พบพระเจ้าในยามยากลำบาก

คำเทศนาเรื่อง “พบพระเจ้าในยามยากลำบาก”

 

 

อสย.1-8 “ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นพระชนม์ ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับณพระที่นั่งสูงและเทิดทูนขึ้น และชายฉลองพระองค์ของพระองค์เต็มพระวิหารเหนือพระองค์มีเสราฟิมยืนอยู่ แต่ละตนมีปีกหกปีก ใช้สองปีกบังหน้า และสองปีกคลุมเท้า และด้วยสองปีกบินไปต่างก็ร้องต่อกันและกันว่า "บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าจอมโยธา แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเต็มด้วยพระสิริของพระองค์"และรากฐานของธรณีประตูทั้งหลาย ก็สั่นสะเทือนด้วยเสียงของผู้ร้อง และพระนิเวศก็มีควันเต็มไปหมดและข้าพเจ้าว่า "วิบัติแก่ข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าพินาศแล้ว เพราะข้าพเจ้าเป็นคนริมฝีปากไม่สะอาด และข้าพเจ้าอยู่ในหมู่ชนชาติที่ริมฝีปากไม่สะอาด เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นกษัตริย์ คือพระเจ้าจอมโยธา"แล้วตนหนึ่งในเสราฟิมบินมาหาข้าพเจ้า ในมือมีถ่านเพลิง ซึ่งเขาเอาคีมคีบมาจากแท่นบูชาและเขาถูกต้องปากของข้าพเจ้าพูดว่า "ดูเถิด สิ่งนี้ได้ถูกต้องริมฝีปากของเจ้าแล้ว กรรมชั่วของเจ้าก็ถูกยกเสีย และเจ้าก็จะรับการลบมลทินบาป"และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "เราจะใช้ผู้ใดไป และผู้ใดจะไปแทนเรา" แล้วข้าพเจ้าทูลว่า "ข้าพระองค์นี่พระเจ้าข้า ขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด" และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า “พบพระเจ้าในยามยากลำบาก” ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

            สัปดาห์ที่ผ่านมาผมแบ่งปันกับพี่น้องเกี่ยวกับเรื่องของคนที่มีปัญญา และผมก็ได้บอกกับพี่น้องว่า ไม่ว่าโลกนี้จะแปรเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรหรือไม่ว่าประเทศนี้มันจะแปรเปลี่ยนไปอย่างไร เศรษฐกิจมันจะดีขึ้นหรือเลวลงก็ตาม แต่ถ้าเรามีพระปัญญาของพระเจ้าอยู่ในชีวิตของเราอย่างแท้จริงเราไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น

            ผ่านไปไม่กี่วัน 1) เกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ซัดกันซะแล้ว 2 ) ระเบิดลงที่ราชประสงค์ ลงที่สะพานตากสิน การท่องเที่ยวมีผลกระทบไหมครับ ?

            เราจะต้องอยู่ในภาวะแห่งความยากลำบากและลำบากมากขึ้น ถึงแม้ว่าโลกใบนี้จะมีเทคโนโลยีที่เจริญมากขึ้น มีเครื่องอำนวยความสะดวกที่เจริญมากขึ้นก็ตาม แต่นั่นหมายได้หมายความว่า เราจะอยู่กันอย่างสะดวกสบายนะครับ

            เพราะถ้าเทคโนโลยีเจริญมากขึ้นและเราเข้าใจว่ามนุษย์น่าจะอยู่กันอย่างสะดวกสบายมากขึ้น คำถามคือว่าแล้วทำไมพลเมืองในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประเทศญี่ปุ่นจัดได้ว่าเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากที่สุดในโลกถึงได้มีการฆ่าตัวตายมากที่สุดในโลก

ดังนั้นถ้าความเจริญทางจิตใจและจิตวิญญาณของมนุษย์ไม่ได้ถูกพัฒนาให้เจริญขึ้นตามเทคโนโลยีที่เจริญขึ้นตามไปด้วย มนุษย์เราก็จะต้องอยู่ในสภาวะแห่งความยากลำบากนี้ต่อไปเรื่อยๆ

