คำเทศนาเรื่อง ความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์
ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้า 3 ตอนด้วยกัน จากพระธรรมอพยพและจากพระธรรม 1ซามูเอล สุดท้ายจากพระธรรม เนหะมีย์ ให้ที่ประชุมเปิดไปที่พระธรรม (1) อพย. 2:11-12 (2) 1 ซมอ. 17:32 - 58 (3) นหม.1-2 แล้วอ่านพร้อมๆกันอย่างๆช้าด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ
พี่ - น้องที่รักครับ ในสมัยที่ผมเป็นเด็ก ผมชอบดูการ์ตูนอยู่หลายๆเรื่องด้วยกันแต่มีอยู่เพียงไม่กี่เรื่องที่ผมชอบ ผมชอบการ์ตูนเรื่องไอ้มดแดง ผมชอบการ์ตูนเรื่องโดราเอมอนและการ์ตูนอีกเรื่องหนึ่งที่ผมชอบนั่นก็คือเรื่องป๊อปอายซึ่งผมจะพูดถึงการ์ตูนเรื่องนี้
การ์ตูนเรื่องนี้มีตัวเดินเรื่องอยู่ 3 ตัวด้วยกัน ตัวแรกซึ่งเป็นพระเอกของการ์ตูนเรื่องนี้นั่นก็คือ ป๊อบอาย ซึ่งมีอาชีพเป็นกะลาสีเรือ ป๊อปอาย นั้นมีแฟนชื่อ โอลีฟออยล์ ซึ่งมีรูปร่างลักษณะ สูง ยาว เข่าดี การ์ตูนเรื่องนี้จะขาดสีสันไปในทันที ถ้าขาดตัวการ์ตูนตัวนี้นั่นก็คือ บลูตัส ซึ่งจะเป็นคู่ต่อสู้ของป๊อปอายอยาตลอดเวลา
ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่ โอลีฟ ออยล์ ถูกเจ้า บลูตัส กลั่นแกล้ง เขาก็จะตะโกนเรียกให้ ป๊อปอาย ช่วยเขาด้วย และเมื่อ ป๊อปอาย ได้ยินเสียงเรียกนั้นเขาก็จะมีความไม่พึงพอใจเจ้า บลูตัส ในทันที่ ซึ่งตอนแรกๆที่ ป๊อปอาย ออกไปช่วย โอลีฟ ออยล์ ดูเหมือน ป๊อปอาย จะแพ้จะ บลูตัส ไปเสียทุกครั้ง
แต่พอสู้กันไป สู้กันมาได้สักพักหนึ่ง เจ้าป๊อปอายเริ่มที่จะสู้ไม่ค่อยได้แล้วไอ้เจ้ากระป๋องผักขมนั้นมันลอยมาจากที่ไหนก็ไม่ทราบ แต่ที่ผมทราบก็คือว่าเจ้าผักขมนี้มันจะโผล่มาในทุกๆตอน และมันมักจะโผล่มาในตอนนี้เหมือนกับหนังไทยบ้านเรา ที่ตำรวจมักจะโผล่มาตอนใกล้ๆจะจบ
แต่พอ ป๊อปอาย ได้กินเจ้าผักขมนี้เข้าไปแล้วทำให้เขานั้นได้รับกำลังที่พิเศษอะไรบางอย่างขึ้นมา และภายหลังจากที่เจ้า ป๊อปอาย กินผักขมนี้เข้าไปไม่นานเขาก็จะสามารถที่จะเผด็จศึกเจ้า บลูตัส ขึ้นมาได้ในทุกๆที
สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อกับพี่ - น้องนั่นก็คือ ความไม่พึงพอใจที่ ป๊อปอาย มีนั้น เรียกว่า ความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ พ่อแม่หลายคนที่เห็นผลการเรียนของลูกในเทอมที่ผ่านมาซึ่งไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาตั้งใจเอาไว้ นี่เรียกว่า ความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์
ศิษยาภิบาลหลายคนเห็นพี่ - น้องสมาชิกหลายคนในคริสตจักร 1. ได้ล้มลงในความบาป 2.ไม่ได้เติบโตกับพระเจ้าอย่างที่ควรจะเป็นนี่คือ ความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์
หลายคนที่กำลังฟังพระวจนะ และคิดตามในสิ่งที่ผมกำลังแบ่งปันอยู่ในเวลานี้ อาจจะกำลังคิดอยู่ภายในจิตใจของท่านในทำนองที่ว่า เอ้.......อาจารย์กำลังบอกเราว่า ความไม่พึงพอใจนั้น มีทั้งที่บริสุทธิ์และมีทั้งที่ไม่บริสุทธิ์อย่างนั้นหรือ
คำตอบก็คือใช่.....ถูกต้อง.....และโดยส่วนมากมนุษย์เราก็มักจะมีแต่ความไม่พึงพอใจกันเสียเป็นส่วนมาก แต่มีไม่มากเท่าไหร่นักที่มนุษย์นั้นมักจะมีความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์นี้
