พรและภัยของลิ้น

     คำเทศนาเรื่อง พรและภัยของลิ้น

                  

ในเช้าวันนี้จะอัญเชิญพระคำของพระเจ้าจาก ยากอบ 3:1-12 ให้ที่ประชุมเปิดและอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ และผมจะให้ชื่อเรื่องของคำเทศนา ในเช้าวันนี้ว่า “พรและภัยของลิ้น” ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน

มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง ที่ได้มาจากการประชุมค่ายของกลุ่มฟิลาเดลเฟีย ซึ่งจัดค่ายขึ้นเมื่อเดือนธันวาคมปี ค.ศ. 1988 ที่ประเทศมาเลเซียเนื้อหาของเรื่องเล่าเรื่องนี้ก็คือว่า คริสตจักรได้มอบหมายให้ผู้เชื่อใหม่คนหนึ่งออกไปประกาศ เป็นพยานกับเพื่อนหรือสายสัมพันธ์ของเขาสัก 2-3 คนและก็ให้กลับบ้านไปได้เลย

ภายหลังจากที่ผู้เชื่อใหม่คนนี้ ได้ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้นแล้ว ปรากฏว่าเขายังไม่กลับบ้าน แต่เขากลับไปยังที่คริสตจักรเพื่อจะพูดถึงความสำเร็จที่เขาได้ออกไปปฏิบัติมาแต่พอไปถึงที่คริสตจักรก็พบแต่คนเฝ้าคริสตจักรหรือพ่อบ้าน

พ่อบ้านก็บอกกับผู้เชื่อใหม่คนนี้ว่า อาจารย์กับพี่น้องสมาชิกคนอื่นๆเขาพากันออกไปประชุมตามบ้านกันหมด ผู้เชื่อใหม่คนนี้ก็คิดว่าอาจารย์กับพี่น้องพากันสบายแต่ให้เขาออกไปลำบากอยู่เพียงคนเดียวมันหลอกกันนี่หว่า ผู้เชื่อใหม่คนนี้จึงกลับบ้านไปด้วยความโกรธ พร้อมก็ด่าว่าพวกคริสเตียน ด่าว่าศิษยาภิบาล ด่าว่าพี่น้องในคริสตจักร รวมทั้งด่าว่าพระเจ้าด้วย

พ่อจึงเตือนบุตรชายว่าอย่าด่า อย่าว่าเลย

แต่เขาก็ไม่ยอมฟัง ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นหมูที่บ้านของเขาได้ตายไป 1 ตัว แต่เขาก็ยังไม่หายโกรธ ยังด่า ยังว่า พวกคริสเตียนเหมือนวันแรกทุกอย่าง

ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นหมูที่บ้านของเขาได้ตายไปอีก 1 ตัวแต่เขาก็ยังไม่หายโกรธยังด่า ยังว่า พวกคริสเตียนเหมือนเดิมทุกอย่าง

ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นเมื่อเขาตื่นขึ้นมา ลิ้นของเขาได้ยื่นออกมาและหดเข้าไปในปากไม่ได้ เขาจึงเป็นทุกข์มาก ไปหาหมอหลายแห่งแต่หมอก็รักษาให้หายไม่ได้เพราะหมอเองก็ไม่เคยพบอาการแบบนี้มาก่อนนอกจากคนที่ผูกคอตายแล้วเท่านั้น

เขาจึงกลับมาที่บ้านและมีคนบอกกับเขาว่า พระเยซูทรงรักษาเขาให้หายได้ให้เขากลับไปที่โบสถ์ เมื่อเขากลับไปที่คริสตจักรทุกคนรู้สึกตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้เชื่อใหม่คนนี้

ผป.คริสตจักรจึงถามเขาว่า 1.คุณเคยด่าพระเยซูหรือไม่ 2.คุณเคยด่าอาจารย์ ศิษยาภิบาลหรือไม่ 3.คุณเคยด่าพี่น้องสมาชิกในคริสตจักรหรือไม่ ( พี่น้องลองคิดดูทีว่า คนลิ้นจุกปากจะตอบผู้ปกครองคนนี้ด้วยท่าทางอย่างไร)

