คำเทศนาเรื่อง สตรีที่ล้มลง
ปฐก.1:27 พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง
ก่อนที่พี่น้องจะลงมือทำอะไรสักอย่างหนึ่งขึ้นมา พี่น้องจะต้องทำอะไรก่อนครับ ? คิดขึ้นมา
ปฐก.1:27 บอกกับเราว่า นี่เป็นพระดำริหรือเป็นความคิดของพระเจ้า แต่พระเจ้าได้ลงมือสร้างมนุษย์ขึ้นมาหรือยังครับ ? พระเจ้ามาลงมือกระทำใน ปฐก.2:7
ปฐก.2:7 พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต พระเจ้าทรงสร้างผู้ชายขึ้นมาก่อนภายหลังจากนั้นพระเจ้าถึงสร้างผู้หญิงขึ้นมา
ปฐก.2:18 พระเจ้าตรัสว่า "ไม่ควรที่ชายผู้นี้จะอยู่คนเดียวเราจะสร้างคู่อุปถัมภ์ที่สมกับเขาขึ้น"
คำถามก็คือว่า พระเจ้าทรงสร้างคู่อุปถัมภ์ให้กับชายด้วยวิธีไหนครับ ?
ปฐก.2 : 21-23 แล้วพระเจ้าจึงทรงกระทำให้ชายนั้นหลับสนิท ขณะที่เขาหลับสนิทอยู่ พระองค์ทรงชักกระดูกซี่โครงอันหนึ่งของเขาออกมา แล้วทำให้เนื้อติดกันเข้าแทนกระดูกอย่างเดิม 22 ส่วนกระดูกซี่โครงที่พระเจ้าได้ทรงชักออกจากชายนั้น พระองค์ทรงสร้างให้เป็นหญิง แล้วทรงนำมาให้ชายนั้น 23 ชายจึงว่า "นี่แหละกระดูกจากกระดูกของเรา เนื้อจากเนื้อของเรา จะต้องเรียกว่าหญิง เพราะหญิงนี้ออกมาจากชาย"
พระคัมภีร์บอกกับเราว่า พระเจ้าทรงสร้างผู้หญิงขึ้นมาเพื่ออะไรครับ ? พระเจ้าได้ออกแบบมาให้ชายและหญิงเป็นคู่อุปถัมภ์ คำว่า “คู่อุปถัมภ์” มีความหมายว่า มีความรักความผูกพันทางฝ่ายร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณต่อกัน , มีความความผูกพันทางอารมณ์ต่อกัน . มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ณ.สวนเอเดนจุดนี้ทั้ง 2 คนยังมีความบริสุทธิ์และปราศจากบาป ทั้งชายและหญิง ณ.สวนเอเดน ตอนนี้ถือได้ว่าต่างมีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ถึงแม้ว่าผู้ชายจะถือกำเนิดก่อนก็ตาม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้ชายจะได้ปกครองผู้หญิง
ปฐก.3 ทำให้เราทราบว่ามันมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเริ่มจะเกิดขึ้นแล้ว 1 ในบรรดาสัตว์ป่าที่พระเจ้าทรงสร้างนั้นงูฉลาดกว่าหมด มันถามหญิงนั้นว่า"จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่า 'อย่ากินผลจากต้นไม้ใดๆในสวนนี้
ก้าวแรก ที่ทำให้เอวาเริ่มต้นที่จะล้มลงในความบาปนั่นก็ คือ เธอพาตัวเองเข้าไปใกล้ต้นไม้นั้น ซึ่งเป็นต้นไม้ที่พระเจ้าทรงสั่งห้ามเอาไว้ ซึ่งนั่นหมายความว่า เธอนำตัวเองไปยังที่ซึ่งเธอเองก็อยากจะถูกทดลอง เธอพาตัวเองเข้าไปในที่ๆไม่ควรอยู่
ชีวิตใน “ความเชื่อ” ของพวกเราก็เช่นเดียวกันครับพี่น้องที่รัก ที่เราจะต้องไม่พาตัวเองเข้าไปใกล้สู่การทดลอง ไม่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ๆไม่ควรอยู่
พี่น้องคงได้ยินข่าวว่ามีคนไทยบางคนติดโควิด-19 มาจากแหล่งบันเทิง บ่อนการพนันและฯลฯ คำถามคือว่า อยู่ดีๆ CV -19 มันจะมาติดเราได้ไหม ? แต่ที่เขาติดกันเพราะอะไรครับ ? เพราะเขาไปอยู่ในที่ๆไม่ควรอยู่ เพราะเขาพาตัวเองเข้าไปสู่การแพร่ระบาดนั้น
ก้าวต่อไปที่ทำให้เอวาเริ่มต้นที่จะล้มลงในความบาปนั่นก็คือ เธอเริ่มมอง , เธอเริ่มจดจ่อในผลไม้ต้องห้ามนั้นนานเกินไป คำถามก็คือว่า ชีวิตในความเชื่อของพี่น้องจดจ่ออยู่ที่อะไรครับ ?