พี่ - น้องอาจจะไม่รู้จักดร.บ๊อบ เพี๊ยส ก็ไม่เป็นไร แต่ผมเชื่ออย่างมั่นใจว่าหลายๆคนที่นั่งอยุ่ที่นี่คงจะรู้จักกับ World Vision ไม่มากก็น้อย ถ้ายังไม่รู้จักผมคิดว่าอย่างน้อยพี่ - น้องน่าที่จะรู้จัก มูลนิธิศุภนิมิตในประเทศไทย ซึ่งถ้าพูดถึงขนาดนี้และท่านยังไม่รู้จักอีก ผมขอพูดคำหนึ่งได้ไหมครับว่า พี่ - น้องเซาะกราวจริงๆ
ดร.บ๊อบ เพ๊ยซ ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวอีกทั้งเป็นผู้นำคริสตชนคนหนึ่งในคริสตจักรแห่งหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา เขาได้มีโอกาสเข้าไปทำข่าวที่ประเทศเกาหลีและในอีกหลายๆประเทศ ซึ่งประเทศเกาหลีในเวลานั้น ได้ชื่อว่าเป็นประเทศหนึ่งของโลกที่อดอยากเป็นอย่างมาก
ดร.บ๊อบ เพี๊ยส เขาได้เห็นถึงการหิวโหยของหญิงหม้ายและเด็กกำพร้าเขาเห็นถึงการขาดการศึกษาและที่สำคัญเขาเห็นถึงอนาคตของโลก เมื่อเขาเดินทางกลับมายังที่คริสตจักรและกลับมายังประเทศของเขาที่สหรัฐอเมริกา
เขาได้บอกกับผู้นำในคริสตจักรและบอกกับนักธุรกิจชาวสหรัฐอเมริกาว่า มันจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป โดยที่เราไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ พี่ - น้องที่รักครับ นี่คือความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์
และด้วยเหตุนี้นี่เองพี่ - น้องที่รักครับ เขาจึงได้ก่อตั้งมูลนิธิขึ้นมาและเขาได้ระดมทุนจากพี่ - น้องสมาชิกในคริสตจักรและได้แบ่งปันเรื่องราวเหล่านี้ออกไปยังนักธุรกิจชาวอเมริกัน
ขอบพระคุณพระเจ้าที่ปัจจุบัน มูลนิธินี้ได้ตั้งมาเป็นระยะเวลา 62 ปีและมีพันธกิจนี้มากกว่า 100 กว่าประเทศทั่วโลก ในส่วนของประเทศไทยตั้งมาแล้วกว่า 28 ปี และปัจจุบันมูลนิธินี้ ได้ให้ทุนการศึกษาแก่เด็กทั่วโลก ซึ่งโดยส่วนมากไม่ได้เป็นคริสเตียนมากกว่า 1,000,000 คน / ปี
มาร์ติน ลูเธอร์ เป็นคนหนุ่มที่มีสติปัญญาที่ดีมากๆคนหนึ่ง คณะสงฆ์คาทอลิคใน
สมัยนั้นจึงสนับสนุนให้เขานั้นได้ศึกษาศาสนศาสตร์ระดับสูง ถ้าจะเทียบก็คงจะเทียบได้กับระดับปริญญาโทของระบบการศึกษาในสมัยนี้ก็ว่าได้
แต่เมื่อมาร์ติน ลูเธอร์ ได้พบความจริงอะไรบางอย่างของพระศาสนจักรคาทอลิค ซึ่งพี่ - น้องต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า พระคัมภีร์ที่เราถือกันอยู่ในสมัยนี้นั้นเมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมาเขาสงวนเอาไว้ให้กับนักบวชเท่านั้น ฆราวาสอย่างพวกท่านไม่มีสิทธิที่จะอ่านพระคำของพระเจ้าแต่อย่างใด
ดังนั้นอาร์คบิชอบ , บิชอบ , บาทหลวง , ดีน ซึ่งดูแลเขตการปกครองของพระศานสนจักรคาทอลิคจะสอนอะไรแก่ฆราวาสพวกเขาก็จะเชื่อฟังพระนักบวชเหล่านั้นทั้งหมด
ดังนั้นเมื่อพระนักบวชสอนว่า ใครทำบาปมากก็จะต้องซื้อใบชำระบาปมาก และพวกเขาซื้อไหมครับ ? อันนี้คือคริสตพาณิชย์
ดังนั้นเมื่อพระนักบวชสอนว่า ใครทำบาปมาก็ต้องมาสารภาพบาปกับบาทหลวงเท่านั้น ซึ่งพวกเขาทำไหมครับ ?แต่เมื่อมาร์ติน ลูเธอร์ ทราบว่าโดยแท้จริงแล้วคำสอนขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าไม่ได้ตรัสเอาไว้อย่างนั้นเขาจึงรู้สึกรับไม่ได้
พี่ - น้องที่รักครับ การที่มาร์ติน ลูเธอร์ รู้สึกรับไม่ได้นี่คือ ความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ ด้วยเหตุนี้ มาร์ติน ลูเธอร์ เขาจึงเริ่มคัดลอกพระคัมภีร์เป็นภาษาต่างๆและส่งไปให้หลายๆคนช่วยกันคัดลอก จากเล่มหนึ่งไปสู่อีกเล่มหนึ่ง จาก 1 ไป 2 จาก 2 ไป 4 และขยายผลทวีคูณไปเรื่อยๆ ซึ่งเปรียบเสมือนกับการ Xe - Rox หรือถ่ายสำเนาเอกสารเหมือนกับในสมัยนี้