ถ้าอย่างนั้นให้คุณสารภาพบาปของคุณต่อพระเจ้าและพระเจ้าจะทรงรักษาคุณให้หายคุณ พร้อมจะปฏิบัติตามคำแนะนำนี้ไหม ผู้เชื่อใหม่คนนี้ยอมปฏิบัติตามทุกอย่าง

แล้วผู้ปกครองจึงได้วางมืออธิษฐานเผื่อเขา และลิ้นนั้นก็คืนกลับที่เดิมตามปกติ ชายคนนี้จึงได้ถวายตัวรับใช้พระเจ้าด้วยการเป็นผู้ประกาศ โดยประกาศเรื่องพระเจ้าทรงรักษาลิ้นของเขาให้หาย

พี่น้องที่รักครับ ลิ้นของมนุษย์เรานั้นนอกจากมันจะทำหน้าที่ในการลิ้มรสของอาหารแล้ว มันอย่างทำหน้าที่อีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ ใช้ในการช่วยพูดอีกด้วย

ถ้าเราใช้ลิ้นของเราซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้นมา พูดในสิ่งที่ควรพูดก็จะก่อให้เกิดความเข้าใจอันดี

ถ้าเราใช้ลิ้นของเราซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้นมา พูดในสิ่งที่ควรพูดก็จะก่อให้เกิดผลที่ดี

ถ้าเราใช้ลิ้นของเราซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้นมา พูดในสิ่งที่ควรพูดก็จะก่อให้เกิดคุณอนันต์

แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราใช้ลิ้นของเราซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมา พูดในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร ก็จะก่อให้เกิด 1.ความขัดเคืองใจ 2.ผลเสียและก่อให้เกิดโทษได้อย่างมหันต์

จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันในตอนนี้เราพบอะไร ?

ประการที่ 1 ( อยู่ในข้อที่ 3-4 )

พระคำของพระเจ้าตรัสว่า“ ถ้าเราเอาบังเหียนใส่ปากม้าเพื่อให้มันเชื่อฟังเรา เราก็บังคับมันให้ไปไหนๆ ได้ทั้งตัว จงดูเรือด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าเป็นเรือใหญ่ และถูกลมแรงพัดแล่นไป เรือก็ยังหันไปมาด้วยหางเสือเล็กๆ ตามใจนายท้ายที่จะให้ไปทางไหน”

จากพระวจนะของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร

ประการที่ 1 เราพบพระพรของการใช้ลิ้นในการพูด

พระคัมภีร์ได้อุปมาหรือให้ภาพตัวอย่าง แห่งพระพรในการใช้ลิ้นในการพูดอย่างชัดเจนภาพหนึ่ง อุปมาโดยเปรียบลิ้นกับบังเหียนของม้า และ อีกภาพหนึ่ง อุปมาโดยเปรียบลิ้นกับหางเสือของเรือใหญ่

ให้เรามาพิจารณาในสิ่งที่พระคัมภีร์พูดถึง

ม้าเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ครับพี่ - น้อง ? สัตว์ใหญ่

และบังเหียนที่ติดปากของม้ามันอันเล็กหรืออันใหญ่ครับพี่น้อง ? อันเล็กนิดเดียว

แต่บังเหียนอันเล็กนิดเดียวนี้ มันสามารถที่จะควบคุมม้าทั้งตัวตลอดจนมันสามารถที่จะควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ทั้งหมดของม้าเอาไว้ได้

เรือละครับเป็นวัตถุขนาดเล็กหรือเป็นวัตถุขนาดใหญ่ ? ขนาดใหญ่

หางเสือที่บังคับทิศทางของเรือ มันอันเล็กหรืออันใหญ่ครับพี่น้อง ? อันเล็กเช่นกัน

แต่หางเสือที่เราบอกว่ามันอันเล็กนิดเดียวนี้ มันสามารถที่จะบังคับเรือรบ บังคับเรือดำน้ำและบังคับเรือเดินสมุทรให้ไปในทิศทางที่มันต้องการได้ ถูกไหมถูก

พี่น้องคิดว่า สิ่งเล็กน้อยที่พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงนี้มีอิทธิพลไหมครับ ?