ซึ่งหลายๆคนก็คิดอย่างที่ผมคิดนะครับ บางคนคิดไปถึงว่าถ้าเราไม่มีพระเจ้าอยู่หัวแล้วประเทศนี้จะเป็นอย่างไร คิดไปก็ถอนหายใจกันไป เพราะไม่อยากให้เป็นไปอย่างที่คิด เพราะถ้าเป็นไปอย่างที่คิด มองไปก็เห็นถึงปัญหา มองไปเห็นปัญหาก็รู้สึกเป็นห่วงลูกหลาน ซึ่งคนที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้าก็มักจะเป็นกันแบบนี้

ซึ่งไม่แตกต่างอะไรจากพระคำของพระเจ้าในตอนนี้ พระคำของพระเจ้าในตอนนี้บอกกับเราว่า เป็นปีที่กษัตริย์อุสซียาห์ซึ่งกษัตริย์พระองค์นี้ทรงเป็นกษัตริย์ที่ดีนะครับพี่น้องได้ทรงสิ้นพระชนม์

เมื่อพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ประชาชนก็รู้สึกโศกเศร้ามากคนยิวในเวลานั้นต่างก็รู้สึกเป็นทุกข์ หลายคนมองเห็นแต่ปัญหา แต่คนของพระเจ้าอย่างท่านอิสยาห์กับไม่ได้มองเห็นอย่างนั้น

ในท่ามกลาง 1 ) ความมืดนั้นอิสยาห์กับมองเห็นถึงความสว่าง 2 ) ความยากลำบากนั้นอิสยาห์กับมองเห็นพระเจ้า ดังนั้นการมีประสบการณ์กับพระเจ้า โดยเฉพาะการมีประสบการณ์กับพระเจ้าในวันคืนที่เรานั้นยากลำบากนั้นจึงเป็นเรื่องที่ใหญ่มากเพราะเราไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วพระเจ้าจะทรง 1) ช่วยเรา 2) นำเรา3) กู้เรา ในเรื่องต่างๆเหล่านั้นต่อไปอย่างไร

แต่เมื่อเรามีประสบการณ์ในการช่วย 1)เหลือ 2)กู้กับพระเจ้ามากขึ้นๆ ต่อไปพี่น้องก็จะเห็นโอกาสในทุกปัญหา ต่อไปพี่น้องก็จะเห็นถึงนิมิตมากกว่าวิกฤตและเราก็จะไม่กลัววิกฤตอีกต่อไป

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 1 เราพบว่าไม่ใช่อิสยาห์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะพบกับพระเจ้าได้ในยามยากลำบาก แต่ใครบ้างครับพี่น้องที่รักที่สามารถจะพบกับและมีประสบการณ์กับพระเจ้าได้ในยามยากลำบาก ?

กจ.17:27 “เพื่อเขาจะได้แสวงหาพระเจ้าและมุ่งหวังจะคลำหาให้พบพระองค์ ที่จริงพระองค์มิทรงอยู่ห่างไกลจากเราทุกคนเลย”

ผู้เชื่อทุกๆคนสามารถที่จะพบกับพระเจ้าหรือมีประสบการณ์ในการช่วยเหลือ ในการช่วยกู้จากพระเจ้าเป็นการส่วนตัวในวันที่ท่านยากลำบากได้

Ex……………………………………………………………

            แต่เงื่อนไขที่เราจะได้พบกับพระเจ้าหรือมีประสบการณ์ในการช่วยเหลือหรือการช่วยกู้จากพระเจ้าได้นั้นมีเงื่อนไขไหมครับพี่น้องที่รัก

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า แท้จริงแล้วพระเจ้านั้นไม่ได้อยู่ห่างจากเราเลย แต่ถึงกระนั้นเราก็จะต้องแสวงหาพระองค์และผู้ใดก็ตามที่แสวงหาพระองค์ พระองค์ก็จะทรงแสวงหาผู้นั้น

