรา เพราะอะไรครับ? เพราะชนชาตินี้มีใจเฉื่อยชาหูก็ตึงและตาของเขาก็ปิด

ดังนั้นพี่น้อง จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเมื่อเราไปประกาศ เป็นพยาน บางคน บางที่ บางแห่ง ฟังก็ฟังแบบหาเรื่อง หาว่าพระเยซูเป็นพระของฝรั่ง เพราะชนชาตินี้มีใจเฉื่อยชาหูก็ตึงและตาของเขาก็ปิด

จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร

ประการที่ 2 เขายกชูปัญหาแด่พระเจ้า

พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 36เราจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า เมื่อเขาได้ยินเสียงประชาชนเดินผ่านไป เขาจึงถามว่าเรื่องอะไรกัน

ในข้อที่ 37เขาจึงบอกว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธเสด็จผ่านไป

ในข้อที่ 38เขาจึงร้องด้วยเสียงดังว่า “เยซูบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงเมตตาข้าพระองค์เถิด”

ในข้อที่ 39 คนที่เดินไปข้างหน้านั้นจึงห้ามเขาให้นิ่ง แต่เขายิ่งร้องขึ้นว่า “ บุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงเมตตาข้าพระองค์เถิด ” ชายตาบอดเขาทำอะไรครับพี่น้อง ? ชายตาบอดเขาร้องหาพระเยซู

ในข้อที่ 40 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “พระเยซูทรงประทับยืนอยู่ สั่งให้พาคนตาบอดมาหาพระองค์ เมื่อเขามาใกล้แล้ว” ชายตาบอดได้พบพระเยซู อย่างใกล้ชิด ชายตาบอดได้พบพระเยซู เป็นการส่วนตัว

พี่น้องที่รักครับ เมื่อเรานมัสการพระเจ้า และเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ได้เสด็จมาเยี่ยมเยียนที่ประชุม พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าได้เสด็จมาเยี่ยมเยียน แตะต้องสัมผัส พี่ - น้อง คนนั้น คนนี้

และถ้าเรายังไม่ได้รับการแตะต้องสัมผัสจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าระหว่างการนมัสการเป็นการส่วนตัว ให้เราร้องด้วยเสียงดังภายในจิตใจของเราว่า

1. พระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอพระองค์ทรงเมตตาข้าพระองค์เถิด

2. พระวิญญาณบริสุทธิ์เจ้าข้าเยี่ยมเยียนข้าพระองค์เถิด

3. พระวิญญาณบริสุทธิ์อย่าผ่านจากข้าพระองค์ไป

4. พระวิญญาณบริสุทธิ์แตะต้องสัมผัสลูกด้วย

5. พระวิญญาณบริสุทธิ์เจิมลูกด้วย

กลับไปที่ชายตาบอดซึ่งโดยปกติแล้วเขามักจะขอแต่เงิน แต่ครั้นเมื่อเขาได้พบพระเยซูเป็นการส่วนตัว และเมื่อพระองค์ถามเขาว่า “เจ้าปรารถนาให้เราทำอะไร”

ในข้อที่ 41เขาทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้าโปรดให้ข้าพระองค์มองเห็นได้”

ซึ่งนั่นหมายความว่า 1. เขายกปัญหานี้แด่พระเจ้า

ซึ่งนั่นหมายความว่า 2. เขาขอพระเมตตาจากพระองค์

เขาทูลพระองค์ว่า “โปรดให้ข้าพระองค์มองเห็นได้” ชายตาบอดเขาขอสิ่งที่มีค่ามากกว่าเงินมากกว่าทอง สิ่งที่เขาขอนั่นคือการมองเห็น

ดังนั้นเมื่อเราต้องเผชิญกับภาระปัญหา หรือต้องเผชิญกับความทุกข์ ความโศกเศร้า ความเสียใจ ในเรื่องใดๆก็ตาม ให้พี่น้องยกปัญหานั้นทูลต่อพระเจ้า เช่น ถ้าเราต้องเผชิญกับ

- เรื่องที่อยู่อาศัย : ให้พี่น้องยกปัญหานั้นทูลต่อพระเจ้า

- เรื่องการถูกข่มเหง : ให้พี่น้องยกปัญหานั้นทูลต่อพระเจ้า

- เรื่องการงานอาชีพ : ให้พี่น้องยกปัญหานั้นทูลต่อพระเจ้า

- เรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วย : ให้พี่น้องยกปัญหานั้นทูลต่อพระเจ้า

