ความเข้าใจในพระพรของพระเจ้า

คำเทศนาเรื่อง ความเข้าใจในพระพรของพระเจ้า

    

ในเช้าวันนี้ผมจะมาแบ่งปันพระคำของพระเจ้ากับพี่ - น้องแทนท่าน อ.จิตรเกษม นะครับ เหตุเพราะว่าท่านติดภารกิจบางประการ จึงไม่สามารถที่จะเดินทางมาในครั้งนี้ได้ และถ้าพี่ - น้องยังจำคำเทศนาครั้งล่าสุดของผมได้ ผมได้บอกกับพี่ - น้องว่าในครั้งต่อไปนั้นผมจะมาแบ่งปันเกี่ยวข้อเสียหรือจุดอ่อนของ เปโตร ให้กับพี่ - น้องได้รับฟังกัน

            อย่างไรก็ตามเมื่อผมได้อธิษฐานกับพระเจ้า ผมรู้สึกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าต้องการที่จะให้ผมแบ่งปันกับพี่ - น้องในเรื่องนี้มากกว่า

ดังนั้นในเช้าวันนี้ ขอให้ที่ประชุมได้เปิดพระคำของพระเจ้าไปที่ ปฐก.12:1-3 และเราจะอ่านพระคำของพระเจ้าทั้ง 3 ข้อนี้พร้อมๆกันอย่างช้าๆ ด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ และผมจะให้ชื่อของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า ความเข้าใจพระพรของพระเจ้า ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

            พี่ - น้องที่รักครับ สัปดาห์ที่ผ่านมาผมอยู่ที่หาดใหญ่ และผมได้มีโอกาสพบกับอดีตสมาชิกของคริสตจักรใจสมานกรุงเทพ ท่านถามผมถึงปัญหาเรื่องที่ดินของคริสตจักรที่พี่ - น้องที่กรุงเทพฯใช้นมัสการอยู่ในเวลานี้ ซึ่งก็เป็นปัญหาทางด้านคดีความกันมามากว่า 20 กว่าปีแล้วนั้นว่าเวลานี้มันเป็นอย่างไรหรือไปถึงไหนกันแล้วซึ่งผมก็ตอบเขาไป……………………

            อย่างไรก็ตามพี่ - น้องท่านนี้ก็ได้ถามผมว่า อาจารย์ ทำไมใจสมานรับใช้พระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อมาเกือบจะ 40 ปีและสถานที่นั่นก็เป็นพระพรกับพี่ - น้องคริสเตียนโดยเฉพาะในการจัดสัมมนา แต่ทำไมดูเหมือนว่าเรากำลังจะพ่ายแพ้

ผมบอกกับพี่ - น้องท่านนั้นไปว่า คุณกำลังพูดหรือถามผมคล้ายๆกับพี่ - น้องสมาชิกในคริสตจักรของผมคนหนึ่งที่ถามผมว่า

อาจารย์ทำไมเมื่อเรารับใช้พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดแล้ว ทำไมครอบครัวเขาถึงต้องลำบาก

ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมอยากจะแบ่งปันกับพี่ - น้องในเช้าวันนี้ เพื่อที่พี่ - น้องจะได้มีความเข้าใจในพระพรของพระเจ้าได้อย่างถูกต้อง ซึ่งในเบื้องต้นพี่ - น้องจะต้องเข้าใจก่อนว่า คำถามอะไรก็ตามที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า ทำไม หรือขึ้นต้นด้วยคำว่า จริงหรือ และหรือจะขึ้นต้นด้วยอะไรก็ตาม แล้วตามด้วยสำนวนอะไรก็ตามแต่ที่ทำให้พี่ - น้องและผมต่างเกิดมีความเคลือบแคลง หรือมีความสงสัยในพระลักษณะของพระเจ้าและหรือทำให้พี่ - น้องและผมนั้นต้องห่างไกลไปจากสัมพันธภาพที่พี่ - น้องควรที่จะต้องมีกับพระเจ้านั้น พี่ - น้องคิดว่านั่นเป็นคำถามที่มาจากไหนครับ ? ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ ปฐก.3:1 - 6 และอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ

            พี่ - น้องคิดว่า คำถามที่ทำให้พี่ - น้องนั้นเกิดความเคลือบแคลงและสงสัยในพระลักษณะของพระเจ้านั้นมาจากไหนครับ ?

พระคำของพระเจ้าในหนังสือ ปฐก.3:1-6 ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่ามาจากมาร ซาตาน และผมอยากให้ที่ประชุมได้เปิดพระคำของพระเจ้าอีกข้อหนึ่งในหนังสือ ฮชย.4:6 และให้ที่ประชุมอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆ ด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ

พระคำของพระเจ้าในข้อนี้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า ประชากรของพระเจ้าถูกทำลายเพราะขาดความรู้

เพราะฉะนั้นพี่ - น้องจะต้องมีความรู้ ตลอดจนมีความเข้าใจ ประการที่สำคัญนั่นก็คือ พี่ - น้องจะต้องมีความไว โดยเฉพาะในด้านมิติของฝ่ายจิตวิญญาณ

เพราะถ้าพี่ - น้องไม่ไวต่อกิจการของมาร ซาตานแล้วไซร้ พี่ - น้องก็อาจจะเป็นผู้หนึ่งที่ติดอยู่ในบ่วงแร้วของมันก็เป็นได้ และวิธีที่พี่ - น้องและผมจะไม่ติดอยู่ในบ่วงแร้วของมาร ซาตาน มันคือวิธีไหน ? คำตอบอย่างง่ายๆ นั่นก็คือ ให้พี่ - น้องถามพระเจ้าใหม่เช่น