ดังนั้นคำว่า”แสวงหา” คำนี้หมายความว่า เราจะต้องทำบางสิ่งบางอย่างหรือเราอาจจะต้องทำทุกวิธีทางเพื่อที่เราจะได้พบกับพระเจ้าหรือเพื่อที่เราจะได้มีประสบการณ์ในการช่วยเหลือและหรือเพื่อที่เราจะได้มีประสบการณ์ในการช่วยกู้ที่มาจากพระเจ้า

Ex. นางฮันนาห์ เมื่อนางคร่ำครวญ วิงวอนกับพระเจ้า เธอบอกกับพระเจ้าโดยความมุ่งมั่นตั้งใจว่า เธอจะมอบบุตรชายให้รับใช้พระเจ้า

            คำถามก็คือว่า เวลาที่พี่น้องเศร้าโศกเสียใจ , ทุกข์ใจ , ต้องเผชิญกับความยากลำบาก พี่น้องได้แสวงหาพระเจ้าแบบสุดๆอย่างนี้หรือไม่ ?

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 2 เราพบว่าอิสยาห์มองเห็นถึงพระลักษณะของพระเจ้า

ให้ที่ประชุมอ่าน อสย.6:1-4”ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นพระชนม์ ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับณพระที่นั่งสูงและเทิดทูนขึ้น และชายฉลองพระองค์ของพระองค์เต็มพระวิหารเหนือพระองค์มีเสราฟิมยืนอยู่ แต่ละตนมีปีกหกปีก ใช้สองปีกบังหน้า และสองปีกคลุมเท้า และด้วยสองปีกบินไปต่างก็ร้องต่อกันและกันว่า "บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าจอมโยธา แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเต็มด้วยพระสิริของพระองค์ และรากฐานของธรณีประตูทั้งหลาย ก็สั่นสะเทือนด้วยเสียงของผู้ร้อง และพระนิเวศก็มีควันเต็มไปหมด”

ความทุกข์ใจของคนอิสราเอลเนื่องจากการสูญเสียกษัตริย์ที่ดีไปในเวลานั้น ทำให้หลายคนต่างทุกข์ใจ และในความทุกข์ใจนั้นเมื่อคิดไปข้างหน้าก็มองเห็นแต่ปัญหา แต่ในความทุกข์ใจนั้นกับมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองเห็นพระเจ้านั่นก็คืออิสยาห์

ในความทุกข์ใจนั้น อิสยาห์มองเห็นว่า พระเจ้าทรงประทับอยู่ในที่สูง อิสยาห์มองเห็นถึงชายฉลองของพระองค์เต็มพระวิหาร อิสยาห์มองเห็นถึงสง่าราศี มองเห็นถึงพระสิริของพระเจ้า อิสยาห์มองเห็นฑูตสวรรค์ของพระเจ้าที่จะต้องใช้ปีกปกคลุมใบหน้าและเท้าของเขาเนื่องจากความบริสุทธิ์ของพระองค์

สิ่งที่อิสยาห์ได้เห็นนั้นสะท้อนถึงพลังและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่มีเหนือในทุกๆสิ่ง ซึ่งนั่นหมายความว่า พลังและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าอยู่เหนือ

1 ) อุปสรรคปัญหาไหมครับ

2 ) วิกฤตการณ์ในชีวิตของมนุษย์ไหมครับ

3 ) ฤทธิ์อำนาจของมาร ซาตาน ไหมครับ

พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่สูงสุด พลังและฤทธานุภาพของพระเจ้าอยู่เหนือทุกสิ่ง ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ อพยพ.14:1-31

เหตุการณ์นี้พวกเราต่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เป็นเหตุการณ์ที่โมเสสได้นำชนชาติอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ แต่เมื่อฟาโรห์ได้ปล่อยชนชาติอิสราเอลไปแล้วก็เกิดกลับพระทัย