และเมื่อความจริงในเรื่องนี้ได้ปรากฏขึ้นกับผู้เชื่อแล้วพี่ - น้องคิดว่าเป็นอย่างไรครับ ฆราวาสหรือผู้เชื่อเหล่านั้นต่างลุกขึ้นมาเผาและทำลายพระศาสนจักรกันในวงกว้างเหตุเพราะถูกหลอกมาโดยตลอดซึ่งอันนี้เป็นความไม่พึงพอใจของมนุษย์โดยทั่วไป
ดังนั้นพี่ - น้องจะต้องแยกให้ออกนะครับว่า อะไรคือความไม่พึงพอใจประเภทไหนอย่างไร เขาพูดกันว่า เงินของผู้เชื่อที่ซื้อใบชำระบาปในสมัยนั้น ส่งผลเสถียรภาพทางการเงินของพระศาสนจักรคาทอลิคให้มีฐานะที่มั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้
อันนี้จะจริงหรือไม่จริงผมไม่ Confirm นะครับพี่ - น้อง และทั้งหลายทั้งปวงที่ได้กล่าวมาเป็นการอารัมภาบททั้งสิ้นยังไม่ได้เข้าสู่พระวจนะของพระเจ้าแต่อย่างใด
จากพระคำของพระเจ้าใน อพยพ 2 : 11 ที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?
เราพบว่า เมื่อกษัตริย์ฟาโรห์พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ เขานั้นไม่ได้รู้จักกับโยเซฟ พระคำของพระเจ้าตรัสว่า กษัตริย์พระองค์ใหม่เห็นทาสชาวฮีบรูในอียิปต์นั้นมีมากลูกหลานทวีมากขึ้น
เขาเกิดความคิดขึ้นมาในทำนองที่ว่า ถ้าชาวฮีบรูเหล่านี้เกิดสมคบกับศัตรูขึ้นมาและมาทำสงครามกับชาวอียิปต์ และพากันหนีออกนอกประเทศไปและพวกเขาจะทำอย่างไร
ด้วยเหตุนี้ฟาโรห์จึงตั้งนายทาส เพื่อที่จะบีบบังคับพวกชาวอิสราเอลที่ตกเป็นทาสให้ต้องทำงานหนักและสั่งนางผดุงครรภ์ชาวฮีบรู 2 คนว่า ถ้าเจ้าทำคลอดให้กับผู้หญิงชาวฮีบรูและถ้าเด็กที่คลอดออกมานั้นเป็นผู้ชายให้ฆ่าทิ้งเสีย แต่นางทำไหมครับ ไม่ทำ เหตุเพราะชาวฮีบรูต้องปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้า
ด้วยเหตุนี้เอง นางจึงให้เหตุผลกับกษัตริย์ฟาโรห์ไปว่า สตรีชาวฮีบรูนั้นแข็งแกร่ง พวกเธอสามารถที่จะคลอดลูกได้ก่อนที่นางผดุงครรภ์จะไปถึง กษัตริย์ฟาโรห์จึงออกคำสั่งใหม่ ให้จับเด็กผู้ชายโยนทิ้งน้ำไนล์ให้หมดส่วนเด็กผู้หญิงให้ไว้ชีวิตเอาไว้
พระคำของพระเจ้าตรัสต่อไปในอพยพบทที่ 2 ว่า มีหญิงชายตระกูลเลวีคู่หนึ่ง อยู่กินเป็นสามีภรรยากัน ต่อมาฝ่ายหญิงได้ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งขึ้นมา ซึ่งนางได้ซ่อนเขาเอาไว้เป็นเวลา 3 เดือน แต่เมื่อนางไม่อาจซ้อนเอาไว้ได้อีกต่อไป นางจึงได้สานตะกร้าและวางเด็กลงในตะกร้าและปล่อยให้ลอยอยู่ในกอปรือริมแม่น้ำไนล์ ซึ่งพี่สาวของนางก็จับตาดูอยู่ เมื่อพระธิดาของกษัตริย์ฟาโรห์เสด็จมาก็เห็น นางจึงรู้สึกสงสารและเปิดขึ้นมาเห็นเป็นเพศชาย นางจึงรู้ว่าต้องเป็นชาวฮีบรูแน่ๆ
พี่สาวของนางจึงทูลถามพระธิดาว่า ให้ดิฉันไปหาแม่นมชาวฮีบรูมาเลี้ยงให้ไหมค่ะ พระนางจึงตรัสว่า ให้ไปหามาเถิด พี่สาวของทารกนั้นจึงกลับบ้านไปเอาแม่ของเด็กทารกนั้นมาและพระนางจึงตรัสกับแม่นมนั้นว่า เอาเด็กคนนี้ไปเลี้ยงแทนฉันและฉันจะให้ค่าจ้าง แท้ที่จริงแล้วคือลูกของใครครับ ทารกนั้นก็คือลูกของนางนั่นเอง
พระคัมภีร์ได้บันทึกต่อไปอีกว่าต่อมาเมื่อเด็กคนนั้นโตขึ้น นางจึงได้พาเด็กหนุ่มคนนี้มาเข้าเฝ้าพระธิดาของฟาโรห์ พระนางจึงรับเลี้ยงเขาไว้เป็นโอรสและให้ชื่อว่า โมเสส
พี่ - น้องที่รักครับ เนื้อเรื่องที่ผมได้เล่าให้พี่ - น้องได้ฟังมาทั้งหมดนั้นผมเชื่อว่าพี่ - น้องหลายคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อกับพี่ - น้องจะอยู่ในข้อที่ 11 และอยู่ในข้อที่ 12