พี่น้องคิดว่า ก่อให้เกิดผลอย่างน่าประหลาดใจไหมครับ ?

เช่นเดียวกันพี่น้องที่รักครับ ลิ้นเล็กๆในกระพุ้งแก้มของผมและของพี่น้องทุกๆ คน มันสามารถที่จะทำคุณประโยชน์ ให้แก่ผู้คนได้อย่างมากมายมหาศาล โดยเฉพาะสภาพของสังคมไทยที่เป็นอยู่ในเวลานี้และในสภาพของสังคมไทยอนาคต

สภาพของสังคมไทยที่เป็นอยู่ในเวลานี้เป็นอย่างไรครับพี่น้อง ? มีคนที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักกันอยู่เป็นจำนวนมาก และในอนาคตก็จะมีผู้คนที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันอีกหลายเท่า

สภาพของสังคมไทยที่เป็นอยู่ในเวลานี้ เป็นอย่างไรครับพี่น้อง ? มีคนที่ทุกข์ใจ มีคนที่เศร้าโศกเสียใจ มีคนที่วิตกกังวล มีคนที่ท้อแท้หมดสิ้นซึ่งความหวังในชีวิตอยู่เป็นจำนวนมากและในอนาคตก็จะมีผู้คนที่มีลักษณะของปัญหาที่กล่าวมาเมื่อสักครู่ เพิ่มมากยิ่งขึ้นในอนาคต

พี่น้องคิดว่า ก่อนที่จะเกิดพายุนากีส์ประชาชนชาวพม่านั้น มีปัญหาอยู่มากหรือน้อยครับ ? พอเกิดปัญหาพายุนากีส์ขึ้นมาโดยเฉพาะผู้ประสบภัย

พี่น้องคิดว่าปัญหาของเขาเป็นอย่างไรครับ ? ยากลำบากมากขึ้นหรือน้อยลง

บางคนอาจจะเสียสติก็เป็นไปได้มั้ยครับ ? เป็นไปได้

อสย.50:4 “พระองค์ให้ข้าพเจ้ามีลิ้นของบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงสอน เพื่อข้าพเจ้าจะได้รู้ที่จะค้ำชูผู้ที่เหน็ดเหนื่อยไว้ด้วยถ้อยคำ”

พระคำของพระเจ้าในข้อนี้บอกกับเราว่า ให้เราใช้ลิ้นเล็กๆในกระพุ้งแก้มของเราค้ำชูผู้ที่เหน็ดเหนื่อยด้วยอะไรครับ ? ด้วยพระวจนะของพระเจ้าไม่ใช่ด้วยคำพูดของตัวเราเอง

พี่น้องที่รักครับ คำพูดเหมาะๆของใครบางคนนั้นอาจจะทำให้คนที่รู้สึกท้อแท้สิ้นหวังได้ลุกขึ้นต่อสู้กับชีวิตอีกครั้ง แต่ถ้อยคำของพระเจ้าซึ่งเป็นถ้อยคำนิรันดรเป็นถ้อยคำแห่งความจริง เป็นถ้อยคำแห่งชีวิต ย่อมจะให้อะไรมากกว่าถ้อยคำของมนุษย์อย่างแน่นอน

ในพระคัมภีร์เดิมเมื่อพระเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า ให้เข้ายึดครองแผ่นดินคานาอัน

ถ้อยคำของพระเจ้านำมาซึ่งชัยชนะ

ในพระคัมภีร์ใหม่เมื่อพระเจ้าตรัสว่า เชื่อเท่านั้นแล้วลูกจะหายดี ถ้อยคำของพระเจ้า นำมาซึ่งการรักษา

เมื่อพระเจ้าตรัสว่า บาปของเจ้านั้นได้รับการอภัยแล้ว ถ้อยคำของพระเจ้านำมาซึ่งการปลดปล่อยนำมาซึ่งการมีเสรีภาพในฝ่ายจิตวิญญาณ

ถ้อยคำของพระเจ้าซึ่งเป็นถ้อยคำนิรันดร เป็นถ้อยคำแห่งความจริง เป็นถ้อยคำแห่งชีวิตย่อมที่จะให้อะไรมากกว่า มากกว่าและมากกว่า ถ้อยคำของมนุษย์อย่างแน่นอน

ให้เราบอกกับคนข้างซ้ายข้างขวาว่า ให้เราใช้ลิ้นเล็กๆของเราหนุนใจผู้อื่นด้วยถ้อยคำของพระเจ้า

จากพระวจนะของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันในตอนนี้เราพบอะไร ?

