คำเทศนาเรื่อง สหายที่แสนเลวและสหายที่แสนดี
สวัสดีครับพี่ - น้องที่รัก พี่ - น้องทุกคนสบายดีไหมครับ ขอบพระคุณพระเจ้า วันเสาร์ของสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่ - น้องในคริสตจักรของเราหลายๆคนต่างมีความชื่นชมยินดีของ เหตุเพราะมีพี่ - น้องของเราท่านหนึ่งนั่นก็คือ คุณครูแมว ได้ทำพิธีมอบถวายบ้านของเขาให้กับพระเจ้า ส่วนวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ก็เป็นวันแห่งความชื่นชมยินดีด้วยเช่นกัน เหตุเพราะเป็นวันที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราทรงฟื้นและเป็นขึ้นมาจากความตาย
และในเช้าวันนี้พี่ - น้องสมาชิกในคริสตจักรของเราหลายคน ต่างก็มีความชื่นชมยินดีด้วยเช่นกัน เหตุเพราะน้องสาวที่น่ารักของเราคนหนึ่งนั่นก็คือ น้องจู ได้ตัดสินใจที่จะเชื่อฟังการทรงเรียกของพระเจ้า ด้วยเหตุนี้นี่เองพี่ - น้องที่รัก น้องจูจึงลาออกจากการเป็นคนงานของมนุษย์มาสมัครเป็นคนงานของพระเจ้า
ขอบพระคุณพระเจ้าที่น้องจู ได้ถวายตัวของเขาเข้าสู่ ร.ร. พระคริสตธรรมของชนเผ่าในแถบ จ.กาญจนบุรี ในเทอมการศึกษาหน้าที่จะมาถึงและสัปดาห์นี้ก็จะเป็นสัปดาห์สุดท้ายที่น้องจูซึ่งเป็นที่รักของพวกเราทุกๆคน จะมานมัสการและสรรเสริญพระเจ้าร่วม
กับพี่ - น้องที่นี่ เพราะฉะนั้นในช่วงเวลารับประทานอาหารกลางวัน หรือในช่วงสามัคคีธรรมตอนบ่าย พี่ - น้องท่านใดมีอะไรที่อยากจะหนุนใจน้องจูก็เชิญเลยนะครับ
และในเช้าวันนี้ ผมจะอัญเชิญพระคำของพระเจ้า จากพระธรรม 2ทมธ.1:15 - 18 ให้ที่ประชุมเปิดและอ่านพร้อมๆกันอย่างช้าๆด้วยเสียงที่ดังเชิญครับ และผมจะให้ชื่อของคำเทศนาในเช้าวันนี้ว่า สหายที่แสนเลวและสหายที่แสนดี
ซึ่งสิ่งที่ผมจะแบ่งปันในเช้าวันนี้ เป็นสิ่งที่ผมอยากจะหนุนใจน้องจูมากเป็นพิเศษ แต่พี่ - น้องสมาชิกก็ฟังได้นะครับ เพราะสิ่งที่ผมจะแบ่งปันนั้นเป็นสัจธรรม ที่เราต่างต้องผ่านพบและประสบเจอด้วยกันทุกคน ไม่ว่าคนๆนั้นจะเชื่อในพระเจ้าหรือจะไม่เชื่อในพระเจ้าก็ตาม ( ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน )
สิ่งที่ผมอยากจะแบ่งปันกับน้องจูและกับพี่ - น้องในเช้าวันนี้นั่นก็คือว่า การที่เราปรนนิบัติ การที่เรารับใช้พระเจ้านั้น น้องจูอย่าได้คาดหวังว่าเรานั้นจะไม่พบกับความผิดหวัง ซึ่งนั่นหมายความว่าอะไร ? ซึ่งนั่นหมายความว่า น้องจูจะต้องได้พบกับความผิดหวังนี้อย่างแน่นอน
มีศิษยาภิบาลหรือผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าหลายต่อหลายคน ที่คิดหรือคาดหวังว่า น้องเลี้ยงของตนเองนั้นจะเชื่อฟังเขาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งศิษยาภิบาลหรือผู้รับใช้ของพระเจ้าหลายคนคิดหรือคาดผิด ซึ่งนอกจากลูกฝ่ายวิญญาณหรือน้องเลี้ยงฝ่ายวิญญาณบางคนจะไม่ฟังเขาแล้ว บางคนยังกบฏใส่คุณพ่อฝ่ายวิญญาณหรือกบฏใส่กับพี่เลี้ยงฝ่ายวิญญาณให้ก็มี และนี่เป็นสัจธรรม เป็นความจริง อาจจะกล่าวได้ว่าโดยส่วนมากแล้วไม่มีผู้รับใช้พระเจ้าคนไหนในโลกที่จะไม่เจอปัญหานี้
พี่ - น้องคิดว่ามีผู้รับใช้ของพระเจ้าคนไหนไหมครับ ที่จะไม่เจอปัญหานี้มีไหม ? ไม่มีเว้นแม้ ไม่มีเว้นแต่ทั้งสิ้น องค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา พี่ - น้องคิดว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเจอด้วยไหมครับ ? เพราะฉะนั้นการปรนนิบัติ การรับใช้พระเจ้าของน้องจูในอนาคต นอกจากจะต้องเจอปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ เจอปัญหาเรื่องปากเรื่องท้องแล้ว น้องจูก็อาจจะต้องเจอปัญหาต่างๆ เหล่านี้ด้วยเช่นกันเช่น เราอาจจะพบกับคริสเตียนที่1)ไม่ค่อยที่จะน่ารักสักเท่าไหร่
2)ไม่ค่อยให้เกียรติกับผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้ากันสักเท่าไหร่นัก
3)ไม่ค่อยจะตอบสนองต่อสิ่งที่เราปรารถนาดีต่อเขาสักเท่าไหร่
4)คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัว มากกว่าที่จะคิดถึงแผ่นดินของพระเจ้า
5)ยังเสาะแสวงหาซึ่งเกียรติลาภยศหรือราชศักดิ์และหรือคำสรรเสริญจากมนุษย์มากกว่าพระเจ้า เป็นต้น
ประการที่สำคัญนั่นก็คือว่า พี่ - น้องและผมอาจจะต้องพบกับพี่ - น้องคริสเตียนที่แย่ๆอย่างนี้อีกมากมายในชีวิตของเรา
เพราะฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยพี่ - น้องที่รัก ที่ใครก็ตามที่รับใช้พระเจ้าแล้วจะไม่เจอปัญหานี้ ยกเว้นเพียง 2 กรณีนี้เท่านั้นที่ท่านจะไม่เจอปัญหานี้นั่นก็คือ
1. การที่พี่ - น้องไม่เคยประกาศหรือเป็นพยานกับใครเลย กับอีกประการหนึ่งนั่น คือ ประกาศเหมือนกัน แต่ไม่เคยคิดที่จะเลี้ยงดูฝ่ายจิตวิญญาณผู้อื่นเลย ซึ่งถ้าเป็นใน 2 กรณีนี้ท่านอาจจะไม่เจอปัญหาที่ว่านี้ก็เป็นได้
จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?