ในข้อที่ 11 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า เมื่อโมเสสโตเป็นหนุ่มแล้ว วันหนึ่งเขาไปหาคนชนชาติเดียวกับเขา โมเสสเห็นพวกเขาต้องตรากตรำทำงานหนัก และได้เห็นชาวอียิปต์คนหนึ่งทุบตีชาวฮีบรูชนชาติเดียวกับตน พี่ - น้องที่รักครับนี่คือความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ของโมเสส ซึ่งเดี๋ยวเราจะกลับมาในข้อนี้อีกครั้งหนึ่ง
ในข้อที่ 12 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า โมเสสเหลียวซ้ายแลขวาเห็นว่าไม่มีใคร เขาจึงได้ฆ่าชาวอียิปต์คนนั้นแล้วหมกไว้ในทราย นี่คือความไม่พึงพอใจของมนุษย์ เพราะฉะนั้นพี่ - น้องต้องแยก 2 สิ่งนี้ให้ออกนะครับ
กลับมาที่ข้อ 11 อีกครั้งหนึ่ง พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อโมเสสมีความรู้สึกว่าทำไมชนชาติเดียวกับเขา ถึงต้องมาตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ หรือมีความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์
พี่ - น้องทราบไหมครับว่า มันได้มีอะไรบางสิ่ง บางอย่างเกิดขึ้น
เมื่อโมเสสเกิดความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์นี้ พระเจ้าผู้ทรงประทับอยู่บนฟ้าสวรรค์ ก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกันกับโมเสส พระเจ้าอาจจะตรัสอย่างนี้ก็ได้ไหมครับว่า
โมเสสเอ๋ย เราเองก็มีความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์เหมือนเจ้า และเรากำลังเสาะแสวงหาผู้ที่จะนำชนชาตินี้ออกจากแผ่นดินอียิปต์ และเวลานี้เราได้เลือกเจ้า และเราจะใช้เจ้า เป็นไปได้ไหมครับพี่ - น้องที่พระเจ้าอาจจะตรัสอย่างนี้ ?
ถ้าพี่ - น้องตอบว่าเป็นไปได้ ผมก็อยากที่จะบอกกับพี่ - น้องอย่างนี้ครับว่า
เมื่อความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ของเรานั้น ตรงกับความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ของพระเจ้า พระเจ้าจะใช้เรา
คำถามก็คือว่า อะไรคือความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ที่พี่ - น้องมีอยู่ในเวลานี้ เด็กๆในคริสตจักรที่เวลานมัสการยังวิ่งไป วิ่งมาอยู่ในห้องประชุมแห่งนี้
เหตุเพราะยังไม่มีครูรวีที่จะช่วยดูแลและรับผิดชอบอย่างเป็นทางการอยู่ในเวลานี้ อันนี้เป็นความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ของพี่ - น้องหรือไม่ ?
ถ้าพี่ - น้องเพียงแค่รำคาญ รู้สึกหงุดหงิด อันนี้ก็เป็นเพียงแค่ความไม่พึงพอใจแบบมนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้นซึ่งพระเจ้าก็คงจะไม่ใช้คนธรรมดาที่มีความรู้สึกเพียงเท่านี้อย่างแน่นอนเพราะมันธรรมดามากสำหรับพระเจ้า
แต่ถ้าพี่ - น้องรู้สึกว่าไม่อยากให้พี่ - น้องที่มานมัสการพระเจ้าต้องอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ หรือเราจะทำอย่างไรดี ที่จะให้พี่ - น้องที่มานมัสการพระเจ้าได้รับพระพรอย่างเต็มที่
พี่ - น้องที่รักครับ พระเจ้าผู้ทรงประทับอยู่บนสวรรค์สถาน ก็อาจจะตรัสกับเราอย่างนี้ก็ได้ไหมครับว่า ลูกเอ๋ย เราก็เห็นว่ามันไม่ได้เป็นระเบียบเรียบร้อยสักเท่าไหร่มานานพอสมควรแล้ว และความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ของเรานี้ตรงกับเจ้า ลูกเอ๋ย เราเสาะแสวงหาคนอย่างเจ้าและเราจะใช้เจ้า
พระเจ้าผู้ทรงประทับอยู่บนสวรรค์สถาน อาจจะตรัสอย่างนี้กับเราได้ไหมครับ ?