ประการที่ 2 “ ลิ้นก็เช่นเดียวกัน เป็นอวัยวะเล็กๆ และอวดอ้างเรื่องใหญ่ๆ จงดูเถิด ไฟนิดเดียวอาจเผาป่าใหญ่ให้ไหม้ได้หนอ และลิ้นนั้นก็เป็นไฟ ลิ้นเป็นโลกที่ไร้ธรรม ในบรรดาอวัยวะของเรา เป็นเหตุให้ทั้งกายมลทินไปทำให้วัฏฏะแห่งชีวิตเผาไหม้ และมันเองก็ติดไฟโดยนรก”

ประการที่ 2 เราพบพระเพลิงของการใช้ลิ้นในการพูด

พระคัมภีร์ได้อุปมาหรือให้ภาพตัวอย่างแห่งพระเพลิงในการใช้ลิ้นในการพูดอย่างชัดเจนโดยเปรียบลิ้นเหมือนกับเปลวไฟที่ลามไหม้ป่า

ให้เรามาพิจารณาในสิ่งที่พระคัมภีร์พูดถึง ไม้ขีดไฟมันเป็นสิ่งเล็กหรือสิ่งใหญ่ครับพี่ - น้อง ?

ก่อนที่มันจะให้ไฟที่ใหญ่กว่ามันได้ มันต้องทำอะไรก่อนครับพี่น้อง ? มันต้องทำลายหรือเผาไหม้ตัวเองเสียก่อนจึงจะเกิดไฟที่ใหญ่ขึ้นได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าอะไรครับพี่น้อง ?

ซึ่งนั่นหมายความว่า ก่อนที่คนอื่นจะเสียหายนั้นคนที่พูดนั่นแหละ เสียหายก่อนเขา เสียทั้งความชอบธรรม เสียทั้งบุคลิกภาพ เสียทั้งความน่าเชื่อถือ เสียทั้งความสัมพันธ์ที่เคยมี เป็นต้น

สภษ. 16 : 27 “วาจาของเขาเหมือนอย่างไฟลวก”

ถ้าเราใช้ลิ้นเล็กๆในกระพุ้งแก้มของเรา ไปพูดในทางที่ไม่ถูก ไม่ควร ไปพูดในสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม เช่น พูดติฉินนินทา พูดส่อเสียดทิ่มแทง หรือพูดให้ร้ายป้ายสี ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรครับ ?

ถ้าเราใช้ลิ้นเล็กๆในกระพุ้งแก้มของเรา พูดออกมาจากความเกลียด พูดออกมาจากความชิงชังหรือพูดออกมาด้วยความโกรธก็ตาม พี่น้องคิดว่าผลของมันจะเป็นอย่างไรครับ ?

ผลของมันไม่เพียงทำให้คนที่พูดเสียหายเท่านั้นแต่มันทำให้คนอื่นและอีกหลายๆคนได้รับผลกระทบหรือได้รับความเสียหายด้วย

พี่น้องคิดว่า สิ่งเล็กน้อยที่พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงนี้มีอิทธิพลไหมครับ ?

พี่น้องคิดว่า สิ่งเล็กน้อยที่พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงนี้ก่อให้เกิดผลอย่างน่าประหลาดใจไหมครับ ?