ฟาโรห์ตรัสกับตัวเองว่า “ทำไมเราจึงทำเช่นนี้” ในทันใดนั้นพระองค์ก็สั่งจัดทัพแล้วออกไล่ตาม เมื่อจวนเจียนมาถึงแล้ว ชนชาติอิสราเอลก็เกรงกลัวยิ่งนัก

อิสราเอลพูดกับโมเสสว่าอย่างไรครับในข้อที่ 11-12

และโมเสสพูดกับอิสราเอลว่าอย่างไรครับในข้อที่ 13-14

และพี่น้องดูสิ่งที่พระเจ้าทรงช่วยเหลือคนของพระองค์ 22

เหตุการณ์นี้ทำให้เราทราบว่า พระเจ้าทรงช่วยชนชาติของพระองค์ในยามที่ต้องเจอวิกฤต ซึ่งโดยแท้จริงแล้วคนอิสราเอลนั้นเจอวิกฤตการณ์ในชีวิตมากมายหลายครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นวิกฤตการณ์หนึ่งที่คนอิสราเอลนั้นได้เจอ ซึ่งด้านหลังที่ตามมาของพวกเขาคือ อะไรครับ ? กองทัพของฟาโรห์

และด้านหน้าของพวกเขาคือ อะไรครับ ? ทะเลแดง

แต่การช่วยเหลือของพระเจ้ามาจากที่ไหนครับ ? มาจากสถานที่ๆพระองค์ทรงประทับอยู่ นั่นก็คือ ด้านบน

พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่สูงสุด พลังและฤทธานุภาพของพระเจ้าอยู่เหนือทุกสิ่ง เมื่อพี่น้องรู้ดังนี้แล้วและถ้าพี่น้องจะต้องเจอกับวิกฤติของสถานการณ์ในชีวิต พี่น้องจะต้องทำไมครับ ? มีกำลังใจ

เหตุเพราะ พี่น้องจะได้พบกับพระเจ้า มีประสบการณ์กับพระเจ้า ผ่านการช่วยเหลือ ผ่านการช่วยกู้จากพระองค์มากขึ้น และเมื่อเราได้รับการช่วยเหลือ ช่วยกู้จากพระองค์มากขึ้นเราก็จะต้องสรรเสริญพระองค์มากขึ้นในทุกๆวัน

หลายสิบปีที่ผ่านมา ประเทศเกาหลีใต้พ่ายแพ้สงครามเกาหลี จนประเทศนี้ถูกคาดการณ์ว่าเป็นประเทศที่กันดารอาหารมีมิชชันนารีชาว USA. ท่านหนึ่ง ได้เดินทางไประกาศพระกิตติคุณของพระเจ้าที่นั่น

และเมื่อเขาได้เดินกลับมาที่ USA. เขาก็ได้รณรงค์นักธุรกิจคริสเตียนชาว USA. ให้จัดตั้งมูลนิธิหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า World Vision เพื่อระดมการช่วยเหลือไปที่เกาหลีใต้ มีคนเกาหลีใต้รับเชื่อในพระเจ้า พวกเขามีประสบการณ์ในการช่วยเหลือ ในการช่วยกู้จากพระเจ้า

ด้วยเหตุนี้เองพวกเขาจึงเอาจริงเอาจังและมีความเข้มแข็งในพระเจ้ามาก จากวันนั้นจนถึงวันนี้ประเทศเกาหลีใต้มีคริสเตียนทั้งสิ้นกว่า 60% ซึ่งพระกิตติคุณของพระเจ้าเข้าไปประเทศเกาหลีใต้ช้ากว่าประเทศไทยถึง 50%

เวลานี้พระกิตติคุณของพระเจ้าเข้ามาในประเทศไทยเกือบ 190 ปี แต่เรามีคริสเตียนในประเทศไทยอยู่เพียง 0.5% คำถามคือว่า นี่คืออะไร ? นี่คือคุณภาพของคริสเตียนไทย

คุณภาพของคริสเตียนไทยทำไมครับ ?

