คำเทศนาเรื่อง พลังขับเคลื่อนชีวิต
ปฐก.1:26-28 26 แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน" 27 พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง 28 พระเจ้าทรงอวยพระพรแก่มนุษย์ ตรัสแก่เขาว่า "จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จงครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในอากาศ กับบรรดาสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน"
ในเช้าวันนี้ผมมีคำถามที่จะถามพี่น้องสักหนึ่งคำถาม คำถามนั้นก็คือว่า พี่น้องคิดว่าระหว่างมนุษย์กับสัตว์ใครมีพลังมากกว่ากัน
ในฝ่ายกายภาพโดยแท้จริงแล้วมนุษย์นั้นอ่อนแอกว่าสัตว์ Ex.เช่น เสือวิ่งเร็วกว่าคน , ปลาว่ายน้ำได้ลึกกว่ามนุษย์ , ช้างมีแรงมากกว่าคน , คนบินสู้มนุษย์ไม่ได้ ดังนั้นในฝ่ายกายภาพมนุษย์จึงอ่อนแอกว่าสัตว์
แต่มนุษย์มีอะไรที่สัตว์ไม่มีครับ ? ปัญญา และด้วยการที่มนุษย์มีปัญญานี่เอง ทำให้มนุษย์สร้าง 1) รถที่สามารถวิ่งเร็วกว่าเสือได้ 2) เรือดำน้ำที่สามารถดำได้ลึกยิ่งกว่าปลาหลายชนิด 3) สร้างเครื่องจักรขึ้นมาใช้แทนแรงงานสัตว์ 4) สร้างเครื่องบินที่สามารถบินได้สูงกว่านก
สิ่งที่พี่น้องจะต้องรู้และพี่น้องจะต้องเข้าใจนั่นก็คือ คำว่า “ปัญญา” คำนี้หมายรวมถึง ความคิด , ทัศนคติ , วิสัยทัศน์ ด้วย ซึ่งความคิด ทัศนคติ วิสัยทัศน์ มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตไหมครับ ? ทั้ง 3 สิ่งนี้เป็นพลังขับเคลื่อนชีวิต
มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่พอทราบว่าตัวเองติดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้วต้องกักตัว 14 วัน หลายคนอยากกระโดดน้ำตาย , กระโดดตึกตาย , ผูกคอตาย , วิ่งให้รถชนตาย เผารมควันตัวเองในรถยนต์ ปีนขึ้นเสาไฟฟ้า ยิงตัวตาย ฆ่าตัวตาย
คนที่คิดทำแบบนี้ได้ คือ คนที่ขาดความคิด , ขาดทัศนคติ , ขาดวิสัยทัศน์ , ขาดพลังการขับเคลื่อนชีวิต เขาจึงใช้ความเด็ดเดี่ยวไปในทางที่ผิด ซึ่งพวกเราคงจะได้ยินและได้ฟังข่าวในทำนองที่ว่านี้บ่อยครั้ง เพราะมาร ซาตาน มันก็คงจะทำงานของมันอย่างหนัก ท่ามกลางที่คนไทยกำลังประสบกับปัญหามากมายหลายอย่างอยู่ในเวลานี้
จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?
พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าทรงสร้างเราให้เป็นไปตามพระฉายหรือพระฉายาของพระองค์ เพราะฉะนั้น “มนุษย์” ไม่ใช่ “สัตว์” และ “มนุษย์” ก็ไม่ใช่”สัตว์ประเสริฐ” อย่างที่หลายๆคนชอบพูดกัน อีกทั้ง “มนุษย์” ก็ไม่ได้มีวิวัฒนาการมาจาก “ลิง” รวมถึง ”มนุษย์” ก็ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากวิวัฒนาการของ “เซลล์” ใดๆทั้งสิ้น
ดังนั้นพี่น้องคนใดที่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนหน้านี้ว่า “มนุษย์”มีวิวัฒนาการมาจาก “ลิง” หรือถูกสร้างมาจาก “เซลล์” อะไรก็ตาม ในเช้าวันนี้ผมขอให้พี่น้องได้เอาความคิดที่ไม่ถูกต้องนี้ออกไปเสีย
และขอพี่น้องได้พูดตามผมดังนี้ว่า “ฉันเป็นพระฉายของพระเจ้า” “พระฉายของพระเจ้าอยู่ในฉัน” “ความคิดของพระเจ้าอยู่ภายในฉัน” “ทัศนคติของพระเจ้าอยู่ภายในฉัน , วิสัยทัศน์ของพระเจ้าอยู่ภายในฉัน”