ประการที่ 1 เราพบสหายที่แสนเลว
พี่ - น้องที่รักครับ อ. เปาโล เขียนจดหมายฉบับนี้ถึง ทิโมธี ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานหรือเป็นผู้ช่วยของท่านในขณะที่ท่าน อ. เปาโล นั้นกำลังอยู่ในคุกมืดที่แสนอับและชื้น อ. เปาโล ต้องการที่จะสอนประสบการณ์ชีวิตหรือถ่ายทอดประสบการณ์ในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าในเรื่องนี้ให้กับ ทิโมธี
พี่ - น้องที่รัก พระคำของพระเจ้าใน 2ทมธ.1:15 ตรัสว่าท่านก็ทราบแล้วว่า คำว่า ท่านก็ทราบแล้วว่า คำนี้มีหมายความว่า คริสตจักรและคนทั่วไปนั้น
1.ต่างก็คงจะทราบกันแล้วว่าในตอนนี้นั้น อ. เปาโล อยู่ในสภาพเช่นไร
2.ต่างก็คงจะทราบกันแล้วว่าในตอนนี้นั้น อ. เปาโล ได้ถูกทหารของรัฐบาลโรมนั้นจับขังอยู่ในคุก
3.ต่างก็คงจะทราบกันแล้วว่าในตอนนี้นั้น จุดจบของ อ. เปาโล จะต้องติดคุกอยู่นานเท่าไหร่ และผลของการติดคุกนี้จะมีผลออกมาเช่นไร
ซึ่งนั่นหมายความว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับ อ.เปาโล ในตอนนี้นั้นมันไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด
ซึ่งนั่นหมายความว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับ อ.เปาโล ในตอนนี้นั้น มันก็สามารถที่จะเกิดขึ้นกับทิโมธี ซึ่งเป็นผู้ช่วยหรือเป็นเพื่อนร่วมงานของ อ. เปาโล ได้ด้วยเช่นกัน
และรวมทั้งเหตุการณ์ที่ว่านี้มันก็สามารถที่จะเกิดขึ้นกับผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าคนอื่นๆ ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ในทีนี่มีพี่ - น้องคนไหนบ้างไหมครับ ที่อยากจะเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งการมีชัยชนะในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าโดยการถูกคุมขังอยู่ในคุกที่มืดและแสนจะอับชื้นมีไหมครับ
มีหรือไม่มี ให้เราดูที่พระคำของพระเจ้าด้วยกัน พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 15 ตรัสว่า ทุกคนที่อยู่ในแคว้นเอเชียนั้นต่างก็ผงะจากข้าพเจ้าไปหมด เพราะฉะนั้นคำตอบก็คือว่า ไม่มีใครหรือคนใด ที่อยากจะเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งการมีชัยชนะในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า โดยการถูกจับคุมขังอยู่ในคุกมืดที่อับชื่น ยกเว้นท่าน อ. เปาโล เพียงคนเดียว
คำถามที่น่าสนใจก็คือว่า คำว่า ผงะ เราเข้าใจกันอย่างไรหรือมันแสดงออกอย่างไร ? ให้ที่ประชุมเปิดไปที่
พระคำของพระเจ้าใน 2 ทมธ.4:10 ตรัสว่า เพราะว่าเดมาสหลงรักโลกนี้ และทิ้งข้าพเจ้าไปยังเมือเธสะโลนิกาแล้ว ส่วนเครสเซนส์ไปที่แคว้นกาลาเทีย ทิตัสไปที่แคว้นดาลมาเทีย
2 ทมธ.4:14ตรัสว่า อเล็กซานเดอร์ช่างทองแดงคนนั้นทำร้ายข้าพเจ้าอย่างมากองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงลงโทษเขาให้สมกับการกระทำของเขา
2 ทมธ.4:16ตรัสว่า ในการแก้คดีเบื้องต้นของข้าพเจ้านั้น ไม่มีใครอยู่เคียงข้างข้าพเจ้าสักคนเดียว พวกเขาทิ้งข้าพเจ้าไปทั้งหมด ขออย่าให้พวกเขาต้องรับโทษเลย
พี่ - น้องที่รักครับ คำว่า ผงะ ภาษาอังกฤษใช้คำว่า ariost เป็นคำกิริยาหมายถึง การกระทำที่พวกเขานั้นต่างได้พร้อมใจกันทิ้ง อ. เปาโล ในทันทีเมื่อพวกเขาทราบผลแล้วว่า อ. เปาโล นั้นจะต้องตกอยู่ในสภาพเช่นไร