กลับมาที่คำถาม อีกครั้งหนึ่งว่าและวันนี้ความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ของพี่ - น้องต่อพระราชกิจของพระเจ้าผ่านทางคริสตจักรของพระองค์ที่ชื่อว่า คริสตจักรใจสมานสมุทรสงครามนั้นคืออะไร ?
จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันใน1 ซมอ.17:32-58 เราพบอะไร
เราพบว่า เจสซีซึ่งอยุ่ในวัยที่ชรามากแล้วในสมัยของกษัตริย์ซาอูลนั้น เขามีบุตรชายด้วยกันทั้งสิ้น 8 คนด้วยกันโดยมีดาวิดเป็นบุตรชายคนสุดท้อง
พระคัมภีร์ได้มีการบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนว่าพี่ชาย 3 คนแรกของดาวิดนั้นเป็นทหารติดตามกองทัพของกษัตริย์ซาอูลออกไปรบกับชาวฟิลิสเตีย ส่วนดาวิดก็ไปๆมาๆ ระหว่างฐานทัพของซาอูลกับการเลี้ยงแกะของบิดาที่เบธเลเฮม
ในข้อที่ 17 พระคัมภีร์ได้บันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนว่าเจสซีได้ให้ดาวิดซึ่งอยู่ในฐานะกองหลังนั้น คอยนำเสบียงอาหารการกินไปส่งให้พี่ชายของเขาที่ฐานทัพ อีกทั้งได้กำชับให้ดาวิดได้นำชีวิตความเป็นอยู่ของพี่ชายกลับมารายงานให้เขาได้รับทราบด้วย
พอดาวิดมาถึงค่าย เขาก็พบว่าทหารของฟิลิสเตียกับทหารของซาอูลกำลังประจันหน้ากัน พอทหารของซาอูลได้ยินเสียงของโกลิแอท ทหารของซาอูลก็พากันวิ่งหนีด้วยความกลัวยิ่งนัก
พระคัมภีร์ได้บันทึกต่อไปว่า มีทหารคนหนึ่งคุยกับดาวิดว่าเจ้ายักษ์ตัวนี้ออกมาสบประมาทพระเจ้าของอิสราเอลอยู่เป็นประจำ ผู้ที่ฆ่าเจ้ายักษ์ตัวนี้แหละจะเป็นผู้ที่กู้หน้าให้อิสราเอล และพระเจ้าก็จะประทานบำเหน็จรางวัลให้กับเขา ในข้อที่ 32 ทำให้เราทราบว่า ดาวิดนั้นมีความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ที่มีคนมาต่อว่าพระเจ้าของอิสราเอล
พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อดาวิดมีความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ พระเจ้าซึ่งประทับอยู่บนสวรรค์ตรัสว่า อาจจะตรัสอย่างนี้ได้ไหมครับว่า ลูกเอ๋ยเราก็มีความไม่พอใจที่บริสุทธิ์เหมือนกับเจ้า เราต่างมีหัวใจที่ตรงกัน และเราเสาะและแสวงหาคนที่มีหัวใจที่กล้าหาญอย่างเจ้า และเจ้าคือคนที่ขันอาสาที่จะปกป้องพระนามของเรา ลูกเอ๋ยเราเลือกเจ้า และเราจะใช้เจ้า
เมื่อดาวิดมีความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ เขาอยู่เฉยๆไหมครับ ? ดาวิดจึงเข้าไปหากษัตริย์ซาอูล เพื่อที่จะขอเป็นตัวแทนของทหารของกองทัพกษัตริย์อิสราเอล ซาอูลก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียอีกแล้ว เขาก็บอกกับดาวิดเจ้าสวมใส่ยุทธภัณฑ์เหล่านั้นไปด้วยนะ
แต่ดาวิดก็ปฏิเสธโดยเขาขอต่อสู้กับยักษ์โกลิอัทด้วยสลิงกับลูกหิน และลูกหินก้อนนั้น ก็ได้ฝังและจมลงไปในหัวสมองของยักษ์โกลิอัท ด้วยฝีมือของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้บังคับ ทิศทาง ความเร็ว ความแรงอีกทั้งบังคับเป้าให้กับเขาอย่างประจวบเหมาะกันพอดี
คำถามก็คือว่า อะไรคือความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ ที่พี่ - น้องมีอยู่ในเวลานี้
ดาวิดเมื่อครั้งตอนที่เขาเป็นคนหนุ่ม เขาได้สร้างชื่อเสียงให้กับตนด้วยการฆ่ายักษ์โกลิอัท ตรงกันข้ามกับอนุชน คนหนุ่มคนสาวในสมัยนี้ที่กับสร้างชื่อ เสีย ให้กับตนเองโดยการไปเข้าส่วนกับสิ่งที่เป็นโลกีวิสัย ทั้งที่เป็นผู้เชื่อและไม่ได้เป็นผู้เชื่อเวลานี้มันแทบไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลย
ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีคำพูดของคนที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้าออกมาจากปากของเขาในทำนองที่ว่า คริสตไม่คริสตก็เหมือนกัน อันนี้เป็นความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ของพี่ - น้องหรือไม่
การที่เราต้องเห็นคนที่เรารู้จักและไม่รู้จัก ตายจากเราไปในแต่ละวันโดยที่เขานั้นยังไม่ได้รู้จักกับพระเจ้า อันนี้เป็นสิ่งที่พี่ - น้องทนไม่ไหวต่อไปอีกแล้วหรือไม่
พี่ - น้องที่รักครับ ถ้าพระทัยของพระเจ้ากับใจของพี่ - น้องมุ่งไปด้วยกันมีความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์เหมือนกันว่าฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ในเรื่องนั้นเรื่องนี้ เหมือนกับที่