* เรื่องบางเรื่องไปเหมือนไฟลามทุ่ง  

* เรื่องบางเรื่องขยายเป็นวงกว้างได้อย่างไม่น่าเชื่อ

* เรื่องบางเรื่องเป็นเสมือนไฟป่าที่ดับยาก

* เรื่องบางเรื่อง เปรียบได้เสมือนการโยนหินลงน้ำกระจายเป็นวงกว้าง

ขออนุญาตยกตัวอย่างเพื่อให้พี่น้องเห็นภาพที่ชัดเจน เช่น เรื่องของคุณทักษิณ ชินวัตรและครอบครัว ตลอดจนพวกพ้องเป็นต้น เป็นเรื่องที่ทำให้คนอื่นและอีกหลายๆ คนได้รับผลกระทบหรือได้รับความเสียหายรวมทั้งเวลาที่เสียไปและโอกาสที่สูญไป

เช่นเดียวกันพี่น้องที่รักครับ ลิ้นเล็กๆในกระพุ้งแก้มของผมและของพี่น้องทุกๆคนมันสามารถที่จะทำให้เกิดการสะดุด เกิดบาดแผล เกิดความข่มขื่น เกิดการแตกแยก แตกร้าวหรือเกิดโทษอย่างมหันต์ได้ด้วยเช่นเดียวกัน

คริสตจักรในประเทศไทย ที่มีการกำเนิดเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ หลายที่หลายแห่งไม่ได้ก่อร่างสร้างขึ้นด้วยนิมิตที่มาจากพระเจ้า แต่ก่อร่างสร้างขึ้นด้วยอะไร พี่น้องลองทายดูซิครับ ? การแตกแยกกันออกไป

เพราะฉะนั้นให้พี่น้องรู้เถิดว่าลิ้นเล็กๆในกระพุ้งแก้มของผมและของพี่น้องนั้นเป็น

ได้ทั้ง 1.พรและภัย 2.พระพรและพระเพลิง 3.คุณและโทษ ให้เราบอกกับคนข้างซ้ายข้างขวาว่า อย่าให้ลิ้นของเราเป็นพระเพลิงในการพูด

จากพระวจนะของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันในตอนนี้เราพบอะไร ?  

ประการที่ 3 ( อยู่ในข้อที่ 7-8 )

“ เพราะสัตว์เดรัจฉานทุกชนิด ทั้งนก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ในทะเลก็เลี้ยงให้เชื่องได้ และมนุษย์ก็ได้เลี้ยงให้เชื่องแล้ว แต่ลิ้นนั้น ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถทำให้เชื่องได้ ลิ้นเป็นสิ่งชั่วที่อยู่ไม่สุขและ

เต็มไปด้วยพิษร้ายถึงตาย

ประการที่ 3เราพบปัญหาที่เกิดจากลิ้น

พระคัมภีร์บอกกับเราว่า ลิ้นของมนุษย์นั้นมีพิษมันสามารถทำให้คนที่ฟังนั้นถึงตายได้ พี่น้องว่ามันเป็นไปได้ไหมครับ ?

ตัวอย่างเช่น มีเด็กชายคนหนึ่งกำเนิดขึ้นมา โดยมีคุณย่าให้การเลี้ยงดูมาตั้งแต่แรกเกิด เติบโตขึ้นมาก็ไม่ได้ทำการ ทำงานอะไร ได้แต่ขอเงินย่าใช้ทุกวันๆ

วันหนึ่ง.....ย่าของเด็กชายคนนี้ถูกล๊อตเตอรรี่รางวัลใหญ่ขึ้นมา ญาติ พี่น้องก็พากันมาขอเงินจากย่าคนนี้ เด็กชายคนนี้ก็มีความคิดว่า คนอื่นๆเขายังมาขอส่วนแบ่ง จากย่าได้เขาเองก็เป็นคนที่ใกล้ชิด ก็น่าที่จะขอส่วนแบ่งจากย่าได้บ้าง  

ย่าจึงพูดกับเด็กคนนี้ว่า ให้มาตั้งแต่เกิดจนโตมันยังไม่พอหรือไง ยังจะมาคิดขอให้แบ่งอีกหรือ ถ้าแบ่งให้ไปแล้วคิดว่าทุกวันๆมึงไม่ต้องมาขออีกกูก็จะให้

ผลก็คือ เด็กคนนี้เกิดคิดน้อยใจ เลยไปผูกคอตายและก็ได้ตายสมใจจริงๆ

สดด.140:3 เขาทำลิ้นของเขาให้คมเหมือนลิ้นงู และภายใต้ริมฝีปากของเขามีพิษของงูหางไหม้

นั่นก็แสดงว่า ลิ้นของมนุษย์เรานั้นมันมีพิษจริง และมันก็สามารถที่จะทำให้คนตายได้จริง เพราะฉะนั้นเราอย่าได้เข้าใจผิดคิดว่างูเท่านั้นที่มีพิษหรืออย่าได้เข้าใจผิดคิดว่าพิษ นั้นมีอยู่เฉพาะกับสัตว์เท่านั้นแต่มันมีอยู่ที่ไหนด้วยครับพี่น้อง ? ลิ้นของมนุษย์เราด้วย

สิ่งที่พี่น้องต้องรู้เกี่ยวกับเรื่องของ ลิ้น เพิ่มเติมนั่นก็คือว่า อวัยวะในร่างกายทุกอย่างของมนุษย์นั้นเมื่อยได้ แต่ลิ้นของมนุษย์นั้นไม่เคยเมื่อย

มีพี่น้องคนไหน เคยได้ยินว่าใครบ่นว่าเมื่อยลิ้นบ้างมีไหมครับ ?

มีแต่เมื่อยแขน เมื่อยขา เมื่อยปาก เมื่อยเนื้อ เมื่อยตัว ส่วนเมื่อยลิ้นไม่มีใครเคยพูดถึง เพราะฉะนั้นลิ้นจึงไปได้เรื่อย พระคัมภีร์จึงใช้คำว่า ลิ้นนั้น อยู่ไม่สุข หมายความว่า ทำให้เชื่องได้ยาก และก็ไม่ใครหรือผู้ใดที่สามารถจะทำให้ลิ้นนั้นมันเชื่องได้นอกจากผู้ที่สร้างมันขึ้นมาเท่านั้นและผู้นั้นก็คือ พระเจ้า

พี่น้องที่รักครับ พระเจ้าทรงไถ่เราชีวิตทั้งชีวิตได้ พระเจ้าก็จะต้องทรงไถ่ลิ้นของเราด้วย พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าทรงควบคุมชีวิตของผู้เชื่อได้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าก็จะต้องควบคุมลิ้นของเราได้ด้วยเช่นกัน ( อาเมน )

เพราฉะนั้นถ้าเราไม่อยากให้ลิ้นเล็กๆในกระพุ้งแก้มของเรา เป็นปัญหาหรือเป็นภัยกับตัวเองและเป็นปัญหากับผู้อื่นเราก็จะต้องให้ลิ้นของเรานั้นกับพระเจ้า

สดด.141:3 “ข้าแต่พระเจ้าขอทรงตั้งยามเฝ้าปากของข้าพระองค์ ขอรักษาประตูริมฝีปากของข้าพระองค์”แม้ว่าเราจะให้ลิ้นของเรานั้นกับพระเจ้าแล้วก็ตาม แต่พระเจ้าไม่ได้แก้ไขหรือชำระเราที่ลิ้นนะครับพี่น้อง ?

พระเจ้าทรงแก้ไขหรือทรงชำระเราที่ใจก่อน เพราะสิ่งที่ออกจากปากนั้นก็ออกมาจากใจ เพราะฉะนั้นเมื่อใจของเราสะอาด ลิ้นของเราก็จะสะอาดตามไปด้วยและเมื่อนั้น

พระเจ้าก็จะทรงเข้ามาควบคุมลิ้นของเรา

ถ้าพระเจ้าทรงกุมบังเหียน ทรงชำระและทรงควบคุมลิ้นของเราเอาไว้ พี่น้องคิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นครับ ?

กจ.2 ทำให้เราทราบว่าภายหลังจากที่พระเจ้าได้ทรงชำระและทรงควบคุมลิ้นของเปโตรไว้เรียบร้อยแล้ว เปโตรได้เทศนาในวัน เพนเทคอส เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและพลานุภาพ

กจ.2 ทำให้เราทราบว่าภายหลังจากที่พระเจ้าได้ทรงชำระและทรงควบคุมลิ้นของเปโตรไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นเหตุทำให้ ผู้คนเป็นจำนวนมากได้รับความรอด

กจ.2 ทำให้เราทราบว่าภายหลังจากที่พระเจ้าได้ทรงชำระและทรงควบคุมลิ้นของเปโตรไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นเหตุทำให้ ผู้เชื่อมากมายต่างเติบโตขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ให้เราบอกกับคนข้างซ้ายข้างขวาว่าให้พระเจ้าชำระใจชำระลิ้นและควบคุมลิ้นของเราเพื่อที่ลิ้นของเรา จะสนับสนุนและส่งเสริมคน มิใช่ทำลายคน

จากพระวจนะของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันในตอนนี้เราพบอะไร ?

ประการที่ 4 ( อยู่ในข้อที่ 10-12 )

“คำสรรเสริญและคำแช่งด่าก็ออกมาจากปากอันเดียวกันดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้าไม่ควรให้เป็นเช่นนั้น บ่อน้ำพุจะมีน้ำจืดและน้ำกร่อยพุ่งออกมาจากช่องเดียวกันได้หรือ พี่น้องทั้งหลายต้นมะเดื่อจะออกผลเป็นมะเดื่อได้หรือบ่อน้ำพุเค็มก็ทำให้เกิดน้ำจืดอีกไม่ได้เลย”

ประการที่ 4 เราพบคำเตือนสติของพระเจ้า

พี่น้องที่รักครับ พระคัมภีร์ได้อุปมาหรือให้ภาพตัวอย่างในการเตือนสติโดยใช้ธรรมชาติในสมัยนั้นเป็นตัวเปรียบเทียบอย่างชัดเจน

ภาพหนึ่ง อุปมาโดยใช้บ่อน้ำจืดกับบ่อน้ำกร่อย อีกภาพหนึ่ง อุปมาโดยใช้ต้นมะเดื่อกับต้นมะกอกเทศ

ให้เรามาพิจารณาในสิ่งที่พระคัมภีร์พูดถึง

บ่อน้ำจืดซึ่งเป็นบ่อน้ำที่ดีกับบ่อน้ำกร่อย มันจะไหลออกมาจากบ่อเดียวกันได้มั้ยครับ ?

บ่อน้ำจืดซึ่งเป็นบ่อน้ำที่ดี เป็นบ่อน้ำที่สามารถดื่มกินได้ ใช้ปรุงอาหารได้ มันจะต้องไหลออกมาจากบ่อหนึ่ง

ส่วนบ่อน้ำกร่อย ซึ่งเป็นบ่อน้ำที่มีรสจืดปนเค็ม ดื่มก็ไม่ได้ ใช้ปรุงอาหารก็ไม่ได้ มันก็จะต้องไหลออกมาจากอีกบ่อหนึ่ง ซึ่งนั่นหมายความว่า บ่อน้ำจืดกับบ่อน้ำกร่อยมันจะไหลออกมาจากบ่อเดียวกันได้มั้ยครับ

พระวจนะของพระเจ้า สอนผ่านทางธรรมชาติว่า ต้นมะเดื่อจะต้องให้ลูก ให้ผล ออกมาเป็นมะเดื่อ จะให้ลูก ให้ผล ออกมาเป็นผลของมะกอกเทศไม่ได้

เช่นเดียวกันพี่น้องที่รักครับเราเป็นบุตรของพระเจ้า ลิ้นของเราควรใช้สรรเสริญพระเจ้า

เช่นเดียวกันพี่น้องที่รักครับเราเป็นบุตรของพระเจ้า ลิ้นของเราควรใช้พูดเพื่อให้เกิดการหนุนน้ำใจ

เช่นเดียวกันพี่น้องที่รักครับเราเป็นบุตรของพระเจ้า ลิ้นของเราควรใช้พูดเพื่อให้เกิดพระพร

เช่นเดียวกันพี่น้องที่รักครับเราเป็นบุตรของพระเจ้า ลิ้นของเราควรใช้พูดถ้อยคำของพระเจ้า

เช่นเดียวกันพี่น้องที่รักครับเราเป็นบุตรของพระเจ้า ลิ้นของเราควรใช้พูดเพื่อให้คนเกิดสติปัญญาหรือเกิดข้อแนะแนวคิดในการดำเนินชีวิตกับผู้คนอีกมากมายที่ยังไม่ได้รู้จักกับพระเจ้า