เมื่อหลายปีที่ผ่านมาผมไปสัมมนาที่ประเทศเกาหลีใต้ ผมเข้าพักในโรงแรมของคริสตจักรแห่งนั้น เวลาตีห้าของทุกวันผมก็จะได้ยินเสียงอธิษฐานในทุกๆวัน ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องประชุมนมัสการ ผมถึงต้องผงะบวกร้องไห้ด้วยน้ำตาไหล

เพราะเขามีประมาณสองพันกว่าคนมาอธิษฐานรุ่งอรุณและเป็นอย่างนี้ทุกวันก่อนที่พวกเขาจะไปทำงานไม่ต้องพูดถึงวันอาทิตย์นะครับ และการที่ผมน้ำตาไหลนั่นก็เพราะผมรู้ว่าสิ่งนี้มันคงจะไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย

พี่น้องลองคิดดูว่า ถ้าพี่น้องเป็นพระเจ้า แล้วคนของพระเจ้าอธิษฐานเอาจริงเอาจังอย่างนี้ ถ้าพี่น้องเป็นพระเจ้าพี่น้องจะตอบคำอธิษฐานของพวกเขาไหม ?

ซึ่งตรงกันข้ามกับคริสเตียนไทยที่ขาดความเข้มข้น เข้มแข็ง ขาดความเอาจริงเอาจังในพระเจ้า จะทำอะไรต้องเร้าใจ ต้องจูงใจ ต้อง Motivation กันตลอด จัดสัมมนาทีค่าลงทะเบียน 2200- ก็จะเป็นจะตาย บ้างก็บอกว่าโบสถ์ไม่ช่วยออกครึ่งหนึ่งเหรอ เบิกค่าน้ำมันรถได้ไหม ที่พักมีสระว่ายน้ำไหม

และนี่ล่ะครับคือคุณภาพของคริสเตียนไทยที่เป็นอยู่ทั้งในอดีตที่ผ่านมาจนถึงที่เป็นอยู่ในเวลานี้ พี่น้องคิดว่าพระเจ้าได้รับเกียรติหรือเสียเกียรติครับ ?

เหตุการณ์ในอพยพ 14:1-31 พระองค์ตรัสคำหนึ่งซ้ำๆกันหลายครั้ง พระองค์ตรัสคำว่า พระองค์จะทรงได้รับเกียรติจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

และถ้าคริสเตียนไทยยังไม่ได้ให้เกียรติกับพระเจ้าอย่างที่พระองค์สมควรที่จะได้รับ พระเจ้าก็อวยพรประเทศชาติบ้านเมืองนี้ และรวมถึงชีวิตของเราทั้งหลายได้อย่างเท่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้

วันนี้พี่น้องพูดได้หรือไม่ว่า ? ท่านได้พบกับพระเจ้าผู้ทรงศักดิ์สิทธิ์แล้ว ถ้าท่านบอกว่าท่านได้พบกับพระเจ้าผู้ทรงศักดิ์สิทธิ์แล้ว พระเจ้าจะต้องได้รับเกียรติอย่างสมควรในทุกสิ่งที่ท่านได้กระทำ

จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?

ประการที่ 3 เราพบถึงวิธีการที่เรานั้นจะพบกับพระเจ้านั้นได้อย่างไร

เราจะพบกับพระเจ้าผ่านการ ”แสวงหา”

คำว่า”แสวงหา” คำนี้หมายถึง “การอธิษฐาน” แต่การอธิษฐานในที่นี้ มิได้หมายความถึง การอธิษฐานที่คริสตจักรแต่เพียงอย่างเดียว

พระคำของพระเจ้าใน 1ธส.5:17 จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอคือ ทุกเวลา เปรียบเสมือนกับพ่อแม่ที่ในใจของเขานั้นทำไมครับ ? มีลูกอยู่ตลอดเวลา หรือเหมือนกับการที่เรานั้นรักคนๆหนึ่งและเมื่อพอเวลาเราทุกข์ยากลำบาก เราก็อยากที่จะเห็นคนที่เรารักนั้นเขาเข้ามาช่วยเหลือเรา