เพราะฉะนั้นถ้าคนเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจลัส , เฮอร์โมเกเนส , เดมาส , เครสเซนส์ , อเล็กซานเดอร์ ถ้าพวกเขาเหล่านี้ไม่หนีหรือไม่ทิ้ง อ. เปาโล ไป พวกเขาก็คงมีสิทธิ์ที่จะถูกจับกุมด้วยอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ อ. เปาโลจึงบอกกับ ทิโมธี ซึ่งเป็นผู้ช่วยหรือเป็นเพื่อนร่วมงานของท่านว่า เช่นเดียวกัน ถ้าท่านซึ่งในที่นี้หมายถึงตัวของ ทิโมธี เองนะครับ
ถ้าท่านถูกพวกทหารของรัฐบาลโรมจับกุม คนพวกนี้ซึ่งเคยปรนนิบัติและรับใช้พระเจ้าร่วมกับท่านมาโดยตลอดพวกเขาก็คงจะ ผงะหรือพากันทอดทิ้งท่านเช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่าผู้เชื่อบางคน ซึ่งท่านเองอาจจะเป็นเหมือนกับพ่อในฝ่ายวิญญาณ หรือท่านเองอาจจะเป็นเสมือนกับพี่ในฝ่ายวิญญาณของพวกเขามาก่อนก็ตามแต่เขาเองก็อาจจะ ผงะ จากท่านไปได้เช่นเดียวกัน
และเมื่อท่าน อ. เปาโลเขียนจดหมายเพื่อสอนหรือถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าให้กับ ทิโมธี มาถึงตรงนี้ ความคิดของท่านก็พลันคิดถึงคนที่ได้ทอดทิ้งท่านขึ้นมาได้ในทันที ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว อ. เปาโล อาจจะมีอะไรในสมองที่จะต้องคิดอยู่มากมาย แต่เมื่อเขียนมาถึงตรงนี้ อ. เปาโล ก็อดที่จะคิดถึงคนที่ทำไม่ดีกับท่านไม่ได้
อ.เปาโล ได้เขียนว่าในบรรดาคนที่ทอดทิ้งท่านนั้นมี ฟิเจลัส และ เฮอร์โมเกเนส รวมอยู่ด้วยและนี่คือมิตรสหายที่แสนเลวในชีวิตของท่าน ซึ่งเราไม่ค่อยที่จะพบเรื่องราวของทั้งสองคนนี้เท่าไหร่นักในพระคัมภีร์ แต่เข้าใจว่าทั้งสองคนนี้ คงจะมีความสัมพันธ์กับ อ.เปาโล ในระดับหนึ่งอย่างแน่นอน อีกทั้งคงจะมีโอกาสที่ได้รับใช้พระเจ้าร่วมกับ อ. เปาโล ด้วยเช่นกัน
ซึ่งแน่นอนพี่ - น้องที่รักครับ อ. เปาโล ก็คงจะมีความคาดหวังว่าเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นกับท่านก็ตาม ทั้งสองคนนี้ก็คงจะยังเป็นคริสเตียนที่สัตย์ซื่อ ในการที่จะปรนนิบัติและรับใช้พระเจ้าอยู่ตลอดเวลา แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งสองคนนี้ ไม่เพียงแต่ทอดทิ้งผู้รับใช้ของพระเจ้าคือ อ. เปาโล ไปเท่านั้น แต่เขากับทิ้งงานของพระเจ้าด้วย
พี่ - น้องที่รักครับ การที่ทหาร ผละ จากหน้าที่ในการที่จะปกป้องหรือป้องกันประเทศชาติบ้านเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่บ้านเมืองเกิดวิกฤตินั้น ถือว่าเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ครับพี่ - น้อง ?
โทษของการทิ้งหน้าที่โทษหนักหรือโทษเบาครับ ?
เพราะอะไรโทษถึงหนักครับ ? เพราะมันอาจจะทำให้เสียชาติเสียแผ่นดินได้
ด้วยเหตุนี้เองพี่ - น้องที่รัก ทั้งสองคนนี้จะต้องได้รับโทษในสถานหนัก โทษของทั้งสองคนนี้คืออะไรครับ ? ชื่อของทั้งสองคนนี้จึงถูกจารึกเอาไว้ว่า เป็นผู้ที่ทอดทิ้งผู้รับใช้ของพระเจ้า และเป็นผู้ที่ทอดทิ้งงานของพระเจ้า ซึ่งมีใครไหมครับ? ที่อยากจะเอาชื่อของทั้งสองคนนี้ไปตั้งให้กับลูกหลานมีไหมครับ ? ไม่มี
เฉกเช่นเดียวกับคริสเตียนที่ทิ้งหน้าที่ โดยเฉพาะในยามที่มีวิกฤตินั้น ก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะอะไรครับ ? เพราะมีผลกระทบต่อความเชื่อของพี่ - น้องสมาชิกและมีผลกระทบต่อแผ่นดินของพระเป็นเจ้าด้วย
คจ. ใจสมานสมุทรสงคราม ขณะนี้อยู่ในช่วงเวลาของการทดลองเลี้ยงดูตนเองและอยู่ในขั้นวิกฤติ เพราะเรามีภาระกับคริสตจักรแม่ อีกทั้งเรามีภาระกับพี่ - น้องส่วนใต้ในการต่อเติมสถานที่แห่งนี้
ดังนั้นบริบทของพี่ - น้องสมาชิกที่นี่ทุกๆคนไม่ใช่บางคน จะต้องอยู่ในขั้นที่จะต้อง เพิ่มระดับในการอธิษฐานเผื่อเป็นอย่างมาก เพราะอะไรครับ ?
เพราะพี่ - น้องของเราหลายคนยังไม่สัตย์ซื่อกับพระเจ้า
เพราะพี่ - น้องของเราหลายคนยังถวายสิบลดแบบเหวี่ยงๆให้กับพระเจ้า
เพราะพี่ - น้องของเราหลายคน ยังขอสงเคราะห์กับคริสตจักรอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะแนะนำให้อธิษฐานขอเปลี่ยนอาชีพก็ไม่อธิษฐาน
เพราะอะไรอีกครับพี่ - น้องที่รัก ที่เราจะต้องเพิ่มระดับในการอธิษฐานเผื่อเป็นอย่างมาก ? เพราะในเวลานี้คริสตจักรแห่งนี้ ไม่สามารถที่จะดูแลครอบครัวของผู้รับใช้ของพระเจ้าอย่างที่คริสตจักรแม่ได้ดูแลได้
เพราะฉะนั้น ถ้าครอบครัวของศิษยาภิบาลอยู่ไม่ได้หรือต้องออกจากที่นี่ไปอยู่ที่อื่น
คำถามก็คือว่า มันจะมีผลกระทบต่อความเชื่อหรือมีผลกระทบต่อฝ่ายจิตวิญญาณของพี่ - น้องสมาชิกและมีผลกระทบต่อแผ่นดินของพระเจ้าด้วยไหมครับ ? มีอย่างแน่นอน และพี่ - น้องคิดว่าครอบครัวผู้รับใช้เรียกร้องอะไรจากพี่ - น้องสมาชิกได้ไหมครับ ?
ผมกับ อ.ดา รวมทั้งลูกศิษย์ของท่าน ศจ.ดร. วิชาญ ฤทธิ์นิมิต ทุกคนต่างถูกสอนมาอย่างตรงกันว่า ถ้าเป็นผลประโยชน์ของคนอื่นให้เราพูดให้เต็มที่เลย แต่ถ้าเป็นผลประโยชน์ของตัวเราเองนั้น ห้ามพูด ซึ่งนั่นหมายความว่า เราเรียกร้องอะไรไม่ได้เลย แต่ที่มันผ่านไปได้ในแต่ละเดือนและนั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องการที่จะพูดมากที่สุด นั่นก็คือคำว่า โดยพระคุณของพระเจ้า
กลับมาที่พระคำของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง อ. เปาโล บอกกับ ทิโมธี ว่าถึงจะมีผู้คนมากมายต่างที่ ผงะ หรือทิ้งท่านไปทั้งหมดโดยพร้อมๆกัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า มันจะทำให้ อ. เปาโล นั้นรู้สึกแย่ต่อการกระทำหรือต่อพฤติกรรมของพวกเขา
อ. เปาโลบอกกับทิโมธี อย่างชัดเจนในข้อที่ 16 ว่าในสิ่งที่แย่ๆที่ท่านได้พบและที่ท่านได้เห็นนั้น
ท่านก็ได้พบกับมิตรสหายที่น่ารัก
ท่านก็ได้พบกับความน่าชื่นใจจากคริสเตียนที่ดีอยู่บ่อยๆด้วยเช่นกัน
ท่านก็ได้พบกับความน่าชื่นใจจากคริสเตียนที่สัตย์ซื่อและรักพระเจ้าอยู่เสมอๆ
เพราะฉะนั้นคราวใดก็ตามที่น้องจูและพี่ - น้องอาจจะต้องเจอกับสถานการณ์ที่แย่ๆเฉกเช่นเดียวกับ อ. เปาโล เจอในตอนนี้ ขอหนุนใจให้น้องจูและพี่ - น้องได้ยอมรับต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และมองหาดวงดาวที่สุกใสในที่นี้ก็คือให้น้องจูมองหาคริสเตียนที่ดีสักคนหนึ่งเพื่อให้เกิดความชุ่มชื่นในหัวใจของน้องจูเสมอ
จากพระวจนะคำของพระเจ้าที่เราได้อ่านร่วมกันเราพบอะไร ?