อย่างไรก็ตามพี่น้องที่รักครับ เราเองก็เห็นถึงผู้เชื่อหรือคริสเตียนมากมายที่ใช้ลิ้นของเขาสรรเสริญพระเจ้าในคริสตจักร แต่พอกลับไปถึงบ้านเขาก็ใช้ลิ้นอันเดียวกันเนี้แหละติฉิน นินทา ด่าว่าคนๆ อื่น (พี่น้องว่าคริสเตียนแบบนี้มีไหมครับ)

ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ บางคนไม่ต้องรอกลับให้กลับไปถึงที่บ้านนมัสการเสร็จเพียงไม่กี่นาที่ก็ด่ามันที่โบสถ์เนี่ยแหละ ( พี่น้องว่าคริสเตียนแบบนี้มีไหมครับ )

ผู้เชื่อหรือคริสเตียนหลายคนใช้ลิ้นในการพูดดีกับพี่น้องคริสเตียนที่คริสตจักร แต่กับพูดดีไม่ได้กับพ่อแม่ พูดกับพี่น้องของตน พี่น้องคิดว่าคริสเตียนแบบนี้มีไหมครับ

สิ่งต่างๆเหล่านี้พี่น้องที่รักครับ ผมไม่ได้พูดขึ้นเองแต่ที่ผมพูดได้เช่นนี้ เพราะอะไรครับ ? เพราะมันได้เกิดขึ้นแล้วและมันยังมีอยู่จริง

ปัจจุบันผู้เชื่อหรือคริสเตียนที่ว่านี้ยังมีอยู่ไหมครับพี่น้อง ? บางทีผู้เชื่อหรือคริสเตียนที่ว่านี้ก็คือใครครับ ? คือเราๆท่านๆนี้แหละไม่ใช่ใคร

ดังนั้นเราจึงไม่ควรที่จะให้คำสรรเสริญกับคำสาปแช่งนั้นออกมาจากปากของเรา

มธ.12:33-34 “โอเจ้าชาติงูร้าย เจ้าเป็นคนชั่วแล้วจะพูดความดีได้อย่างไร ด้วยว่าปากนั้นพูดจากสิ่งที่มาจากใจ คนดีก็เอาของดีมาจากคลังแห่งความดีในตัวของเขา คนชั่วก็เอาของชั่วมาจากคลังแห่งความชั่วในตัวของเขา”

ต้นไม้ที่มันออกดอก ออกผลออกมา มันก็จะแสดงถึงผลที่อยู่ข้างในของต้นไม้นั้นด้วย เช่น ถ้ามันออกดอกที่สวยงาม ระบบราก ซึ่งทำหน้าที่ในการดูดซึมน้ำอาจจะทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี

ลิ้นของมนุษย์ ก็เช่นเดียวกันพี่น้องที่รักครับ ถ้าพูดอะไรออกไป มันก็จะบอกได้ถึงจิตใจของคน ความคิดของคน กำพืดของคน ชนิดของคน ลักษณะของคน ประเภทของคนพี่น้องว่าจริงไหมจริง ? ถ้ามันไม่จริง มันก็คงจะไม่มีสุภาษิตไทยที่กล่าวว่า สำเนียงบอกภาษา กิริยาบอกสกุลหรอก จริงไหมครับพี่น้อง

ดังนั้นเราจึงไม่ควรที่จะให้คำสรรเสริญกับคำสาปแช่งนั้น หลุดออกมาจากปากของเรา ให้เราบอกกับคนข้างซ้าย ข้างขวาว่าอย่าให้คำสรรเสริญกับคำสาปแช่งนั้นออกมาจากปากของเรา

สรุป พระวจนะของพระเจ้าในเช้าวันนี้ จากยากอบ 12:11-12 ได้ 4 ประการคือ

1. เราพบพระพรของการใช้ลิ้นในการพูด

2. เราพบพระเพลิงของการใช้ลิ้นในการพูด

3. เราพบปัญหาที่เกิดจากลิ้น และการแก้ไข

4. เราพบการเตือนสติเกี่ยวกับการใช้ลิ้นในการพูด

Green City