ดังนั้นเมื่อพี่น้องจะต้องประสบกับอุปสรรคปัญหา ความคิดจิตใจ และจิตวิญญาณของพี่น้องนั้นจะต้องทำไมครับ ? คิดถึงพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา เราจะต้องจัดเวลาในการที่จะพูดคุยกับพระองค์ เหมือนกับนางฮันนาห์ที่เขาจัดสรรเวลาในการอธิษฐานพูดคุยกับพระเจ้า เพื่อแสวงหาการช่วยเหลือ ช่วยกู้จากพระเจ้า

สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกกับพี่น้องอย่างสัตย์ซื่อและตรงไปตรงมาก็คือว่า พระเจ้าที่เรานมัสการอยู่นั้นไม่ใช่ขอทานอย่าให้เศษเสี้ยวเวลาในแต่ละวันของเรานั้นกับพระเจ้า

แต่พี่น้องจะต้องให้เวลาที่ดีที่สุดของท่านกับพระเจ้าแล้วพี่น้องจะได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า ยาโคบเป็นอีกผู้หนึ่งที่มีปัญหา ปัญหาของเขาก็คือว่า ยาโคบเชื่อว่าคนนั้นซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ยาโคบเชื่อว่าผู้นั้นเป็นคนที่อวยพรเขาได้ ยาโคบจึงปล้ำสู้เพื่อไม่ให้คนนั้นไปจนกว่าคนนั้นจะอวยพรอย่าโคบเสียก่อน

สุดท้ายคนนั้นต้องอวยพระยาโคบไหมครับ ? ต้องอวยพรเขา

เช่นเดียวกันพี่น้องที่รัก เมื่อเรามีปัญหาเราจะต้องแสวงหาพระเจ้าโดยการอธิษฐาน ภายในมิติของฝ่ายจิตวิญญาณในตอนนี้คือ ยาโคบ เขากำลังอธิษฐานโต้รุ่งกับพระเจ้า

ดังนั้นซึ่งสิ่งหนึ่งที่เราจะต้องมี นั่นก็คือ ปณิธาณที่แน่วแน่ว่าเราจะไม่เลิกขอจนกว่าจะได้ สรุปแล้วยาโคบได้รับการอวยพรไหมครับ ? หากเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจถึงขนาดนั้น มีหรือที่พระเจ้าจะไม่ให้ แต่ที่สำคัญคือ พวกเรานั้นอึดพอไหม

มีผู้รับใช้พระเจ้าหลายคนไปประเทศเกาหลี เขาก็เห็นอย่างที่ผมเห็น เมื่อเขากลับมาที่คริสตจักร เขาก็พยายามที่หนุนใจ ท้าทาย พี่น้องในคริสตจักร ให้มาอธิษฐานรุ่งอรุณที่คริสตจักร

ผู้รับใช้หลายคนก็ถ่ายรูปลง Face Book บอกว่ามีพี่น้องมาอธิษฐานรุ่งอรุณเท่านั้น เท่านี้ คนในคริสตจักร ผมนึกในใจว่าคุณยังไม่รู้จักคริสเตียนไทยดี เพียงแค่อาทิตย์เดียวล่ะครับ ภาพเหล่านี้ไม่ปรากฎขึ้นมาใน Face Book ของเพื่อนผู้รับใช้ท่านนั้นอีกเลย

สรุปพระคำในเช้าวันนี้

ประการที่ 1 เราพบว่าไม่ใช่อิสยาห์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะพบกับพระเจ้าได้ในยามยากลำบาก

ประการที่ 2 เราพบว่าอิสยาห์มองเห็นถึงพระลักษณะของพระเจ้าว่าพระองค์เป็นใคร

ประการที่ 3 เราพบถึงวิธีการที่เรานั้นจะพบกับพระเจ้านั้นได้อย่างไร

 

 

Green City