- 1.มาร์ติน ลูเธอร์เคยมี 2. บ๊อบ เพียสซ์เคยมี 3. โมเสสเคยมี 4. ดาวิดเคยมี
พระเจ้าจะใช้พี่ - น้องแต่พี่ - น้องจะต้องมีคำตอบที่ชัดเจนว่า อะไรคือความไม่
พึงพอใจที่บริสุทธิ์ที่พี่ - น้องมีอยู่ในเวลานี้
ขอบคุณพระเจ้าเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในขณะที่ผมกำลังเดินซื้อของกับครอบครัวอยู่ที่บิ๊กซีเพชรบุรี มีพี่ - น้องของเราคนหนึ่งโทรเข้ามาหาผม บอกกับผมว่าพี่อยากแบ่งเบาภาระของอาจารย์ พี่อยากให้อาจารย์แบ่งรายชื่อพี่ - น้องในคริสตจักรออกมา และให้ผู้นำในคริสตจักรได้ช่วยกันโทรเยี่ยมเยียน หรือมีเวลาก็ออกเยี่ยมพี่ - น้องของเราและพี่อยากให้อาจารย์ ทำอย่างนี้ อย่างนี้ พี่ - น้องที่รักครับ นี่คือความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์
อะไรคือความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ ที่พี่ - น้องมีอยู่ในเวลานี้?
จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันใน นหม.1-2 เราพบอะไร
เราพบว่าเนหะมีย์เขาได้พูดคุยกับเพื่อชาวยิวคนหนึ่งซึ่งเพื่อนชาวยิวคนนี้ได้เล่าให้เนหะมีย์ฟังว่า กำแพงและประตูเมืองเยรูซาเล็มอยู่ในสภาพที่ปรักหักพัง พอเนหะมีย์ได้ฟังข่าวอย่างนี้แล้วเป็นอย่างไรครับ ?
ข่าวนี้ทำให้เนหะมีย์มีความไม่สบายใจ
ข่าวนี้ทำให้เนหะมีย์มีความมีความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์
ขอให้พี่ - น้องได้เข้าใจในความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์นี้ผ่านเรื่องราวของเนหะมีย์เพิ่มเติมด้วยนะครับว่า เมื่อเหนะมีย์เขามีความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์
เนหะมีย์เขาไม่ได้เอาแต่พูดหรือบ่น
เนหะมีย์เขาไม่ได้คิดหรือเสียงดังหน้าแดงแต่แรงไม่ออก
พระคำของพระเจ้าได้มีการบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนว่าในนหม.2:5ว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เนหะมีย์เขากล้าพอที่จะขอพระบรมราชาอนุญาตจากกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส
ซึ่งนั่นหมายความว่า เนหะมีย์เขายอมที่จะทิ้งตำแหน่งหรือขอลาออกจากหน้าที่ในรัฐบาลเปอร์เซียเป็นการชั่วคราวเพื่อออกเดินทางไปเยรูซาเล็มเพื่อกระตุ้นให้ชาวยิวที่มีอยู่ในเวลานั้น ได้ร่วมมือกับเขา ในการที่จะสร้างกำแพงและประตูเมืองขึ้นใหม่
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ทำให้ผมคิดถึงภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่มีชื่อว่า Chariots of Fire บทสร้างของภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นเรื่องจริงซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1924 ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลอาคาเดมี อวอรด์ ถึง 4 รางวัลด้วยกัน หลักใหญ่ใจความของหนังเรื่องนี้ก็คือว่า
มีนักวิ่งของประเทศอังกฤษ 2 คน ซึ่งเป็นนักวิ่งที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก คนหนึ่งมีชื่อว่า เอริค รีดเดอร์ เป็นลูกของมิชชั่นนารีที่คุณพ่อของเขานั้นรับใช้พระเจ้าอยู่ในประเทศจีน ซึ่ง เอริคนั้นถูกเลี้ยงดูขึ้นมาในทางของพระเจ้าโดยคุณพ่อของเขาสอนให้ เอริค นั้นรักพระเจ้าที่สุดในชีวิต
ส่วนนักวิ่งอีกคนหนึ่งมีชื่อว่า อับราฮัม ซึ่งเป็นชาวยิว
ทั้งเอริคและอับราฮัม นั้น มีเป้าหมายในการวิ่งที่แตกต่างกัน
เอริคนั้นมีเป้าหมายในการวิ่งเพื่อพระเจ้า ส่วนอับราฮัมนั้นมีเป้าหมายในการวิ่งเพื่อให้คนอังกฤษนั้น ยอมรับนับถือคนยิวที่อาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษในเวลานั้น
เมื่อการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ประเภทกรีฑาเข้ามาสู่รอบชิงชนะเลิศ ปรากฏว่ากรรมการได้จัดให้ เอริค ลงแข่งขันวิ่งชิงชนะเลิศ 100 ม. ชาย ในวันอาทิตย์พอดี ส่วนเพื่อนของเขาคืออับราฮัม ลงแข่งขันวิ่งชิงชนะเลิศ 400 ม. ชายในวันพฤหัสบดี
พี่ - น้องทราบมั้ยครับว่า เมื่อ เอริค ทราบว่าตนเองจะต้องลงแข่งขันวิ่ง 100 ม. ในรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ เอริคทำอย่างไร ?