พระองค์ต้องการสอนอะไรแก่ข้าพระองค์ , พระองค์ต้องการบอกอะไรกับข้าพระองค์ , พระองค์ต้องการให้ข้าพระองค์เรียนรู้ในเรื่องนี้อย่างไร , ขอพระองค์ทรงโปรดให้ข้าพระองค์เข้าใจถึงแผนการของพระองค์ในเรื่องนี้ด้วยเถิด

พี่ - น้องคิดว่าคำถามอย่างแรกกับคำถามเมื่อสักครู่นี้ คำถามอันไหนน่าฟังมากกว่ากันครับ ? ดังนั้นเราสามารถที่จะตั้งคำถาม ถามพระเจ้าด้วยคำถามในลักษณะอย่างนี้ได้อีกไหมครับพี่ - น้อง ? ได้อีกมากมาย

เพราะอะไรครับ เพราะมันเป็นคำถาม ที่ดึงพี่ - น้องให้เข้ามาหาพระเจ้าให้ใกล้ชิดมากขึ้นเหมือนกับคำพยานชีวิตของหลายๆคนที่ผมได้ให้กับพี่ - น้องไปนั่นแหละ

จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

เราพบว่า…เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงโปรดที่จะเรียกผู้ใด พระเจ้าก็ทรงมีพระทัยพระเมตตาที่จะทรงโปรดอำนวยพระพรแก่ผู้นั้นด้วย ( อาเมนไหมครับพี่ - น้อง )

เหมือนดังที่พระเจ้าทรงโปรดเรียกอับรามในตอนนี้ และพระคำของพระเจ้าในปฐก.12:2 พระคำของพระเจ้าได้ตรัสเอาไว้อย่างชัดเจนว่า เราจะอวยพรแก่เจ้า

เพราะฉะนั้นขอให้พี่ - น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่า ผู้ที่เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทุกๆคนรวมทั้งพี่ - น้องที่นั่งอยู่ในห้องประชุมแห่งนี้ด้วยเช่นกันคือพวกที่ได้รับพระพรจากพระเจ้า ให้เราบอกกับคนข้างซ้าย ข้างขวาว่าคุณคือ พวกที่ได้รับพระพรจากพระเจ้า

ดังนั้นถ้าจะมีใคร คนใดมาข่มเหงโดยตะโกนว่าพี่ - น้อง เหตุเพราะว่าพี่ - น้องมาเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ด้วยถ้อยคำหรือด้วยสำนวนที่ว่า ไอ้พวกพระเจ้าอวยพร ก็ขอให้พี่ - น้องอย่าได้โกรธเขาแต่อย่างใด

เพราะอะไรครับ เพราะสิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้องไหมครับ ? ถูกต้อง ไม่ผิด แถมเราจะต้องให้สตางค์เขาอีกต่างหาก ( เพราะเขาตาถึง ) และนี่เป็นพระพรโดยส่วนตัวซึ่งเป็นพระราชอำนาจของพระเจ้าที่จะทรงประทานหรือมอบให้กับเราแต่ละคน

ในขณะเดียวกันในสิ่งที่พี่ - น้องจะต้องทราบและพี่ - น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือว่า เมื่อพระเจ้าทรงโปรดที่จะเรียกและเลือก เมื่อสักครู่นี้เรียกอย่างเดียวนะครับ

แต่ตอนนี้ทั้งเรียกและเลือกนะครับ ถ้าพระเจ้าทรงโปรดที่จะเรียกและเลือกใครหรือผู้ใด ให้ขึ้นมาทำพระราชกิจของพระเจ้ามากขึ้นเป็นพิเศษ เหมือนกับที่พระเจ้าทรงโปรดที่จะเรียกและเลือกอับรามในตอนนี้

พระคำของพระเจ้าตรัสว่าเราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่จะให้เจ้ามีชื่อเสียงใหญ่โตเลื่องลือไป ซึ่งนั่นหมายความว่าอะไร ? ซึ่งนั่นหมายความว่า พระเจ้าก็จะทรงโปรดอำนวยพระพรโดยให้การสนับสนุนในพันธกิจต่างๆที่เขาทำอยู่ด้วยเช่นกัน และพระพรอย่างที่สองนี้คือพระพรโดยส่วนรวม

ดังนั้นตอนนี้พี่ - น้องรู้แล้วนะครับว่าพระพรของพระเจ้านั้นมีพระพรโดยส่วนตัวกับพระพรโดยส่วนรวม

สิ่งที่น่าเศร้าใจนั่นก็คือว่า มีคริสเตียนอยู่จำนวนไม่น้อยเลยพี่ - น้องที่รัก ที่เขานั้นอยากที่จะปรนนิบัติและรับใช้พระเจ้า โดยการยกตัวเองขึ้นมาทำพันธกิจของพระเจ้าโดยที่พระเจ้าก็ไม่ได้เลือกสรรเขาขึ้นมาแต่อย่างใด พอพันธกิจนี้ไปไม่ได้เขาก็เปลี่ยนไปทำพันธกิจใหม่

พอพันธกิจที่เพิ่งจะเปลี่ยนใหม่ไปได้ไม่กี่เดือน และทำท่าไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก เขาก็เปลี่ยนไปทำพันธกิจใหม่อีก เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกจนผู้คนไม่เพียงแค่สับสนเท่านั้น แต่ได้สร้างปัญหาให้กับพันธกิจอื่นๆที่มีความใกล้เคียงกับเขาด้วย