- เรื่องความไม่ชอบธรรม : ให้พี่น้องยกปัญหานั้นทูลต่อพระเจ้า

- เรื่องเศรษฐกิจในครอบครัว : ให้พี่น้องยกปัญหานั้นทูลต่อพระเจ้า

ในข้อที่ 42 พระเยซูตรัสแก่เข่าวา “จงเห็นเถิด ความเชื่อของเจ้าได้กระทำให้ตัวเจ้าหายปกติ ”

ในข้อที่ 43 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “ในทันใดนั้นเขาก็เห็นได้ ” ซึ่งนั่นหมายความว่า ชายตาบอดคนนั้น เขาได้ออกมาจากโลกแห่งความมืด มาสู่โลกแห่งความสว่าง ผ่านความรัก ความเมตตาสงสาร และการอัศจรรย์ของพระเยซู เหมือนกับพวกเราทั้งหลายที่อยู่ที่นี่

พระคำของพระเจ้า ในพระธรรม มธ.13:17 ตรัสดังนี้ว่า “ นัยตาของท่านทั้งหลายก็เป็นสุขเพราะได้เห็น และหูของท่านทั้งหลายก็เป็นสุขเพราะได้ยิน ”

ดังนั้นเราจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อตาของเขาหายบอดหรือหายเป็นปกติแล้ว เขาจะมีความสุขมากสักเท่าไหร่กับการที่ตาของเขาได้มองเห็น

ประการที่ 3 เขารู้จักพระคุณของพระเจ้า

ในข้อที่ 43 พระคำของพระเจ้ายังตรัสต่อไปอีกว่า “เขาได้ถวายเพลงสาธุการแด่พระเจ้า” พี่น้องที่รักครับ การถวายเพลงสาธุการแด่พระเจ้าของเขานั้น หมายความว่า เขารู้จักขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยให้ชีวิตเขาใหม่ เป็นชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม หลายคนรู้จักชีวิตในอดีตของตัวเขา หลายคนได้เห็นชีวิตใหม่ที่พระเจ้าให้กับเขา

พระคัมภีร์ยังพูดต่อไปอีกว่า และเมื่อคนทั้งปวงได้เห็นเช่นนั้นก็สรรเสริญพระเจ้า

ซึ่งนั่นหมายความว่า หลายคนที่รู้จักชีวิตในอดีตของเขา ก็พากันสรรเสริญพระเจ้าด้วย

หลายคนรู้จักชีวิตในอดีตของเขา หลายคนได้เห็นชีวิตใหม่ที่พระเจ้าให้กับเขาต่างก็พากันสรรเสริญพระเจ้าด้วย อยากให้เราอ่านพระคำของพระเจ้าในพระธรรมลก.17:1 -19 นี้ร่วมกัน

            ซึ่งนั่นหมายความว่า ในสมัยของพระเยซูเองมีหลายคนที่ได้รับพระคุณ และรับพระพรจากพระเจ้าแล้ว 1.ก็ไม่รับพระเยซูเข้ามาในชีวิตก็มี 2. รับพระเยซูแล้วทิ้งพระเยซูก็มี มีใครบางคนเคยถามผมว่า อาจารย์พวกรับพระเยซูและทิ้งพระเยซูเนี่ยจะเรียกว่าพวกไม่รู้จักพระคุณของพระเจ้าได้ไหม ? ให้เรามาดูพระคำของพระเจ้าด้วยกัน

มธ.7 : 2 “ อย่ากล่าวโทษเขา เพื่อพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน”

ฉลธ.32:36 “พระเจ้าจะทรงพิพากษาประชากรของพระองค์” ไม่ใช่หน้าที่ของเรา

ดังนั้นคำตอบที่ผมตอบก็คือว่า เราต้องไม่เป็นอย่างนั้น หรือเราต้องไม่เป็นแบบเขา น่าจะเป็นคำตอบที่รู้สึกปลอดภัยที่สุด และรับผิดชอบกับพระเจ้าน้อยที่สุด

ดังนั้นผมจึงไม่สงวนลิขสิทธิ์ถ้าพี่ - น้องจะนำคำตอบนี้ไปตอบ ถ้าหากมีคนถาม คำถามในลักษณะเดียวกันกับท่าน