เอริคบอกกับกรรมการว่า ผมขอไม่วิ่งเหตุเพราะว่าวันอาทิตย์เป็นวันที่เขาจะต้องนมัสการพระเจ้าและพระเจ้าต้องมาก่อนทุกอย่างเสมอ
จนกระทั่งเจ้าฟ้าชายแห่งจักรภพของอังกฤษ กับกรรมการจัดโอลิมปิคของอังกฤษนั้นต้องขอร้องให้ เอริค รีดเดอร์ วิ่งเพื่อเห็นแก่ประเทศอังกฤษ ส่วนเรื่องพระเจ้า เรื่องของศาสนาให้ เอริค เอาไว้ก่อน
พอเอริค รีดเดอร์ ได้ยินอย่างนั้นเอริคมีความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ขึ้นมาทันที
พี่ - น้องทราบไหมครับว่า เอริค เขาตอบมงกุฏราชกุมารพระองค์นั้นว่าอย่างไร ? เขาตอบว่าถ้าไม่มีพระเจ้าก็ไม่มีอังกฤษ
และโดยพระคุณของพระเจ้าพี่ - น้องที่รัก อับราฮัม เพื่อนของ เอริคไม่สามารถที่จะลงวิ่งชิงชนะเลิศ 400 ม. ในวันพฤหัสได้ เอริค จึงได้ลงไปวิ่งแทน และให้ อับราฮัม ลงไปวิ่งแทน เอริค ในวันอาทิตย์ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เอริค รีดเดอร์ เป็นนักวิ่งประเภทไหนครับ 100 ม. แต่ลงแข่งแทน อับราฮัม ในประเภทวิ่ง 400 ม. ซึ่งเอริค มีโอกาสที่จะเข้าเส้นชัยน้อยมาก เพราะไม่เคยฝึกฝนมาก่อนเลย แต่ในที่สุดเอริคก็สามารถวิ่งเข้าเส้นชัยได้เป็นคนแรก
นักข่าวถามเขาว่าทำไมเอริครีดเดอร์สามารถวิ่งเข้าเส้นชัยได้ ?
เขาตอบว่าอย่างไรพี่ - น้องทราบไหมครับ เพราะพระเจ้าผู้ทรงเสริมกำลังของข้าพเจ้า ส่วนอับราฮัม นั้นไม่ต้องพูดถึงสามารถวิ่งเข้าเส้นชัยในประเภท 100 ม.ได้อย่างสบายมาก เพราะเขาเคยวิ่งในระยะ 400 มาก่อน
เรื่องของ เอริค รีดเดอร์ นี้เป็นตำนานของการแข่งขันโอลิมปิค ที่ทุกคนต้องกล่าวถึงชายคนนี้ ชายที่รักพระเจ้า ชายที่ยอมแม้ว่าจะไม่ได้เหรียญทองกีฬาโอลิมปิค เพื่อจะให้พระเจ้าได้เป็นเอก และเป็นหนึ่งในชีวิตของเขา
กลับมาที่พระวจนะของพระเจ้า พี่ - น้องที่รักครับ เมื่อเนหะมีย์มีความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์เนหะมีย์เขากล้าพอที่จะขอพระบรมราชาอนุญาตจากกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสโดยที่เขาไม่กลัวที่จะตกงาน และเมื่อพระทัยของพระเจ้ามุ่งตรงไปกับใจของเขา
พระเจ้าผู้ทรงประทับอยู่บนฟ้าสวรรค์อาจจะตรัสอย่างนี้ได้ไหมครับว่า
ลูกเอ๋ย เราไม่ได้รับเกียรติจากคนของเราในเรื่องพระนิเวศน์ของเรา และเจ้าตระหนักในเรื่องพระนิเวศน์ของเรา เราจะใช้เจ้าเพื่อบูรณะพระนิเวศน์ของเรา และเราจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ต่างๆให้กับเจ้า เพื่อพระนิเวศน์ของเราจะได้รับเกียรติอีกครั้งหนึ่งเพราะเจ้าและกลุ่มคนของเจ้า
พระเจ้าอาจจะตรัสอย่างนี้ได้ไหมครับพี่ - น้อง ? และด้วยเหตุนี้เองพี่ - น้องที่รักพระเจ้าจึงใช้เขาในการเป็นบูรณะประตูและกำแพงเมืองเยรูซาเล็ม
คำถามก็คือว่า อะไรคือความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ ที่พี่ - น้องมีอยู่ในเวลานี้?