เพราะฉะนั้นข้อสังเกตอันหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อสังเกตในฝ่ายวิญญาณ ในการที่เราจะพิจารณาดูว่า พระเจ้าได้เลือกสรรคนนั้นให้ขึ้นมาทำพันธกิจของพระเจ้าหรือไม่ หรือเขายกตัวเองขึ้นมารับใช้พระเจ้าหรือไม่ ซึ่งในวงการผู้รับใช้พระเจ้าต่างทราบกันเป็นอย่างดีนั่นก็คือ ให้เราพิจารณาลักษณะของคนที่พระเจ้าได้เจิมตั้งเอาไว้

ศจ. นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน ซึ่งเป็นศบ.ของแรกของ คจ. ใจสมาน ได้ให้หลักการในการพิจารณาเอาไว้อย่างนี้ครับว่า ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเขาจะทำได้ มีการเกิดผล ได้รับการสนับสนุน มีผู้คนเคารพศรัทธาและมีสิ่งใหม่ที่มาจากพระเจ้าเสมอ แต่ใครก็ตามที่กล่าวว่าตัวเองเป็นผู้ที่พระเจ้าเจิมตั้ง แต่ทำอะไรไม่เคยสำเร็จสักอย่าง งานไม่เกิดผล คนก็ไม่สนับสนุน ผู้นั้นตั้งตัวเอง ไม่ใช่พระเจ้าเป็นผู้ตั้งเขา คนที่พระเจ้าไม่ตั้งในที่สุดก็จะหลุดออกไปจากตำแหน่ง และในขณะเดียวกันผู้ที่พระเจ้าเจิมตั้งแต่ทำผิดพระองค์ก็มีสิทธิอำนาจในการปลดเขาออกด้วยเช่นกัน คริสเตียนในฝ่ายวิญญาณจะสัมผัสได้ว่าเขาไม่มีการเจิมของพระเจ้าอยู่ด้วย

พี่ - น้องฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ให้ดีๆสิ่งที่ผมจะพูดก็คือว่า ไม่ว่าจะเป็นพระพรโดยส่วนตัวที่พระเจ้าได้ประทานมอบให้กับเรา หรือจะเป็นพระพรโดยส่วนรวมก็ตามแต่ แต่สิ่งที่พี่ - น้องจะต้องเข้าใจให้ชัดเจนนั่นก็คือน้ำพระทัยของพระเจ้า

พี่ - น้องที่รักครับ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานั้น ไม่ได้มีน้ำพระทัยที่จะให้เราทั้งหลายนั้นได้รับพระพรและกักเก็บพระพรนั้นเอาไว้เป็นการส่วนตัว แต่พระองค์ทรงมีน้ำพระทัยอย่างชัดเจนที่จะให้เราทั้งหลายนั้น ได้เป็นท่อพระพรแก่กันและกันหรือแก่ผู้อื่นด้วย

อีกทั้งพระองค์ทรงมีน้ำพระทัยอย่างชัดเจน ที่จะให้คริสเตียนทั้งหลายได้เป็นท่อพระพรแก่พันธกิจหรือแก่พระราชกิจของพระเจ้า ในแต่ละที่ในแต่ละแห่งด้วย อาเมน และนี่คือน้ำพระทัยของพระเจ้า (ให้เราบอกกับคนข้างซ้าย ข้างขวาว่า คุณไม่ใช่เขื่อน ไม่ใช่ถัง ไม่ใช่กาลามังดังนั้นอย่าเก็บพระพรของพระเจ้าเอาไว้)

ผมขอบคุณพระเจ้าที่ผมเห็นสิ่งนี้ในชีวิตของพี่ - น้องในคริสตจักรของเราบางคน กล่าวคือ พี่ - น้องของเราบางคนฝากผมถวายให้กับ JIL , มานา , ให้กับพี่ - น้องคนนั้นคนนี้ , ให้กับนักศึกษาพระคัมภีร์ เป็นต้น ซึ่งจะมากหรือจะน้อยนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง

คุณลุงชัคกับคุณป้าจูดี้ ก็เป็นคริสเตียนคนหนึ่ง ที่ถามผมทุกๆครั้งเสมอที่มาเยี่ยมพี่ - น้องที่คริสตจักรฯเราว่า ครอบครัวไหนบ้างที่ครอบครัวของคุณลุงคุณป้าควรจะอธิษฐานเพื่อให้การสงเคราะห์ หรือมีพี่ - น้องในคริสตจักรฯคนไหนบ้างที่มีภาระหนี้สินกับคริสตจักรฯ ครอบครัวของท่านอยากที่จะช่วยชำระหนี้ให้ หรือคริสตจักรท้องถิ่นฯ ไหนบ้างที่ผมพอจะทราบว่าเขาขาดหรือต้องการสิ่งใด

สิ่งที่น่าเศร้าใจนั่นก็คือว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นมีคริสเตียนในประเทศไทยอยู่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวพี่ - น้องที่รัก ที่เขานั้นอยากจะได้รับพระพรจากพระเจ้าเยอะๆ ในขณะเดียวกันเขาเองก็มีความปรารถนาที่จะให้พระพรที่เขาได้รับนั้นได้เป็นท่อพระพรไปสู่พันธกิจหรือพระราชกิจและหรือแก่ผู้อื่น ด้วยจำนวนเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

ซึ่งตรงกันข้ามกับพี่ - น้องคริสเตียนในต่างประเทศอย่างชัดเจนที่เขาเรียนรู้และตระหนักถึงในเรื่องนี้เป็นอย่างดี เช่น เจ้าของบริษัท คอลเกตปาล์มโอลีฟ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เขาอธิษฐานกับพระเจ้าว่า ถ้าพระเจ้าอวยพระพรธุรกิจของเขา 70 % ของผลกำไรจากธุรกิจนั้นเขาจะถวายเพื่อพระราชกิจของพระเจ้า

ดังนั้นเราจึงไม่ต้องแปลกใจเลยพี่ - น้องที่รักว่า ทำไมหรือเพราะอะไรที่ข่าวประเสริฐหรือพระกิตติคุณขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าซึ่งโดยแท้จริงแล้วได้เข้ามาประเทศไทยของเราอีก 15 ปีก็จะครบ 200 ปีแล้ว แต่ทำไมเรายังมีผู้เชื่ออยู่เพียงแค่ 600,000 กว่าคนเท่านั้นเองหรือทำไมเราไม่ไปถึงไหนกันสักที ซึ่งถ้าเราจะเปรียบพระกิตติคุณของพระเจ้าที่ได้เข้ามาในประเทศไทยเป็นตัวอักษรไทย ผมคิดว่าเราก็เพิ่งจะเดินมาถึงอักษรตัว หรือ เท่านั้นเอง

ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่า คริสเตียนไทยโดยส่วนมากนั้นยังไม่ได้เป็นท่อพระพรให้กับพันธกิจหรือพระราชกิจของพระเจ้าอย่างที่ควรจะเป็น (ให้เราบอกกับคนข้างซ้าย - ข้างขวาว่า คุณต้องไม่ใช่คริสเตียนประเภทนั้น)เพราะนี่มันยุคสุดท้ายแล้วพี่ -น้อง ดังนั้นเราจะมากักเก็บพระพรของพระเจ้าต่อไปไม่ได้อีกแล้ว  

ความเข้าใจในเรื่องพระพรของพระเจ้าอีกประการหนึ่งที่พี่ - น้องควรที่จะเข้าใจอยู่ในหนังสือปฐก.12:1 พระคำของพระเจ้าตรัสว่าเจ้าจงออกจากเมืองจากญาติพี่ - น้องจากบ้านบิดาของเจ้าไปยังดินแดนที่เราจะบอกให้เจ้ารู้

ซึ่งนั่นหมายความว่าอะไร ? ซึ่งนั่นหมายความว่าพระพรของพระเจ้านั้นจะตามติดตัวของอับรามไปด้วยเสมอ ประการที่สำคัญนั่นก็คือว่า พระพรอันเดียวกันนี้แหละที่มันก็จะตามติดตัวของเราไปด้วยเช่นกัน

เพื่อให้พี่ - น้องเห็นภาพที่ชัดเจน ผมขออนุญาตที่จะยก Ex. นั่นก็คือว่าเมื่อคริสตจักรใจสมานสมุทรสงคราม ได้ย้ายออกจากปากซอยร้านขายอาหารกุ้ง มาอยู่ที่อาคารพาณิชย์ 2 คูหา 4 ชั้นครึ่งฝั่งตรงข้ามโลตัส ซึ่งในขณะนั้นเป็นอาคารพาณิชย์ที่ไม่ได้ก่อให้เกิดมูลค่าทางธุรกิจแต่อย่างใด

แต่เมื่อทางคริสตจักรได้ย้ายเข้ามาอยู่ เราก็พบว่าอาคารพาณิชย์จากเดิมที่มันเคยว่างเปล่ามันกับไม่ได้ว่างเปล่าอีกต่อไปจริงหรือไม่ เมื่อคริสตจักรได้ย้ายเข้าไปอยู่ในเวลาไม่นานนัก เราก็พบว่าร้านชุดวิวาห์ก็ตามมา ศูนย์สอนภาษา English Plus ตามมา ตึกข้างเคียงที่ธนาคารกสิกรไทยได้ยึดเอาไว้ก็ถูกจำหน่ายออกหรือขายได้ บ้านพักเด็กสตรีและคนชราก็ตามมาและอื่นๆ

แต่เมื่อคริสตจักรได้ย้ายจากปากทางเข้าเมืองออกมาอยู่ ถ. เอกชัย คือที่ๆเราใช้นมัสการอยู่ในปัจจุบันได้ประมาณ 1 ปี อาคารพาณิชย์ในละแวกดังกล่าว ก็กำลังจะกลับกลายมาสู่บรรยากาศแบบเดิมๆคือ เงียบเหงา ซึ่งเมื่อผมมีโอกาสผ่านไปผ่านมาและมองเข้าไปยังไงๆก็ไม่เหมือนกับการที่มีคริสตจักรของพระเจ้ามาตั้งอยู่ พี่ - น้องว่าจริงไหม ซึ่งนี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่ทำให้เราทราบอย่างมั่นใจว่า พระพรของพระเจ้านั้นมันติดตามตัวเราไปเสมอ

ดังนั้นการที่พี่ - น้องของเรา ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกของ คริสตจักรใจสมาน ซ. 6  พูดในทำนองที่ว่า ทำไมใจสมานรับใช้พระเจ้ามาอย่างสัตย์ซื่อเกือบ 40 ปี แต่ทำไมเราดูเหมือนว่าเรากำลังจะแพ้ในเรื่องของคดีความในเรื่องที่ดิน

ซึ่งถ้าเราจะมองพี่ - น้องของเราในแง่ลบสักหน่อยนึง เราอาจจะมองว่าเขานั้นไม่ได้มีความเข้าใจในเรื่องพระพรของพระเจ้า

หรือถ้าเราจะมองพี่ - น้องของเราในแง่บวกสักหน่อยนึง เราอาจจะมองว่าเขานั้นอาจจะมีความเข้าใจในพระพรของพระเจ้าก็ได้ แต่ความรู้สึกที่ผูกพันกับสถานที่หรือการมีใจที่นึกเสียดาย เหมือนกับสมาชิกของใจสมานหลายๆ คนที่นึกเสียดายกันอยู่ในเวลานี้ เพราะมันติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS และมันอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน

ผมก็เลยพูดกับพี่ - น้องคนนั้นในเรื่องนี้ไปว่า

คุณพูดเหมือนกับว่าการที่พระเจ้าอวยพรเรานั้นนั่นก็คือ การที่เราจะต้องชนะคดีในเรื่องที่ดินอย่างนั้น และถ้าเราแพ้คดีในเรื่องนี้นั่นหมายความว่าพระเจ้าไม่ได้อวยพรเราอย่างนั้น ซึ่งผมขออนุญาตสมมตินะครับโดยยืมหลักการ , ยืมทฤษฏี หรือยืมตรรกซึ่งเป็นความเข้าใจของคุณที่ว่านี้มาใช้

สมมติว่าถ้าพระเจ้าอวยพรเราแล้วเราจะต้องชนะคดีในเรื่องนี้ แล้วถ้ามันเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นมา เช่น เกิดมีฝรั่งอัพยาและมันเพี้ยนลุกขึ้นมาจุดไฟเผา ซ. 4 ซึ่งเป็นดินแดนโสดอม - โกโมราห์ ที่เต็มไปด้วยความบาปชั่วและความเลวทรามทั้งนั้นเลย

และถ้าหากไฟแห่งความบาปชั่วนั้นมันได้ลุกลามมาถึงคริสตจักร ซึ่งพี่ - น้องอาจจะกำลังนั่งประชุมหรือมีการสัมมนากันอยู่ แล้วและถ้าสมมติว่าเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นจริงล่ะ แล้วคุณจะคิดอย่างไร ?

และผมก็คุยกับอดีตพี่ - น้องสมาชิกของ คจ.ใจสมาน ซ. 6 คนนี้ต่อไปว่า เอาอีกตัวอย่างหนึ่งก็ได้ โดยผมยังขอยืมทฤษฏีของคุณเมื่อสักครู่นี้มาใช้เหมือนเดิมว่า ถ้าพระเจ้าอวยพรเราแล้วเราจะต้องชนะคดี

ถ้าสมมตินะครับว่าเราจะต้องชนะคดี และถ้ามันเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาแล้วตึกสูงต่างๆที่มันอยู่รอบล้อม คจ.ใจสมาน มันต้องเอนและล่วงหล่นลงมา ในขณะที่คริสเตียนกำลังประชุมหรือสัมมนากันอยู่ แล้วทำให้ผู้คนจะต้องล้มหายตายจากแล้วคุณคิดอย่างไร คุณจะไม่ตัดพ้อหรือต่อว่าพระเจ้าอีกหรือว่าทำไมพระเจ้าถึงให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับเรา

พี่ - น้องทราบไหมครับเขาตอบผมว่าอย่างไร ? เขาตอบผมว่าเออจริงของอาจารย์เนอะ ถ้าเราจะต้องชนะคดีและถ้ามันเกิดเหตุการณ์อย่างที่ว่านี้ขึ้นมาจริงๆเราไม่เอาดีกว่า งั้นปล่อยให้แขกมันชนะคดีไปเถอะ

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดนั่นก็คือ ให้เราเรียนรู้ในพระคำของพระเจ้า พระคำของพระเจ้าใน 1 ธสก.5:18 , สภษ. 3 : 6 บอกกับเราว่าอย่างไรครับ

จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย (1 ธสก.5:18)

จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น ( สภษ. 3 : 6 )

อีกสิ่งหนึ่งที่พี่ - น้องจะต้องเข้าใจให้ถูกต้องในเรื่องพระพรของพระเจ้านั่นก็คือคำว่า พระเจ้าอวยพร คุ้นๆหูไหมครับคำนี้ ที่พวกเราคุ้นๆหูกันเพราะอะไรครับ ?

เพราะมันเป็นคำที่คริสตชนทั่วโลกมักที่จะใช้พูดกันอยู่บ่อยๆ ประการที่สำคัญนั่นก็คือว่ามีคริสเตียนไทยร้อยและ 95 % โดยส่วนมากเมื่อได้ยินคำนี้ก็มักที่จะ คิดถึงแต่วัตถุหรือสิ่งของ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง

โดยแท้จริงแล้วพี่ - น้องที่รักคำว่า พระเจ้าอวยพร ซึ่งในภาษาอังกฤษพูดว่า GOD Bless Youนั้น โดยแท้จริงแล้วมันมีความหมายอย่างไรพี่ - น้องทราบไหมครับ ?

ความหมายที่แท้จริงในความเข้าใจของคริสตชนนั้นแปลว่า ขอให้คุณเผชิญกับความทุกข์ยากลำบากได้ เพราะฉะนั้นถ้าพี่ - น้องจะต้องเผชิญกับอะไรก็ตามทั้งในเวลาที่เป็นอยู่ขณะนี้หรือในอนาคตก็ตาม เช่น

ความกลัว

ขอให้พี่ - น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่าคำว่า พระเจ้าอวยพร สำหรับท่านในเวลานั้นหมายถึง ขอพระเจ้าสถิตและอยู่ด้วย

วิตกกังวล

ขอให้พี่ - น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่าคำว่า พระเจ้าอวยพร สำหรับท่านในเวลานั้นหมายถึง อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย

ความบาป

ขอให้พี่ - น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่าคำว่า พระเจ้าอวยพร สำหรับท่านในเวลานั้นหมายถึง เราจะยกบาปผิดให้กับเจ้าและชำระเจ้าให้สะอาด

การถูกข่มเหง

ขอให้พี่ - น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่าคำว่า พระเจ้าอวยพร สำหรับท่านในเวลานั้นหมายถึง ขอให้ท่านเป็นสุขเพราะแผ่นดินสวรรค์เป็นของท่าน

ขาดกำลังเรี่ยวแรง

ขอให้พี่ - น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่าคำว่า พระเจ้าอวยพร สำหรับท่านในเวลานั้นหมายถึง จงชื่นชมยินดีในพระเจ้า เพราะพระเจ้าจะทรงปรับปรุงท่านให้มั่นคงและมีกำลังขึ้น

ความทุกข์ยากเจ็บป่วย

ขอให้พี่ - น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่าคำว่า พระเจ้าอวยพร สำหรับท่านในเวลานั้นหมายถึง พระเจ้าจะทรงเป็นแพทย์ที่จะรักษาท่านให้หายและให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า ให้พี่ - น้องบอกกับคนข้างซ้าย ข้างขวาว่า ถ้าอาจารย์ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย

และนี่การเป็นอวยพรของพระเจ้า ผ่านทางพระวจนะคำของพระองค์ซึ่งพี่ - น้องบางคนอาจจะพูดว่านี่เป็นพระคุณในพระคำก็ได้

            ความเข้าใจในเรื่องของพระพรของพระเจ้าอีกประการหนึ่งที่พี่ - น้องควรจะทราบนั่นก็คือ เรื่องพระราชอำนาจของพระเจ้า ให้ที่ประชุมเปิดไปที่พระคำของพระเจ้าใน มธ. 6:13 และอ่านพร้อมๆกันด้วยเสียงที่ดัง

            องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงสอนเราทั้งหลายอย่างตรงไปตรงมาว่า พระราชอำนาจเป็นของพระเจ้าสืบๆไปเป็นนิตย์ ซึ่งนั่นหมายความว่า

1.พระราชอำนาจของพระเจ้านั้นไม่มีกาลเวลา

2.ไม่มีอำนาจใดๆในโลกหรือไม่มีใครและหรือผู้ใดที่จะมาลดหรือมาขัดขวางพระ

ราชอำนาจของพระเจ้าได้ อาจจะกล่าวได้ว่า พระราชอำนาจทั้งหมดเป็นของพระเจ้าและเมื่อพระองค์ทรงโปรดที่จะอวยพรใคร ผู้ใดหรืออย่างไรนั้นก็เป็นสิทธิอำนาจของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว

สิ่งที่น่าเศร้าใจนั่นก็คือว่า มีคริสเตียนหลายคนชอบพูดในลักษณะที่เปรียบเทียบในทำนองที่ว่า ทำไมพระเจ้าอวยพรคนนั้น ทำไมถึงไม่อวยพรเรา หรือพูดในทำนองที่ว่า ทำไมพระเจ้าอวยพรคนนี้ให้สุขสบาย ทำไมเราถึงต้องทุกข์ยากลำบาก

หนำซ้ำภรรยาของผู้รับใช้บางคนที่ผมรู้จักเป็นการส่วนตัว ยังพูดว่าสามีของเขาต่อหน้าผมว่า อ. ก้อง - อ. ดา มารับใช้พระเจ้าทีหลังเราแต่ตอนนี้เขาไปไหนต่อไหนแล้ว ซึ่งโดยแท้จริงแล้วคุณไม่ได้ต่อว่าสามีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่คุณกำลังต่อว่าใครด้วยครับพี่ - น้อง ? พระเจ้า (ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สำควรเป็นอย่างยิ่งถึงแม้ว่าเขาจะไม่ตั้งใจก็ตาม) ซึ่งในใจของผม อยากที่จะบอกกับภรรยาของศิษยาภิบาลท่านนั้นว่า ในวันคืนที่ผมยากลำบากหรือในวันคืนที่ อ. ดา นั้นยากลำบากคุณก็ไม่ทราบหรอก

เพราะฉะนั้นคุณอย่าได้มองเพียงแค่ปัจจุบันหรือเพียงแค่ณ.วันนี้เท่านั้นแต่ให้คุณได้มองย้อนหลังไปในหลายๆปีที่ผ่านมาด้วย

และเมื่อกล่าวพระคำของพระวจนะคำของพระเจ้ามาถึงตรงนี้ ผมก็ขอเป็นพยานถึงชีวิตของ อ.ดา ให้พี่ - น้องฟังสักเล็กน้อย พี่ - น้องทราบไหมครับว่าเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา อ.ดาร์ ปัทมพร ซึ่งเป็นนักศึกษาพระคัมภีร์และเป็นผู้มีภาระใจในการที่จะเดินทางไปเสริมสร้างชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณให้กับพี่ - น้องสมาชิกที่คริสตจักรฯ แห่งหนึ่งใน อ. นางรอง

ในเวลานั้น พี่ - น้องลองทายซิครับว่า ? อ. ดาได้รับการสนับสนุนจากคริสตจักรท้องถิ่นที่นั่นเดือนละเท่าไหร่ ? ( 1,000- ) ซึ่งถ้าเดือนไหนมี 5 สัปดาห์ตกสัปดาห์ละเท่าไหร่ครับ 200- น้องโตนกับครูวิวรณ์เธอได้กันสัปดาห์คนละเท่าไหร่ครับ ?

พี่ - น้องทราบไหมครับว่า อ. ดา ต้องนั่งรถ ป.2 กทม. - นางรองออกจากหมอชิตประมาณ 3 - 4 ทุ่ม   ไปถึง บขส. ที่นางรองตอนตี 3 - 4  โดยประมาณ ไปถึงแล้ว อ. ดา ก็จะต้องนอนกับที่นั่งไม้ยาวๆ เพราะไม่มีเงินที่จะจ้างรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้าหมู่บ้าน

ดังนั้นจึงต้องรอให้ฟ้าสางก่อนถึงจะเข้าหมู่บ้านได้ พร้อมๆกับรอดูด้วยว่าจะมีใครในหมู่บ้านที่รู้จักออกมาซื้อของที่ตลาดนางรองเพื่อที่จะได้ขอเขาอาศัยเข้าไปในหมู่บ้านได้ มิหนำซ้ำบางสัปดาห์ อ. ดา ไปถึงที่บ้านแล้ว กับเข้าไปได้เพียงแค่บริเวณบ้านเท่านั้นแต่เข้าไปในบ้านไม่ได้ เพราะมิชชันนารีลืมเอากุญแจบ้านทิ้งเอาไว้ให้ ซึ่งนั่นเป็นเหตุทำให้ต้องนอนตากยุงโดยมีเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซัก เป็นผ้าห่มและเป็นหมอนที่ใช้หนุนนอน

เพราะฉะนั้นขอให้พี่ - น้องอย่าได้พูดเปรียบเทียบถึงพระพรของพระเจ้าในทำนองที่ว่า ทำไมพระเจ้าถึงอวยพรคนนั้น ทำไมถึงไม่อวยพรเรา หรือพูดในทำนองที่ว่า ทำไมเขาถึงดูสุขสบาย   แต่ทำไมเราถึงต้องทนทุกข์ลำบาก เพราะเรากำลังมองปัจจุบันของเขาโดยไม่ได้ย้อนกลับไปดูในวันที่เขายากลำบาก

แต่สาระสำคัญ ที่ผมไม่อยากที่จะให้พี่ - น้องได้พูดถึงพระพรของพระเจ้าในเชิงที่เปรียบเทียบกันมันอยู่ตรงนี้ครับ ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ รม.9:14 - 20 ซึ่งพี่ - น้องก็จะพบถึงเหตุและผลว่าทำไมเราถึงไม่ควรพูดในเชิงเปรียบเทียบอย่างนั้น เมื่อพบแล้วเราจะอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ ?

พระคำของพระเจ้าในตอนนี้สอนเราผ่านทาง อ. เปาโล อย่างตรงไปตรงมาว่า มนุษย์ดินที่เกิดมาแล้วก็จะต้องตายเอ๋ย เจ้ามีสิทธิอะไรที่จะพูดว่า พระเจ้าอวยพรคนนั้นไม่อวยพรคนนี้ หรือเรามีสิทธิอะไรที่จะบอกว่า พระเจ้ายุติธรรมกับคนนั้นแต่พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับคนนี้หรือพระเจ้าไม่ยุติธรรมกับเรา เราไม่มีสิทธิที่จะคิดไม่ดีเกี่ยวกับในเรื่องนี้เลยเพราะนี่คือพระราชอำนาจของพระเจ้า

ความเข้าใจในเรื่องพระพรของพระเจ้าอีกประการหนึ่งที่พี่ - น้องควรจะทราบนั่นก็คือระบบการอวยพรของพระเจ้า ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ สดด.133:1-3 และอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ     

พี่ - น้องที่รักครับจากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันในตอนนี้เราพบอะไร

เราพบว่านี่คือ ระบบหรือลำดับขั้นตอน รวมทั้งเบื้องหลังในการอวยพระพรของพระเจ้ามีใครอ่านพบมากกว่านี้มีไหมครับ ?

พี่ - น้องที่รักครับ  ระบบหรือลำดับขั้นตอน   รวมทั้งเบื้องหลังของการอวยพระพรของพระเจ้านั้นคือการไหลจากที่สูงลงที่ต่ำหรือไหลจากบนลงล่าง

คำถามที่สำคัญก็คือว่า ใครคือผู้ที่อยู่สูงสุด อฟซ.5:23 พระคำของพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เพราะว่าสามีเป็นศีรษะของภรรยาเหมือนพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร  

เพราะฉะนั้นใครอยู่บนสุดหรือสูงสุดในคริสตจักรครับพี่ - น้อง ? ( พระเจ้า ) ซึ่งเปรียบเสมือนกับ น้ำมันประเสริฐหลังจากนั้นพระพรของพระเจ้าจะค่อยๆเริ่มที่จะไหลผ่าน

ถ้าพระคัมภีร์ในภาคพันธสัญญาเดิม นั่นก็คือไหลผ่านทางปุโรหิตย์ ถ้าพระคัมภีร์ในภาคพันธสัญญาใหม่ นั่นก็คือไหลผ่านทางผู้รับใช้ของพระองค์ ซึ่งเปรียบเหมือนกับน้ำมันที่ไหลผ่านหนวดเคราของอาโรน

และสุดท้ายพระพรของพระเจ้าจะค่อยๆไหลผ่านไปที่ไหนต่อครับพี่ - น้อง ?