พี่น้องที่รักครับ เมื่อพระฉาย , เมื่อความคิด , เมื่อทัศนคติ , เมื่อวิสัยทัศน์ของพระเจ้าอยู่ภายในเรา เรามีพลังการขับเคลื่อนชีวิตไหมครับ ? นี่คือสิ่งที่แตกต่างระหว่างคนที่เชื่อในพระเจ้ากับคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า
เพื่อให้พี่น้องได้เห็นภาพตัวอย่างที่ชัดเจน ขออนุญาตยกตัวอย่าง ลูกโป่ง 2 ใบนี้ เมื่อดูภายนอกทุกอย่างเหมือนกันทุกประการ แต่ใบหนึ่งภายในบรรจุด้วยแก๊ส อีกใบหนึ่งบรรจุด้วยอากาศ
คำถามคือ ใบไหนจะลอยขึ้นบนท้องฟ้าครับ ? ข้างนอกเหมือนกัน แต่ข้างในต่างกัน ทำให้ผลลัพธ์ต่างกัน ลูกโป่งที่บรรจุแก๊สจะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ในขณะที่ใบหนึ่งที่บรรจุด้วยอากาศจะไม่ลอยขึ้น
เป็นคนเหมือนกัน เจอปัญหาเหมือนกัน คนหนึ่งมีพระเจ้า อีกคนหนึ่งไม่มีพระเจ้า ผลลัพธ์ที่ได้ต่างกัน เพราะคนที่มีพระเจ้ารู้ว่า 1) เราเป็นพระฉายหรือพระฉายาของพระเจ้า 2) ความคิด ทัศนคติและวิสัยทัศน์ของพระเจ้าอยู่ภายในเรา เราจึงมีพลังในการขับเคลื่อนชีวิต
ดังนั้นอย่าให้มาร ซาตาน ขับเคลื่อนภายในชีวิตของเราเพราะเมื่อใดก็ตามที่มาร ซาตาน มันขับเคลื่อนภายในชีวิตของเราเมื่อไหร่ มันจะพาเราไปสู่ความตายเมื่อนั้นเหมือนคนไทยหลายคนๆในเวลานี้ ที่ติดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แล้วต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน 14 วัน และยังหาเตียงไม่ได้เลยคิดมากเลยคิดที่จะฆ่าตัวตาย
ปฐก.12:1-3 พระเจ้าตรัสแก่อับรามว่า "เจ้าจงออกจากเมืองจากญาติพี่น้องจากบ้านบิดาของเจ้า ไปยังดินแดนที่เราจะบอกให้เจ้ารู้ 2 เราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่ เราจะอวยพรแก่เจ้า จะให้เจ้ามีชื่อเสียงใหญ่โตเลื่องลือไป แล้วเจ้าจะช่วยให้ผู้อื่นได้รับพร 3 เราจะอำนวยพรแก่คนที่อวยพรเจ้า เราจะสาปคนที่แช่งเจ้า บรรดาเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะได้พรเพราะเจ้า"
จากพระคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?
เราพบว่า อับราฮัมถูกพระเจ้าเรียกให้ออกจาก 1) บ้านของบิดา 2) ญาติพี่น้อง 3) ออกจากเมือง คำถามคือพระเจ้าเรียกอับราฮัมให้ออกจากบ้านมาแล้วไปไหน ? ไม่รู้ บอกเพียงแต่ว่าจะพาไปยังดินแดนที่เราจะบอกให้เจ้ารู้ ซึ่งนั่นหมายความว่า อับราฮัม ต้องไปเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเกือบจะทั้งหมด และนี่คือ New Normal หรือวิถีชีวิตใหม่ ของอับราฮัม
คำถามที่น่าสนใจนั่นก็คือว่า อะไรคือพลังขับเคลื่อนชีวิตของอับราฮัมในการนำพาเขาออกมาจากวิถีชีวิตเดิม “พระสัญญาของพระเจ้า”
คำถามก็คือว่า ก่อนที่อับราฮัมจะได้ดินแดนที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ให้กับเขา อับราฮัมต้องใช้เวลามากหรือน้อยในการร่อนเร่พเนจร
ดังนั้นพี่น้องจึงไม่ต้องแปลกใจ ว่าทำไมพระเจ้าจึงออกมาพูดคุยกับอับราฮัมอยู่บ่อยครั้ง เพราะกำลังใจจากคนที่เรารักก็เป็นสิ่งสำคัญในการเคลื่อนพลังชีวิต
คนไทยรวมถึงศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง เวลานี้ต่างออกมาโอดครวญกันหรือต่างพากันออกมา Call Out รัฐบาลเป็นเพราะว่าอะไรครับ ?
คนไทยรวมถึงศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง เคยหาเงินกันได้ง่ายๆ แต่พอพี่โควิด-19มาเยี่ยมโลกเท่านั้น มันทำให้พวกเขาหาเงินง่ายหรือยากครับ ? เพราะฉะนั้นการที่พวกเขาพากันออกมา Call Out นั่นก็เพราะว่าพวกเขาไม่คุ้นเคยกับวิถีชีวิตใหม่ โดยเฉพาะในเรื่องของการอยู่บนพื้นฐานความจำเป็น ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรับไม่ได้ บางคนถึงกับพาตัวเองและครอบครัวเดินทางไปอาศัยอยู่ในประเทศอื่นเลยก็มี
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไทยส่วนมากโดยเฉพาะคนในยุคนี้ พ.ศ.นี้อยู่ยากก็มาจากคำสอนที่ไม่ถูกต้องด้วย เช่น “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในอ่าวมีแก๊ส” คำสอนนี้ทำให้คนไทยรักสบาย ขาดความกระตือรือร้น ความมานะสู้อดทนหายไปจากจิตวิญญาณของคนไทยไปมาก
ต่างจากคนจีนในประเทศจีนที่สมัยก่อนพวกเขาลำบากมากต้องเหนื่อยสุดๆ แต่เมื่อโควิด-19 มาเยือนประเทศจีนเราจึงเห็นได้ว่าเมื่อเขาต้องกลับไปสู่ความลำบาก คนจีนจึงปรับตัวได้ดีและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นคำกล่าวที่ว่า “ความลำบากสร้างคน ส่วนความสบายทำลายคน” ผมคิดว่าคำกล่าวนี้เป็นคำจริง
นอกเหนือจากคนไทยรวมถึงศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดงส่วนหนึ่งนอกจากพวกเขาไม่ได้เรียนรู้ในการที่จะมีชีวิตอยู่ตามวีถีชีวิตใหม่แล้ว พวกเขายังมีพลังขับเคลื่อนชีวิตที่ไม่ถูกต้องด้วย
ให้เราดูพระคำของพระเจ้าใน มธ.6:25 ด้วยกัน "เหตุฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม
และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารมิใช่หรือ และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ
พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า ชีวิตนั้นสำคัญที่สุด เวลานี้คนไทยรวมถึงศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง ส่วนใหญ่สนใจที่จะมีอาชีพ , มีงานแสดง , มีงานโชว์ตัวต่างๆมีอาหาร มีเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ผิดนะครับ แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ เขาควรที่จะสนใจการมีชีวิตมากกว่าจริงหรือไม่ ?
อาชีพการงานจำเป็นไหม ? แต่การมีชีวิตอยู่จำเป็นที่สุด ภาษาไทยจึงมีคำว่า อะไรก่อน อะไรหลัง , อะไรสำคัญ อะไรไม่สำคัญ , อะไรจำเป็น อะไรจำเป็นที่สุด ส่วนภาษาอังกฤษใช้คำว่า Good Better Best แปลว่า ดี ดีกว่า ดีที่สุด
คำว่า “ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารมิใช่หรือ” มีความหมายว่าให้พระคำของพระเจ้าเป็นพลังขับเคลื่อนชีวิตของเรานั้นดีที่สุดโดยเฉพาะในเวลาอย่างนี้ พระคำของพระเจ้าจะทำให้เรานั้นอยู่รอดและปลอดภัย
ตามที่ได้บอกไปแล้วเมื่อตอนต้นว่า เมื่อพระฉาย , เมื่อความคิด , เมื่อทัศนคติ , เมื่อวิสัยทัศน์ของพระเจ้าอยู่ภายในเรา เรามีพลังการขับเคลื่อนชีวิต ซึ่งพระเจ้าไม่ได้ให้เรามีพลังการขับเคลื่อนชีวิตเพียงแค่ปัจจุบันเท่านั้นนะครับ แต่พระเจ้าปรารถนาที่จะให้เรามีพลังในการขับเคลื่อนชีวิตในอนาคตด้วย
ท่ามกลางปัญหาที่มีอยู่ของโควิด-19 ในอีกหลายเดือน สภาพเศรษฐกิจภายหลังโควิดอีกนานหลายปี มันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายที่เราจะผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปได้ เหตุเพราะมนุษย์ทุกคนมีขอบเขตหรือมีข้อจำกัดในตัวเองด้วยกันทุกคน
อาจจะกล่าวอีกนัยยะหนึ่งก็ได้ว่า มนุษย์ทุกคนมีบริษัทจำกัดอยู่ในชีวิตแต่เราอยู่ในพระเจ้าที่ไม่จำกัด เพราะฉะนั้นพลังในการขับเคลื่อนชีวิตของเราทั้งในปัจจุบันนี้และในอนาคต เราต้องอุทิศตัวของเราในการ 1) พึ่งพาพระเจ้าให้มาก 2) พึ่งพาพระเจ้าทุกวัน 3) พึ่งพาพระเจ้าตลอดเวลาเสมอ จะปล่อยให้ชีวิตให้เป็นเหมือนคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า คือ ไปตายเอาดาบหน้าไม่ได้