พี่ - น้องทราบไหมครับว่า บ้านของพี่ - น้องคริสเตียนในประเทศไทยหลายต่อหลายคนนั้นมีความสวยงามกว่าพระนิเวศน์ของพระเจ้าเสียอีกซึ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับพี่ - น้องคริสเตียนที่ประเทศเกาหลีใต้ ที่เขาจะไม่ยอมให้พระนิเวศน์ของพระเป็นเจ้านั้นขาดซึ่งสง่าราศี พระสิริหรือพระรัศมีของพระเป็นเจ้าอย่างเด็ดขาด
สิ่งนี้คือความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ของพี่ - น้องหรือไม่ ?
พี่ - น้องทราบไหมครับว่า ในหลายๆครั้งที่คริสเตียนไทยเอาเศษสตางค์ถวายให้กับพระเจ้า เอาสิ่งที่เล็กน้อยหรือสิ่งที่เหลือใช้ถวายให้กับผู้รับใช้ของพระเจ้า
แต่คริสเตียนเกาหลีใต้เขาเอาแหวนแต่งงานถวายให้กับพระเจ้าเขาเอาสิ่งดีถวายให้กับผู้รับใช้ของพระเจ้า
อันนี้เป็นความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ของพี่ - น้องหรือไม่ ?
คจ.ใจสมานสมุทรสงครามจะครบปีที่ 7 ณ.วันที่ 1 มิถุนายนนี้แต่เรามีพี่ - น้องสมาชิกมาร่วมนมัสการพระเจ้ายังไม่ถึง 100 คน
อันนี้เป็นความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ของพี่ - น้องหรือไม่ ?
กลุ่มสตรีในคริสตจักรยังไม่แข็งแรงในการรวมตัวกันเพื่อการอธิษฐานกับพระเจ้า
คริสตจักรที่นี่ยังไม่ได้เป็นเกลือ เป็นแสงสว่าง หรือยังมีอิทธิพลกับผู้คนในชุมชนไม่มากสักเท่าไหร่
อันนี้เป็นความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ของพี่ - น้องหรือไม่ ?
กลุ่มบุรุษในคริสตจักรที่มีครอบครัวแล้ว แต่เราต้องยอมรับอย่างสัตย์ซื่อว่า
1.หลายครอบครัวยังไม่ได้มีความเป็นพ่อที่ดีแบบมืออาชีพ
2.หลายครอบครัวยังไม่ได้มีความเป็นสามีที่ดีแบบมืออาชีพ
3.หลายครอบครัวยังไม่ได้มีความเป็นผู้นำในครอบครัวที่ดีแบบมืออาชีพ
เราควรจะทำอย่างไรกันดีหรือเราจะช่วยพี่ - น้องของเราอย่างไรดี อันนี้เป็นสิ่งที่พี่ - น้องมีความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์หรือไม่ ซึ่งถ้าพี่ - น้องจะต้องมีคำตอบที่ชัดเจนในเรื่องต่างๆที่ได้กล่าวมาเมื่อสักครู่นี้เมื่อนั้นพระเจ้าจะใช้ท่าน
แต่ถ้าพี่ - น้องบางคนซึ่งขณะนี้อาจจะกำลังตอบผมกลับอยู่ภายในจิตใจของท่าน ในทำนองที่ว่า อาจารย์แค่นี้ก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว จะให้เราพวกจะต้องมาทำอะไรกันนักกันหนาขอเป็นเพียงแค่กองเชียร์ก็พอแล้ว
ผมก็อยากที่อยากจะบอกกับพี่ - น้องอย่างสัตย์ว่า ในพระนิเวศน์ของพระบิดาเรานั้นมีที่อยู่เป็นอันมาก แต่พี่ - น้องจะต้องไปหาเฟอร์นิเจอร์กันเอาเองนะครับ และเมื่อเวลานั้นมาถึงหวังใจว่า พี่ - น้องคงจะไม่ว่าผมใจร้ายหรือใจดำไม่ได้นะครับถ้าผมไม่แบ่งให้
อะไรคือความไม่พึงพอใจที่บริสุทธิ์ของพี่ - น้องในเช้าวันนี้ ?
อะไรคือสิ่งที่พี่ - น้องทนไม่ไหวอีกต่อไปในพระราชกิจของพระเจ้า ?
ผมอยากที่จะให้คำถามทั้ง 2 คำถามนี้กวนจิตใจพี่ - น้องอยู่ตลอดเวลาในปีนี้จนกระทั่งพี่ - น้องต่างที่จะลุกขึ้นมารับใช้พระเจ้ากันมากขึ้นให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน