คุณค่าของความทุกข์ยาก

คำเทศนาเรื่อง คุณค่าของความทุกข์ยาก

รม.5:3-4 ยิ่งกว่านั้น เราชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้นทำให้เกิดความอดทน และความอดทนทำให้เกิดมีประสบการณ์ และประสบการณ์ทำให้เกิดมีความหวังใจ และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า คุณค่าของความทุกข์ยาก

พี่น้องที่รักครับ เกือบสิบปีที่ผ่านมานี้เศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างไรบ้างครับ ? ไม่ค่อยจะสู้ดีนักและมันจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกหลายปี ขึ้นชื่อว่า “ความทุกข์ยาก” คงจะไม่มีใครอยากเผชิญจริงหรือไม่จริงครับพี่น้อง ? แต่ในที่สุดแล้วก็ไม่มีมนุษย์คนใดในโลกใบนี้ที่จะหลีกหนีความทุกข์ยากลำบากนี้ไปได้

ซึ่งโดยแท้จริงแล้ว ความทุกข์ยากลำบากนี้มาจากพระเจ้าไหมครับ ? ถ้าเราตัดเรื่องที่พระเจ้าทรงทดสอบโยบออกไป อาจจะกล่าวได้ว่า “ความทุกข์ยากลำบาก” ของมนุษย์นั้นไม่ได้มาจากพระเจ้าเลย

แต่ความทุกข์ยากลำบากนั้นมาจาก การที่อาดำ-เอวาซึ่งเปรียบเสมือนพ่อ-แม่ของมวลมนุษย์ชาติของโลกได้ล้มลงในความบาปผ่านการไม่เชื่อฟังพระเจ้า มนุษย์เริ่มที่จะพบกับความทุกข์ยากลำบากจากนั้นเป็นต้นมา

ปฐก.3:16 พระองค์ตรัสแก่หญิงนั้นว่า "เราจะเพิ่มความทุกข์ยากให้มากขึ้นแก่เจ้าและการตั้งครรภ์ของเจ้า เจ้าจะคลอดบุตรด้วยความเจ็บปวด เจ้ายังต้องการสามีของเจ้า และเขาจะปกครองเจ้า"

เมื่อมีสตรีคนหนึ่งที่กำลังจะคลอดออกมาเกิดอะไรขึ้นครับ ? คนที่กำลังจะเป็นแม่คนจะต้องแม่ร้องโอดโอยออกมา เด็กที่คลอดมาแล้วมีเด็กคนไหนบ้างไหมครับ ที่คลอดออกมาแล้วหัวเราะออกมาเลยมีไหมครับ ? ร้องอุแว้ๆๆ

ภายหลังจากที่อาดำ-เอวาซึ่งเปรียบเสมือนพ่อ-แม่ของมวลมนุษย์ชาติของโลกได้ล้มลงในความบาปผ่านการไม่เชื่อฟังพระเจ้าธรรมชาติของมนุษย์ที่เกิดมา เกิดมาพร้อมกับความทุกข์ยากลำบากในทันที

พระคำของพระเจ้าใน ยบ.5:7 ตรัสดังนี้ว่า แต่มนุษย์เกิดมาเพื่อแก่ความยากลำบาก อย่างประกายไฟย่อมปลิวขึ้นบน

ประกายไฟย่อมปลิวขึ้นข้างบน จริงหรือไม่จริงครับพี่น้อง ? ความหมายก็คือว่า มนุษย์ที่เกิดมาทุกคนย่อมหนีความทุกข์ยากไม่พ้น โยบกำลังบอกว่าให้มนุษย์ยอมรับความจริงในข้อนี้

แต่พระคำของพระเจ้าใน รม.5:3-4 ที่เราได้อ่านร่วมกัน ซึ่งท่าน อัครฑูตเปาโลเป็นผู้เขียนพระธรรมเล่มนี้เอาไว้ ได้บอกกับเราว่า เราไม่เพียงยอมรับความจริงในข้อนี้เท่านั้น เพราะถ้าเราเพียงแต่ยอมรับความจริงนี้ เราก็จะเอาแต่บ่นถึงความทุกข์ยากลำบาก ซึ่งการบ่นดีไหมครับ ?

โย่ง เชิญยิ้ม เคยเล่นมุกเอาไว้ว่า เขามีลูก 2 คนคนโตอยู่ทางเหนือ ลูกคนที่ 2 อยู่ทางใต้ ไอ้ลูกคนที่อยู่เหนือก็อยากให้แม่ไปอยู่ที่ใต้ เอาลูกคนที่ใต้ก็อยากให้แม่ไปอยู่ที่ทางเหนือ เขาก็เลยลำบากใจไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนดี แต่โดยแท้จริงแล้วลูกทั้ง 2 คนมันอยากรับพ่อแม่ไว้ไหมครับ ?

ลูกหลายคนเวลานี้เอาพ่อแม่ไปไว้ที่บ้านพักคนชราเพราะว่าพ่อแม่ขี้บ่น การบ่นนอกจากมนุษย์จะไม่ชอบแล้ว พระเจ้าก็ไม่ชอบด้วยและเพราะการบ่นนี่เองจึงเป็นเหตุทำให้อิสราเอลต้องเดินอยู่ในถิ่นทุรกันดารนานถึง 40 ปี

พระคำของพระเจ้าใน รม.5:3-4 ที่เราได้อ่านร่วมกัน ซึ่งท่าน อัครฑูตเปาโลเป็นผู้เขียนพระธรรมเล่มนี้เอาไว้ ได้บอกกับเราว่า เราไม่เพียงยอมรับความจริงในข้อนี้เท่านั้น เพราะถ้าเราเพียงแต่ยอมรับความจริงนี้ เราก็จะเอาแต่บ่นถึงความทุกข์ยากลำบาก

แต่ท่าน อ.เปาโล ได้บอกกับเราว่า เราควรที่จะมองความทุกข์ยากในอีกแง่มุมหนึ่งด้วยนั่นคือ ให้เรามองหาคุณค่าในความทุกข์ยากนั้น เพื่อคนของพระเจ้าจะสามารถเผชิญกับความทุกข์ยากลำบากนั้นได้อย่างกล้าหาญและรับประโยชน์จากเรื่องนี้อย่างเต็มที่ด้วย

ดังนั้นในเช้าวันนี้ให้เรามาดูคุณค่าของความทุกข์ยากลำบากด้วยกัน

ประการที 1. อยู่ใน รม.5:3 ยิ่งกว่านั้น เราชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากด้วย

มีคนไม่เชื่อพระเจ้าหลายคนนะครับ ที่ชอบแซวพวกเราว่า ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ชอบ 1.ขอบคุณพระเจ้า อะไรๆก็ขอบคุณพระเจ้า 2.ซาดิสต์ คำถามคือว่าซาดิสต์อย่างไร ? เขาบอกว่าเพราะพระคัมภีร์สอนให้คริสตศาสนิกทุกคนมีความยินดีในความทุกข์ยากลำบากอย่างนั้นไม่เรียกว่าซาดิสต์หรือ ?

ให้เราดูพระคำของพระเจ้าใน ยก.1:2-4 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า “ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อท่านทั้งหลายประสบความทุกข์ยากลำบากต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะท่านทั้งหลายรู้ว่า การทดลองความเชื่อของท่านนั้นทำให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง และจงให้ความมั่นคงนั้นบรรลุผลอันสมบูรณ์เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่ดีพร้อม มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย”

พระคำของพระเจ้าในยก.1:2-4 บอกกับเราว่า เราชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากได้ 1.เพราะความทุกข์นั้นจะทำให้เราเกิดความหนักแน่นมั่นคง 2. เพราะความเชื่อที่เรามีในพระเจ้าจะทำให้เราเป็นคนที่มีความหนักแน่นและมั่นคง 3. เพราะความทุกข์ยากนั้นจะทำให้เราเป็นคนที่ดีพร้อม ก่อนหน้านี้ดีอยู่แล้ว แต่พอมีปัญหาเข้ามาทำให้เราเป็นคนที่ดีมากขึ้น สงบมากขึ้น 4.เพราะความทุกข์ยากนั้นจะทำให้เราเป็นคนที่มีความบกพร่องน้อยและมีความสง่างาม

ซึ่งนั่นหมายความว่า การที่พระเจ้าสอนให้เรามีความชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากลำบากนั้น ไม่ได้หมายความว่า คริสเตียนนั้นเป็นพวกชอบซาดิสต์แต่ประการใด

แต่พระคำของพระเจ้าในยก.1:2-4 กำลังสอนให้เรามองความทุกข์ยากลำบากในแง่ดีหรือในแง่บวกต่างหาก อีกทั้งสอนเราว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรานั้นล้วนให้บทเรียนแก่ชีวิตของเราได้เสมอ

ผมอยากเรียนกับพี่น้องอย่างนี้ครบว่า ทุกสิ่งที่เข้ามากระทบชีวิตของเรา สิ่งนั้นจะ “วัด” เรา “สร้าง” เรา และ “สอน” เราเสมอ

Q : คือ “วัด”อะไร ? “วัด” ความเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กในเรื่องนั้น

Q : คือ “สร้าง” อะไร ? “สร้าง” ให้เรามีชีวิตที่แข็งแกร่งขึ้น

Q : สอน อะไร ? “สอน” ให้เรามีการดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างเดิมอีก

ประการที่สำคัญนั่นก็คือว่า พระเจ้าก็ทรงสร้างคนของพระองค์ให้เข้มแข็งผ่านความทุกข์ยากลำบากนี้ด้วย

คุณค่าของความทุกข์ยากลำบาก ประการที่ 2 อยู่ใน รม.5:ต้นข้อที่ 4 และความอดทนทำให้เกิดมีประสบการณ์

สดด.23:4 แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์ คทาและธารพระกรของพระองค์เล้าโลมข้าพระองค์

“หุบเขาเงามุจราช” คือ ตัวแทนของความทุกข์ยากลำบาก

พระคำของพระเจ้าพูดชัดเจนนะครับว่า พระเจ้าไม่ได้พาดาวิดเดินอ้อมหุบเขาแต่อย่างใด การเดินอ้อมหุบเขา คือ การเดินอ้อมปัญหา การเดินอ้อมปัญหาสบายก็จริง แต่เราจะไม่แข็งแกร่ง

การเดินอ้อมปัญหา ทำให้เกิดความสบาย แต่ความสบายจะทำลาย 1.ความคิดริเริ่ม 2.ความกระตือรือร้น 3.ความสบายจะทำให้ชีวิตเปราะบาง

พระคำของพระเจ้าแม้ว่าจะไม่ได้ตรัสตรงตามตัวอักษรตรัสว่า พระเจ้านั้นทรงรักดาวิด แต่ถ้าเราอ่านในสสดุดีทั้งหมดเราก็พอที่จะเข้าใจได้ว่า พระเจ้านั้นทรงรักดาวิด ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงต้องสร้างให้ดาวิดเก่งและแกร่ง ผ่านอุปสรรคปัญหาที่ดาวิดมีอยู่ในเวลานั้นไปให้ได้ เพื่อที่ดาวิดนั้นจะปกครองอิสราเอลได้อย่างน่าเกรงขาม

สดด.23:4 บอกกับเราว่าในความทุกข์ยากลำบากนั้น ดาวิดเขามีประสบการณ์กับพระเจ้า ด้วยเหตุนี้ดาวิดจึงได้กล่าวเอาไว้ว่า ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายสิ่งใดๆ การมีพระเจ้าจึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุดในชีวิตของดาวิด

ถ้าพี่น้องรักคนที่พี่น้องรัก พี่น้องต้องพาเขาเดินไปกับความทุกข์ยากลำบากนั้น เพื่อที่เขาจะ 1. อดทนและมีประสบการณ์แห่งการช่วยเหลือช่วยกู้จากพระเจ้า 2. สามารถที่จะพูดแบบเดียวกับดาวิดว่า “ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายสิ่งใดๆ” 3. เห็นพระเจ้าว่าพระองค์ทรงมีคุณค่าในความทุกข์ยากลำบากนั้น

การที่ดาวิดไม่กลัวสิ่งใดๆแม้ว่าเขาจะต้องเดินผ่านหุบเขาเงามัจจุราชก็เพราะว่า “เรามีพระเจ้า” และพระเจ้าสถิตย์อยู่ด้วยกับคนของพระองค์ ดังนั้นคนของพระเจ้าจึงได้เปรียบกว่าคนไม่มีพระเจ้า

คนไม่มีพระเจ้าเขามีหลักปรัชญาและเขามีแนวคิดที่ดี เขาจึงมีการดำเนินชีวิตที่ดีได้ คนของพระเจ้าไม่เพียงแต่จะต้องมีหลักปรัชญาและมีแนวคิดที่ดีในการดำเนินชีวิตเท่านั้นแต่เรายังมีพระเจ้าที่แสนดีสถิตอยู่ในชีวิตของเราด้วย

ด้วยเหตุนี้เมื่อเราต้องพบกับปัญหาและอุปสรรค เราไม่ต้องกลัว ให้เราบอกกับคนข้างซ้าย-ข้างขวาว่า ความลำบากสร้างคน ความสบายทำลายคน

คุณค่าของความทุกข์ยากลำบาก ประการที่ 3 อยู่ใน รม.5: ปลายข้อที่ 3 และประสบการณ์ทำให้เกิดมีความหวังใจ

พี่น้องที่รักครับ ประสบการณ์แห่งความทุกข์ยากลำบากจะทำให้เรานั้นได้ข้อคิดและมีความหวังใจอะไรบางอย่างในชีวิต Ex.เช่น ความลำบากมาก่อนความสำเร็จเสมอ และนักธุรกิจรุ่นเก่าๆที่มีชื่อเสียงหลายคนที่ประสบความสำเร็จในวันนี้ต่างผ่านพ้นความทุกข์ยากลำบากนี้มาก่อนทุกคน แตกต่างจากทายาทของเศรษฐีรุ่นใหม่ในเวลานี้ที่หลายคนปวกเปียก บอบบางเพราะไม่มีโอกาสสร้างความเข้มแข็งให้กับชีวิต

ประสบการณ์แห่งความทุกข์ยากลำบากจะทำให้เรานั้นได้ข้อคิดและมีความหวังใจอะไรบางอย่างในชีวิต Ex. เช่น มีดจะคมได้ต้องมีหินลับมีด ชีวิตคนจะคมได้ต้องมีหินลับชีวิต และหินลับชีวิตคนที่ดีที่สุดของมนุษย์ คือ ความทุกข์ยากลำบากหรืออุปสรรคปัญหา

เมื่อเราพบกับความทุกข์ยากลำบากหรืออุปสรรคปัญหา สมองของเราจะคิด จะเค้น จะทำงานมากขึ้น เมื่อสมองทำงานมากขึ้น สมองก็จะมีการพัฒนามากขึ้นด้วย

ดังนั้นกว่าคนหนึ่งจะเอาชนะความทุกข์ยากลำบากหรืออุปสรรคปัญหามาได้ เราต้องลงทุนลงแรง ลงเหงื่อ ลงน้ำตา แต่ทุกอย่างที่เราลงไปมันจะไม่สูญเปล่าแน่นอนเพราะมันจะทำให้ชีวิตของเราแหลมและคมมากขึ้น

ประสบการณ์แห่งความทุกข์ยากลำบากจะทำให้เรานั้นได้ข้อคิดและมีความหวังใจอะไรบางอย่างในชีวิต Ex. เช่น คนที่ไม่เชื่อในพระเจ้านั้นเขาจะคิดว่ามันเป็นเวรเป็นกรรม หลายคนจึงไปขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยแทน แต่คนของพระเจ้าจะคิดว่า “ปัญหามีไว้แก้ มารมีไว้ให้ชนะ”

ประสบการณ์แห่งความทุกข์ยากลำบากจะทำให้เรานั้นได้ข้อคิดและมีความหวังใจอะไรบางอย่างในชีวิต Ex. เช่น เราต้องคิดเสมอว่า ทุกปัญหานั้นมีทางออกและมีคำตอบเสมอ

ท่าน อ.วงศ์พัชร พูดกับพี่น้องเสมอว่า พระคัมภีร์ทั้ง 66 เล่มนั้น พูดอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ ปัญหาของมนุษย์ กับทางออกของพระเจ้า ดังนั้นในทุกปัญหาจึงมีทางออกและมีคำตอบเสมอ

ดังนั้นเมื่อพี่น้องจะต้องเจอความทุกข์ยากลำบากอย่าหมดหวังแต่ให้เราเผชิญกับปัญหานั้น พระคำของพระเจ้าสนับสนุนให้เราพยายามมองปัญหาในมุมต่างๆเพื่อให้เราพบคุณค่าที่ปัญหานั้นจะสอนเรา

สุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุดให้เราดูใน รม.8:37 แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ เรามีชัยยิ่งกว่าผู้พิชิตโดยพระองค์ผู้ได้ทรงรักเราทั้งหลาย ขอให้พี่น้องได้โปรดจำไว้นั่นก็คือ ท่ามกลางอุปสรรคปัญหาและความทุกข์ยากลำบากนั้น เราจะมีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้เสริมกำลังเราทั้งหลาย

ท้ายสุดสิ่งที่แย่ยิ่งกว่าความทุกข็ยากลำบากคืออะไรพี่น้องทราบไหมครับ ? ความทุกข์ยากลำบากอาจจะเป็นอุปสรรคในบางช่วงของชีวิต แต่ความทุกข์ยากลำบากไม่ใช่สิ่งที่แย่เสมอไป สิ่งที่ทุกข์ยากลำบากยังมีประโยชน์กับเรา

แต่สิ่งที่แย่กว่าความทุกข์ยากลำบากนั่นก็คือ ความเฉื่อยชา 1.ความเฉื่อยชานั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย 2.ความเฉื่อยชาทำให้เราใช้ชีวิตไปวันๆ 3.ความเฉื่อยชาทำให้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือไม่มีการพัฒนาอะไรเลย 4.ความเฉื่อยชาเป็นชีวิตที่ไร้ประโยชน์ เป็นชีวิตที่ไร้คุณค่า เป็นชีวิตที่ไม่มีผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น เป็นชีวิตที่ไม่มีความก้าวหน้าแต่อย่างใด ชีวิตที่ไร้ประโยชน์ ชีวิตที่ไร้คุณค่า ชีวิตที่ไม่มีผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่นชีวิตที่ไม่มีความก้าวหน้าคือขยะ

ดังนั้นคนที่ปรารถนาที่จะ 1.มีชีวิตที่ก้าวหน้า 2.ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า เขาจะต้องไม่กลัวอุปสรรคปัญหาหรือไม่กลัวความทุกข์ยากลำบาก เพราะทุกชีวิตที่ต้องการ 1.ความก้าวหน้า 2.ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าจะต้องถูกรายล้อมด้วยความยากลำบากเสมอ

สรุปพระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้

ประการที 1. ให้เราชื่นชมยินดีในความทุกข์ยาก

ประการที่ 2 ความอดทนทำให้เกิดมีประสบการณ์

ประการที่ 3 ประสบการณ์ทำให้เกิดมีความหวังใจ

Green City