ประการที่ 2เราพบสหายที่แสนดี
พี่ - น้องที่รักครับ พระคำของพระเจ้าใน 2 ทมธ.1:16-18 แม้ว่าจะหยิบขึ้นมามีเพียงแค่ 3 ข้อเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วมันก็ได้สอนอะไรแก่เรามากพอสมควร
พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 16 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า ดวงดาวที่สุกใสที่ อ. เปาโล ได้คิดถึงในที่คุมขังและเป็นเหตุทำให้ อ.เปาโล นั้นมีความชุ่มชื่นในหัวใจอยู่เสมอๆนั่นก็คือ ครอบครัวของ โอเนสิโฟรัส
พี่ - น้องที่รักครับ การที่เรามีเพื่อนที่เป็นคริสเตียนอยู่ที่คริสตจักรนู้นบ้าง อยู่ที่คริสตจักรนี้บ้าง หรือมีเพื่อนคริสเตียนอยู่ที่องค์กรนู้นบ้าง อยู่องค์การนี้บ้างก็เป็นเรื่องที่ดีนะครับ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ไม่ดี
แต่เมื่อมีวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา ขอให้พี่ - น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่า วิกฤตการณ์นั้นแหละจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า เพื่อนหรือว่ามิตรสหายที่เราคบนั้นเป็นอย่างไร
อ. เปาโล บอกกับ ทิโมธี ว่าวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้านี้ โอเนสิโฟรัสและครอบครัวของเขานั้น ได้แสดงคุณสมบัติออกมาให้กับ อ. เปาโล ได้แลเห็น 3 ประการด้วยกัน
ประการที่ 2.1 นั่นก็คือ โอเนสิโฟรัสและครอบครัวทำให้ อ. เปาโล นั้นได้ชื่นใจอยู่บ่อยๆ
พี่ - น้องที่รักครับ การที่คริสเตียนคนหนึ่ง ทำให้คริสเตียนอีกคนหนึ่งชื่นใจซึ่งภาษาอังกฤษใช้คำว่า Refresh ได้นั้นไม่ใช่ของง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ อ. เปาโล ด้วยแล้วยิ่งน่าจะยากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าท่านอยู่ในคุกที่มืดแถมอับชื้นและบางวันอาจจะเฉอะแฉะก็เป็นได้
แต่ อ. เปาโลได้บอกกับ ทิโมธี อย่างชัดเจนว่า พอท่านระลึกและนึกถึงครอบครัวของโอเนสิโฟรัสนี้ขึ้นมาทีไร จากอากาศในคุกที่มันแสนอับชื้นกับกลายเป็นอากาศที่สดชื่นขึ้นมาในทันที ซึ่งแท้ที่จริงแล้วองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ทรงสอนเราเอาไว้ว่าอย่างไรครับพี่ - น้อง
ในพระคัมภีร์ใหม่ องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงสอนเราว่า ให้คริสเตียนนั้นเป็นเกลือและเป็นแสงสว่างของโลก
แต่พระคำของพระเจ้าในตอนนี้ ท่าน อ. เปาโล ได้ให้ภาพกับเราอีกภาพหนึ่งนั่นก็คือ ให้เราเป็นคริสเตียนที่เปรียบเสมือนอากาศที่บริสุทธิ์และเราควรทำให้คนอื่นๆนั้น ได้สดชื่นขึ้นด้วย ผมขอบคุณพระเจ้า ที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อ โอเนสิโฟรัส ให้กับ อ. เปาโล ถึงในคุกเมื่อเกือบ 2,000 ปีที่ผ่านมา
และโดยเฉพาะในยุคนี้ สมัยนี้ น้องจูเองก็ดี , ผมเองก็ดี , ผู้รับใช้ของพระเจ้าอย่างพี่ใหม่ , วิวรณ์ , โตน เองก็ดี , รวมทั้งพี่ - น้องสมาชิกเองก็ดี ผมอยากจะบอกว่าทุกๆคน ควรที่จะมีเครื่องฟอกอากาศประจำตัวยี่ห้อนี้ พกเอาไว้ในชีวิตของท่านด้วยเช่นกัน
คำถามคือว่าเพราะอะไรครับ ? คำตอบอย่างง่ายๆนั่นก็คือว่า เพราะสังคมในยุคนี้ มันมีแต่เรื่องที่ทำให้เรานั้นต้องรู้สึกผิดหวัง ท้อใจ เศร้าใจอยู่ตลอดเวลาและในหลายๆ ครั้งคนที่ทำให้เราต้องรู้สึกแย่
พอเวลานอน เราก็ต้องเอามือก่ายหน้าผาก ซึ่งมันก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก มันคือใครครับพี่ - น้อง ? มันก็คือ พี่ - น้องคริสเตียนของเราเองนั่นแหละ
ให้ที่ประชุมเปิดไปที่ สภษ.17:17 พระคำของพระเจ้าตรัสว่ามิตรสหายก็มีความรักอยู่ทุกเวลาและพี่น้องก็เกิดมาเพื่อช่วยกันยามทุกข์ยาก
ดังนั้นพี่ - น้องที่รัก เราควรที่จะมองหาคนอย่างบารนาบัสซึ่งได้ชื่อว่าเป็นลูกแห่งการหนุนน้ำใจ เราควรมองหาคนอย่าง โอเนสิโฟรัส เอาไว้ในชีวิตของเราบ้างด้วยเช่นกัน และในขณะเดียวกันพี่ - น้องที่รัก เราเองก็ควรที่จะต้องเป็นคริสเตียนคนหนึ่งด้วยเช่นกัน ที่จะต้องคอยทำให้คนอื่นนั้น มีหัวใจที่ชุ่มชื่นด้วยเช่นกัน อาเมนไหมครับ โดยการหนุนใจเขาบ้าง ออกไปเยี่ยมเยียนเขาบ้าง โดยเฉพาะตอนที่เขากำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์บางอย่างในชีวิต
คำถามที่สำคัญก็คือว่า เราเป็นคริสเตียนที่ทำให้คนอื่นนั้น พอเขานึกถึงเราแล้ว เขารู้สึกสดชื่นเหมือนกับเขารู้สึกได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ เข้าไปข้างในเต็มปอดขึ้นบ้างหรือไม่ หรือชีวิตคริสเตียนของเรานั้นเป็นเหม็นกลิ่นที่อับชื้นในชีวิตของคนอื่น อันนี้เป็นคำถามที่พี่ - น้องไม่ต้องตอบแต่ให้พี่ - น้องได้พิจารณาดู
อ. เปาโล บอกกับ ทิโมธี ว่าวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้านี้ โอเนสิโฟรัสและครอบครัว ได้แสดงคุณสมบัติออกมาให้ อ. เปาโล ได้แลเห็น 3 ประการ
ประการที่ 2.2 นั่นก็คือ โอเนสิโฟรัสและครอบครัวนั้นไม่ได้รังเกียจโซ่ตรวนของเปาโล
พี่ - น้องที่รักครับ การที่ อ. เปาโล จะต้องถูกล่ามและติดโซ่ตรวนอยู่ในคุกมืดในครั้งนี้นั้น พี่ - น้องจะต้องมีความเข้าใจให้ตรงกันเสียก่อนว่า นี่มันไม่ใช่เป็นครั้งแรกของ อ. เปาโล ซึ่งคนโดยส่วนมากที่เห็นสภาพของ อ. เปาโล ซึ่งจะต้องติดอยู่ในโซ่ตรวนในแต่ละครั้งที่ผ่านๆมานั้นราวเหมือนกับ อ. เปาโล นั้นเป็นเหมือนดังฆาตกร
ซึ่งคนมักไม่ค่อยที่จะคิดถึงเหตุและผลว่า โดยแท้จริงแล้วทำไมผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าท่านนี้คือ อ. เปาโล ทำไมถึงจะต้องมาติดคุก หรือคนไม่ค่อยที่จะคิดถึงว่าการที่ อ. เปาโล ติดคุกในแต่ละครั้งนั้นเพราะสาเหตุอะไร ? เพราะสาเหตุอะไรพี่ - น้องทราบไหมครับ ?
อ. เปาโล ติดคุกไม่ใช่เพราะ 1. ยาบ้าหรือยาอี 2. การตัดไม้ทำลายป่า 3. การค้าเด็กและมนุษย์
อ. เปาโล พูดอยู่เสมอว่า ข้าพเจ้าไม่มีความละอายในข่าวประเสริฐ เพราะฉะนั้น อ. เปาโล ติดคุกในแต่ละครั้งนั้นมีเพียงคดีเดียวและเป็นคดีที่เด็ดมากๆนั่นก็คือ ติดคุกเพราะข่าวประเสริฐของพระเจ้า ซึ่งโดยส่วนตัวของผมเองนั้น ผมมีความเชื่ออย่างลึกๆและเป็นความเชื่ออย่างมั่นใจได้ว่า พี่ - น้องของเราที่นั่งอยู่ที่นี่หลายต่อหลายคนนะครับ ที่เพื่อนๆของท่าน ทั้งเพื่อนที่บ้าน , เพื่อนในที่ทำงาน รวมทั้งญาติสนิทหรือมิตรสหายของท่านด้วยนะครับ ยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำไปว่าท่านเองนั้นเป็นคริสเตียน
ซึ่งโดยส่วนตัวผมจะอธิษฐานเผื่อพี่ - น้องเหล่านี้เป็นพิเศษเพื่อที่พี่ - น้องเหล่านี้จะมีวิญญาณจิตแบบเดียวกันหรือชนิดเดียวกันกับที่ท่าน อ. เปาโล มีนั่นก็คือ ไม่มีความละอายในข่าวประเสริฐ
ซึ่งนั่นหมายความว่า ทุกๆครั้งที่ อ. เปาโล จะต้องถูกจับให้ติดคุกนั้นมันมีอยู่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นจริงๆนั่นก็คือ ติดคุกเพราะ 1. ประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า 2. เป็นพยานถึงราชอาณาจักรของพระเจ้า 3. เปาโลเป็นพวกเดียวกับพระคริสต์ที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน ซึ่งโดยแท้จริงแล้ว มันเป็นสิ่งที่ผู้เชื่อน่าจะมีความภูมิใจมากกว่า ที่เรามีผู้รับใช้พระเจ้าอย่าง อ. เปาโล หรือเป็นสิ่งที่พี่ - น้องน่าจะมีความภูมิใจมากกว่า ที่เรามีผู้รับใช้พระเจ้าที่อุทิศชีวิตและยอมที่จะเสียสละชีวิตของตน เพื่อยืนหยัดในหลักคำสอน ซึ่งเป็นแก่นหรือเป็นหลักที่สำคัญของคริสตศาสนา
แต่คนก็มักที่จะไม่คิดถึงในเรื่องนี้กันสักเท่าไหร่ นอกเหนือจากไม่ค่อยที่จะคิดถึงความจริงในเรื่องนี้แล้ว พี่ - น้องทราบไหมครับว่า คริสเตียนบางคนยังรังเกียจ อ. เปาโล อีกด้วย พี่ - น้องว่าจริงหรือไม่จริงครับ ถ้าไม่รังเกียจหรือไม่กลัวว่าตัวเองจะพลอยเดือดร้อนตามไปด้วย เขาจะพากัน ผงะ หรือหนีจาก อ. เปาโล กันไปหมดอย่างนั้นหรือ
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทบต่อจิตใจของ อ. เปาโล เป็นอย่างมาก ที่เห็นพี่ - น้องซึ่งเป็นผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ด้วยกันแท้ๆ ได้กระทำในสิ่งที่องค์พระเยซูคริสตเจ้าไม่ได้กระทำ นั่นก็คือ การทอดทิ้งงานของพระเจ้า
แต่โอเนสิโฟรัสและครอบครัวของเขากับไม่ได้เป็นเช่นนั้น พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า โอเนสิโฟรัส กับครอบครัวนั้นไม่ได้รังเกียจโซ่ตรวนของ อ. เปาโล แม้แต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้เองพี่ - น้องที่รัก อ. เปาโล จึงพูดกับ ทิโมธี ผ่านทางจดหมายว่า
ทิโมธีเอ๋ย ในเวลาเราลำบาก ในยามที่เราถูกทดลอง คุณเห็นคนที่เขายืนหยัดอย่างเช่น โอเนสิโฟรัสและครอบครัวแล้วใช่ไหม นี่คือสิ่งที่คุณควรเรียนรู้ อย่าได้รังเกียจโซ่ตรวนของเขาที่ต้องการยืนหยัดเพื่อความจริง
ซึ่งนั่นหมายความว่า ถ้าหากโอเนสิโฟรัสและครอบครัวของเขาจะต้องถูกทหารของรัฐบาลโรมนั้นจับกุมตัว ทิโมธีซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานและเป็นผู้ช่วยของ อ.เปาโล ก็จงอย่าได้รังเกียจโซ่ตรวนที่ล่ามเขาอยู่หรือทิโมธีก็ควรที่จะมาเยี่ยมเขาด้วยเช่นกัน
เช่นเดียวกันพี่ - น้องที่รัก ถ้าผมจะต้องถูกจับกุมในคดียาบ้าหรือคดีค้ามนุษย์หรือคดีอื่นๆ พี่ - น้องไม่จำเป็นที่จะต้องไปเยี่ยมผมนะครับ แต่ถ้าผมจะต้องถูกจับกุม เพราะข่าวประเสริฐของพระเจ้า พี่ - น้อง คจ.จสม.สส. ก็อย่ารีบ ผงะ หรือจากผมไปเสียก่อน หรืออย่าได้รังเกียจโซ่ตรวนที่ล่ามผมอยู่ และอย่าลืมซื้อข้าวคลุกกะปิกับมะขามคลุกไปเยี่ยมผมบ้าง อาเมน
อ. เปาโล บอกกับ ทิโมธี ว่าวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้านี้ โอเนสิโฟรัสและครอบครัวนั้น ได้แสดงคุณสมบัติออกมาให้ อ. เปาโล ได้แลเห็น 3 ประการ
ประการที่ 2.3 นั่นก็คือ เมื่อโอเนสิโฟรัสมาถึงกรุงโรม เขาได้อุตสาห์สืบหาข้าพเจ้าจนพบและรับใช้ท่าน
พี่ - น้องที่รักครับ โอเนสิโฟรัส คนนี้เขาอาจจะเป็นนักธุรกิจที่อาศัยอยู่ในเมืองเอเฟซัสก็เป็นได้ และเมื่อเขามีโอกาสได้เข้ามาค้าขายอะไรสักอย่างหนึ่งที่กรุงโรมแล้วเขามาทราบเรื่องอย่างนี้เข้า และโดยความรักและความผูกพันที่เขามีกับ อ.เปาโล นั้น เป็นเหตุทำให้เขาไม่รอช้าในการที่จะค้นหาว่า อ.เปาโล ในตอนนี้นั้นอยู่ที่ไหน
ความกระตือรือร้นของโอเนสิโฟรัสที่มีต่อ อ.เปาโล ในตอนนี้น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะมีนักศาสนศาสตร์บางคนกล่าวว่า เป็นความกระตือรือร้นที่ถูกกระตุ้นด้วยความรักของพระเป็นเจ้า
ด้วยเหตุนี้เองพี่ - น้องที่รัก เขาจึงยอมที่จะหยุดการค้า การขายของเขาทั้งหมด เพื่อที่จะออกค้นหาว่าโดยแท้จริงแล้วอ.เปาโลนั้นตอนนี้อยู่ที่ไหนโดยไม่คิดที่จะเสียดายชีวิตของตนแต่อย่างใด
พี่ - น้องที่รักครับ การติดตามหรือการค้นหา อ. เปาโล ของ โอเนสิโฟรัส ทำให้ผมคิดถึงพระคำของพระเจ้าในหนังสือ ยน.15:13 พระคำของพระเจ้าตรัสว่า ไม่มีผู้ใดที่จะมีความรักที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ คือการที่คนหนึ่งคนใด จะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน
ซึ่งจะว่าไปแล้วการค้นหา อ.เปาโล ในตอนนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยพี่ - น้องที่รัก เพราะในขณะนั้นอ.เปาโลติดอยู่ในคุกที่มืดและแสนจะอับชื้น และผู้คนที่รู้จักกับอ.เปาโล ในตอนนี้ต่างก็ได้ ผงะ ออกจากเมืองหลวงหรือออกจากกรุงโรมกันไปหมดแล้ว
แต่ โอเนสิโฟรัส กับเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นจริงๆพี่ - น้องที่รัก ที่กับวิ่งเข้าเมืองหลวงหรือวิ่งเข้ากรุงโรม เพื่อออกติดตามค้นหา อ.เปาโล ซึ่งการกระทำอย่างนี้ของ โอเนสิโฟรัส นั้นถือว่าอันตรายมากๆเพราะอะไรครับ ? เพราะ อ.เปาโล ในตอนนี้อยู่ในฐานะนักโทษประหาร
ดังนั้นถ้าใครก็ตาม ที่ออกติดตามถามไถ่ อ.เปาโล ในช่วงเวลาที่วิกฤตแบบนี้ก็อาจจะถูกถาม หรือถูกมองว่าเป็นผู้ต้องน่าสงสัย และหรืออาจจะถูกมองว่าเป็นพวกเดียวกันกับ อ.เปาโล ก็เป็นได้
แต่โอเนสิรัสเขาเสี่ยง เขาไม่กลัว ซึ่งในที่สุดเขาก็พบกับ อ.เปาโล จนได้และนี่คือมิตรสหายที่แสนดีเลิศของ อ.เปาโล โดยเฉพาะในวันที่ อ.เปาโล นั้นยากลำบาก
พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 16 ตรัสว่าขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเมตตาแก่ครอบครัวของโอเนสิโฟรัสด้วยเถิด ซึ่งนั่นหมายความว่า ภายหลังจากที่ โอเนสิโฟรัส ได้พบกับ อ.เปาโลในคุกแล้ว ในเวลาไม่นานนักท่านโฮเนสิโฟรัส ก็ได้จากไปอยู่กับพระเจ้า
ซึ่งนักศาสนศาสตร์บางคนก็ตีความว่าท่าน โอเนสิโฟรัส น่าจะเสียชีวิตแล้ว และในขณะที่ อ.เปาโลกำลังเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงทิโมธีอยู่ ก็เข้าใจได้ว่า อ.เปาโล ก็คงจะทราบข่าวการเสียชีวิตของท่าน โอเนสิโฟรัส แล้วเช่นกัน
ซึ่งโดยแท้จริงแล้ว โอเนสิโฟรัส นั้นไม่ได้รับใช้ท่าน อ.เปาโล เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เขายังรับใช้หรือช่วยเหลือคนอื่นๆอีกด้วย และสิ่งที่เขาทำนั้นก็เป็นไปอย่างเสมอต้นและเสมอปลาย
จอห์น เวสเล่ย์ ผู้รับใช้ของพระเจ้าที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ดังนี้ครับว่า จงทำดีแก่คนจำนวนมากที่สุด เท่าที่คุณจะทำได้ และให้ทำความดีให้มากที่สุด เท่าที่คุณจะทำได้ และหาช่องทางทำดีให้มากที่สุด เท่าที่คุณจะทำได้
สิ่งที่ผมอยากจะหนุนใจพี่ - น้องในเช้าวันนี้นั้นก็คือว่า ความดีทุกอย่างที่พี่ - น้องได้กระทำกับผู้รับใช้ของพระเจ้าไม่ว่าจะเป็นกับผมหรือไม่ว่าจะเป็นกับผู้รับใช้ของพระเจ้าท่านใดก็ตาม
ขอให้พี่ - น้องได้รู้และได้เข้าใจเถิดว่าโดยพระเมตตาของพระเจ้านั้น พระเจ้าจะประทานบำเหน็จให้กับท่าน เหมือนหนึ่งว่าท่านได้ทำถวายให้กับองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยเช่นกัน
และไม่ว่าใครจะจดจำในสิ่งที่ท่านทำ หรือไม่จดจำในสิ่งที่ท่านทำก็ตาม และไม่ว่าใครจะรู้ในสิ่งที่ท่านทำหรือไม่รู้ในสิ่งที่ท่านทำก็ตาม และหรือไม่ว่าใครจะเข้าใจในสิ่งที่ท่านทำหรือไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านก็ตามแต่
แต่พระเจ้าผู้ทรงสัพพญูญาณทรงรู้ ทรงจดจำ ทรงเข้าใจ และพระองค์จะทรงประทานบำเหน็จแห่งสวรรค์ให้กับท่านเสมอ อาเมน
เราผู้ซึ่งทำความดีไว้ในโลก แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้รับรางวัลทางวัตถุเหมือนอย่างที่คนในโลกนี้เขาได้รับกันแต่เราจะได้รางวัลจากสวรรค์หรือได้รับรางวัลจากพระเจ้าอย่างแน่นอน
พี่ - น้องที่รักครับ การรับโล่หรือการรับถ้วยรางวัล และหรือการรับวุฒิบัตรจากมือของมนุษย์ไม่ว่าเขาจะมีตำแหน่งอะไรก็ตาม เขารับกันเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น พี่ - น้องว่าจริงหรือไม่จริง ? พอถ่ายรูปเสร็จ จับมือ แล้วก็เสร็จกัน และรางวัลบางรางวัลที่เขารับๆกันนั้น มันก็ไม่ได้มีคุณค่าหรือมีความหมายอะไรสักเท่าไหร่นัก พี่ - น้องเชื่อผมเถอะ
เหตุเพราะพระเจ้าได้ให้โอกาสกับผม ที่ได้นั่งประชุมร่วมกับท่านรองผู้ว่าราชการ จ. สมุทรสงคราม เมื่อเดือนที่แล้ว จึงทำให้ผมทราบว่า บางรางวัลนั้นเขามีการแบ่งปันกัน คือ พลัดกันรับ พุทธรับบ้าง คริสต์รับบ้าง อิสลามรับบ้าง หรือที่นี่รับบ้าง ที่นู่นรับบ้าง เป็นต้น
แต่รางวัลที่เราจะได้รับจากพระเป็นเจ้านั้นไม่ใช่อย่างนั้น รางวัลที่เราจะรับจากพระเป็นเจ้านั้น เป็นรางวัลระดับฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก กล่าวคือ มันต้องใช้เวลาในการที่จะถือรางวัลในแต่ละรางวัลนั้นนานมากๆ เช่นเดียวกันกับ โอเนสิโฟรัส มิตรสหายที่แสนดีเลิศของท่าน อ.เปาโล ในตอนนี้ที่เขาจะต้องใช้เวลาในการถือรางวัลที่พระเป็นเจ้าได้ให้กับเขานานเกือบ 2,000 ปี
เหตุเพราะชื่อของเขานั้น ได้เคียงคู่กับพระกิตติคุณของพระเจ้ามาโดยตลอด และนี่คือรางวัลแห่งพระเมตตาของพระเจ้า ขอพระเจ้าที่จะช่วยเราทั้งหลาย ที่เรานั้นจะสนใจรางวัลของพระเจ้ามากกว่ารางวัลของมนุษย์ ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน
สรุป พระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้
ประการที่ 1. เราพบสหายที่แสนเลว
ประการที่ 2. เราพบสหายที่แสนดีเลิศและขอที่เราทั้งหลายจะเป็นเสมือนกับสหายคนที่ 2 นี้ ให้เราได้ร่วมใจกันอธิษฐาน