พระพรของพระเจ้าจะค่อยๆเริ่มที่จะไหลผ่านไปถึงมวลหมู่พี่ - น้องสมาชิกทุกๆคนในคริสตจักรซึ่งเปรียบเสมือนกับน้ำมันที่ไหลบน คอเสื้อ ของอาโรน

พี่ - น้องอยากได้รับพระพรของพระเจ้านี้ไหมครับ ? ถ้าพี่ - น้องอยากได้ไม่ยากเลยนั่นก็คือพี่ - น้องจะต้องอยู่ในระบบของพระเจ้า

สิ่งที่น่าเศร้าใจนั่นก็คือว่าในหลายๆครั้ง ที่พระเจ้านั้นปรารถนาที่จะอวยพรเรา แต่พระพรของพระเจ้าไม่สามารถที่จะมาถึงชีวิตเราได้นั่นก็เพราะว่า เราปฏิเสธที่จะอยู่ในระบบของพระเจ้า

เมื่อสักครู่นี้พี่ - น้องบอกว่าอยากได้รับพระพรของพระเจ้า   คำถามต่อมาคือ อยากได้มากหรือน้อยครับ ?

ถ้าพี่ - น้องอยากได้มากก็ไม่ยากอีกเช่นกัน ? ให้พี่ - น้องทำตามเงื่อนไขของพระองค์ เงื่อนไขของพระองค์คืออะไรครับ ? ให้เรานั้นรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเอาไว้และผู้ที่มีพระราชอำนาจเด็ดขาดและสูงสุดจะทรงโปรดบังคับบัญชาและเทพระพรของพระองค์ลงมาอย่างเต็มที่และเต็มขนาด

แล้วใครละครับพี่ - น้องที่จะเป็นผู้รับพระพรนี้ ? พี่ - น้องและผมเนี่ยแหละที่จะเป็นผู้รับพระพรของพระเจ้านี้ร่วมกัน

            ผมจะจบคำเทศนาในเช้าวันนี้ในหนังสือ ปญจ.12:13 ให้ที่ประชุมเปิดและอ่านอย่างช้าๆพร้อมๆกันด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ

พี่ - น้องที่รักครับ พระคำของพระเจ้าในข้อนี้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า ผู้ที่จะได้

รับพระพรของพระเจ้ามากหรือน้อยนั้นไม่ได้อยู่ที่พระเจ้าแต่อย่างใด แต่อยู่ที่ใครครับ ? อยู่ที่พี่ - น้องและผมหรือว่าอยู่ที่เราเองนั้นแหละ ว่าเรานั้นจะมีความยำเกรงพระเจ้าและรักษาธรรมบัญญัติของพระองค์เอาไว้ได้มากน้อยแค่ไหน

ถ้าพี่ - น้องอยากจะได้รับพระพรของพระเจ้าแต่พี่ - น้องยัง

นินทาว่าร้ายคนอื่นอยู่ :

พระพรของพระเจ้าที่พี่ - น้องอยากจะได้รับนั้นไม่ต้องพูดถึง

ขาดโบสถ์ในวันอาทิตย์ :

พระพรของพระเจ้าที่พี่ - น้องอยากจะได้รับนั้นไม่ต้องพูดถึง

ไม่สัตย์ซื่อในเรื่องสิบลด :

พระพรของพระเจ้าที่พี่ - น้องอยากจะได้รับนั้นไม่ต้องพูดถึง

จ่ายให้กับลัทธิผิวขาวมากกว่าการมีส่วนร่วมในพระราชกิจของพระเจ้า :

พระพรของพระเจ้าที่พี่ - น้องอยากจะได้รับนั้นไม่ต้องพูดถึง

ทำบาปช๊อพๆอยู่ พี่ - น้องรู้จักไหมครับบาปช๊อพๆไหมครับ ? บาปช๊อฟๆคือ ซื้อเกินความจำเป็นมากกว่าที่จะสงเคราะห์หรือช่วยเหลือผู้อื่น :

พระพรของพระเจ้าที่พี่ - น้องอยากจะได้รับนั้นไม่ต้องพูดถึง

ทำบาปน่ารักๆอยู่ พี่ - น้องรู้จักไหมครับ ? บาปน่ารักๆพวกนี้เป็นอย่างไร  

บาปน่ารักๆประเภทนี้ได้แก่ ไม่ใช่กิ๊ก ไม่ใช่แฟน เป็นแต่เพียงแค่คนรู้ใจ

หรือไม่มีอะไร (ทั้งๆที่มีแต่บอกว่าไม่มีอะไร) หรือพี่เขาคิดไปเอง (ทั้งๆที่เองก็คิดกับเขาด้วยเหมือนกันนั่นแหละ) เธอคิดมากไปหรือเปล่า (จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไรก็เล่นไม่กลับบ้านทั้งคืน)

พระพรของพระเจ้าที่พี่ - น้องอยากจะได้รับนั้นไม่ต้องพูดถึง ซึ่งในเวลานี้คนทำบาปประเภทนี้เยอะนะครับไม่เว้นแม้แต่คริสเตียน

ดังนั้นขอพระเจ้าเมตตาที่พี่ - น้องจะเข้าใจในเรื่องพระพรของพระเจ้าผ่านพระคำของพระองค์ในเช้าวันนี้มากขึ้นให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

           

           

Green City