ประการที่4 คนตาบอดเลือกที่จะติดตามพระคริสต์

ในข้อที่ 43 พระคำของพระเจ้ายังพูดต่อไปอีกว่า “และติดตามพระองค์ไป”

จากคนตาบอดเป็นคนที่ตามองเห็น เขามองเห็นโลกกว้างเขามีสิทธิที่จะเลือก

ไปไหนก็ได้ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะติดตามพระเยซู โดยปกติใครก็ตามถ้ารู้จักพระเยซู ได้เห็นพระเยซูจริงๆ เขาจะติดตามพระองค์ตลอดชีวิต เช่น ยอห์น เปโตร ยากอบ นางมารีย์ มักดารา และอ.เปาโล เป็นต้น

เช่นเดียวกันกับคนตาบอด และเป็นคนที่ตามองเห็นคนนี้ เขารู้จักพระเยซูเป็นใครผ่านการได้ยิน และเมื่อเขาได้เห็นสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำผ่านชีวิตของคนอื่น และกระทำผ่านชีวิตของเขา เขาจึงเลือติดตามพระองค์ตลอดชีวิต

เช่นเดียวกันถ้าเราไปประกาศ และถ้าเขารู้จักพระเยซูผ่านการได้ยินและเมื่อเขาได้เห็นสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำผ่านชีวิตของคนอื่น และถ้าเขากล้าที่เปิดใจออก ให้พระเยซูกระทำผ่านชีวิตของเขา เขาก็จะพบกับพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ และเขาก็จะมาเป็นคริสเตียนโดยไม่มีอะที่จะมาขัดขวางเขาได้

อย่างไรก็ตามถ้าผู้ใดติดตามพระเยซูแล้ว และหันหลังกลับ คำว่า หันหลังกลับ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง การกลับไปถือความเชื่อในศาสนาเดิมเท่านั้น แต่ครอบคลุมไปถึงการขาดประชุม การขาดสามัคคีธรรมกับพี่ - น้องในคริสตจักร การไม่ถวายสิบลด การไม่ปรนนิบัติพระองค์ เป็นต้น ซึ่งนั่นแสดงว่าคนๆนั้นยังไม่รู้จักพระองค์อย่างแท้จริง ตาและตาใจฝ่ายจิตวิญญาณของคนๆนั้นยังมืดบอดอยู่

คำถามที่น่าสนใจก็คือว่า เราได้เห็นพระเยซูกระทำผ่านชีวิตของพี่น้องของเราหรือไม่หรือเราได้เห็นพระเยซูกระทำการอัศจรรย์ผ่านชีวิตของพี่น้องเราหรือไม่

ถ้าคำตอบภายในใจตอบว่า ได้เห็น

คำถามต่อไปก็คือว่า และเราจะเลือกติดตามพระองค์อย่างแท้จริงเหมือนคนตาบอดคนนี้หรือไม่ ที่เขาสามารถพูดได้ว่า “แต่ก่อนข้าพเจ้าตาบอด แต่เดี๋ยวนี้เห็นแล้ว” หรือเราจะเลือกติดตามพระเยซูแบบครั้งคราวเหมือนบางคนนั้น คือมีอุปสรรค มีปัญหาก็มาโบสถ์ ขอคำอธิษฐานจากผู้รับใช้พระเจ้า ขอคำอธิษฐานเผื่อจากพี่น้องในคริสตจักรให้พระเยซูช่วยด้วย เป็นต้น

พระคำของพระเจ้าในพระธรรมวิวรณ์ 3:18 ตรัสดังนี้ว่า “ เราเตือนสติเจ้าให้ซื้อทองคำที่หลอมให้บริสุทธิ์แล้วจากเรา เพื่อเจ้าจะได้เป็นคนมั่งมี และให้เจ้าซื้อเสื้อผ้าขาว เพื่อนุ่งห่มให้พ้นความอับอายที่เจ้าต้องเปลือยกายอยู่และซื้อยาทาตาของเจ้าเพื่อเจ้าจะได้แลเห็น”

สรุปพระวจนะคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้

1. เลือกที่จะฟัง                                    2. ยกชูปัญหาแด่พระเจ้า

3. รู้จักพระคุณของพระเจ้า                 4. เลือกที่จะติดตามพระคริสต์

 

 

 

 

 

Green City