ถ้าชีวิตคริสเตียนของพี่น้องและผมไม่ได้โฟกัสหรือไม่ได้จดจ่ออยู่ที่พระเจ้าแล้ว โดยเฉพาะในยุคนี้ สมัยนี้ บอกได้คำเดียวว่ามันอันตรายมากครับ ?
ปฐก.4:7 “บาปก็หมอบอยู่ที่ประตู อยากตะครุบเจ้า เจ้าจะต้องเอาชนะบาปนั้นให้ได้"
ก้าวต่อไปที่ทำให้เอวาเริ่มต้นที่จะล้มลงในความบาปนั่นก็คือเธอฟังเสียงของซาตาน ยน.10 บอกกับเราว่า แกะต้องฟังเสียงของผู้เลี้ยง
พี่น้องยังจำได้ไหมครับว่าเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้บอกกับพี่น้องไปแล้วนะครับว่า พระเจ้าทรงออกแบบมนุษย์ขึ้นมาเพื่อให้เรานั้นนมัสการ สรรเสริญ เข้าส่วนในพันธกิจของพระเจ้าอีกทั้งสามัคคีธรรมกับพระองค์ แต่นี่เอวากับเข้าสู่การสนทนากับซาตาน พี่น้องคิดว่ามันจะเหลืออะไร ?
คำถามก็คือว่า เวลานี้พี่น้องสนทนากับพระเจ้ามากกว่ามนุษย์หรือสนทนากับมนุษย์มากกว่าพระเจ้า ?
ซาตาน มันใช้การตั้งคำถามเพื่อให้เอวานั้นเกิดความสงสัยในพระเจ้า ซึ่งการตั้งคำถามนี้ เป็นวิธีหนึ่งที่ซาตานมันใช้มาตั้งแต่สวนเอเดนและก็ยังใช้ได้ผลจนถึงปัจจุบันนี้
ซาตานมันใช้คำพูดที่ว่า “จริงหรือ” “ไม่จริงดอก” “เธอกินแล้วนอกจากเธอจะไม่ตายแล้วเธอจะผุดพ่องกว่านี้อีก” “พระเจ้าจะเก็บไว้กินคนเดียวสิ”
พี่น้องเห็นอะไรไหมครับ ? ซาตาน มันพยายามเปลี่ยนแปลง1) เนื้อหาสาระ 2) ความจริงของพระเจ้า 3) ซาตาน มันพยายามทำให้เอวานั้นเริ่มคิดตาม 4) ซาตาน มันพยายามทำให้เอวานั้นมี ความไม่พึงพอใจในชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง 5) ซาตานมันพยายามคะยั้นคะยอว่ากินเถอะ พระเจ้าไม่ถือสาหาความอะไรเธอหรอก
ปฐก. 3:3 ทำให้เราทราบว่า เอวาสนทนากับซาตานว่าอย่างไรครับ ? ปฐก .3:3 เว้นแต่ผลของต้นไม้ ที่อยู่กลางสวนนั้นพระเจ้าตรัสห้ามว่า 'อย่ากินหรือถูกต้องเลย มิฉะนั้นจะตาย
แต่โดยแท้จริงแล้วพระเจ้าพูดกับอาดำ - เอวาไว้อย่างไรครับ
ปฐก.2:16-17 พระเจ้าจึงทรงบัญชาแก่มนุษย์นั้นว่า "บรรดาผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้ เจ้ากินได้ทั้งหมด เว้นแต่ต้นไม้แห่งความสำนึกในความดีและความชั่ว ผลของต้นไม้นั้นอย่ากิน เพราะในวันใดที่เจ้าขืนกิน เจ้าจะต้องตายแน่"
คำพูดของเอวาขัดแย้งกับคำตรัสของพระเจ้า “อย่าแตะต้องมัน” “มิฉะนั้นอาจถึงตาย” สิ่งที่พระคำของพระเจ้ากำลังจะบอกกับพี่น้องนั่นก็คือว่า เวลานี้มีคำเทศน์คำสอน 1) ที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งพระคำของพระเจ้าอยู่มาก 2) ที่มีการตีความหมายที่ไม่ถูกต้องเยอะแยะมากมายในเวลานี้ทั้งใน FB และใน UTUBEยิ่งถ้าพี่น้องไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ ไม่ได้เฝ้าเดี่ยวด้วยแล้วพี่น้องก็จะเป็นเหมือนเอวาในตอนนี้ก็เป็นได้ คือ ถูกชักจูงไปได้ง่าย
เมื่อเอวาพาตัวเองเข้าไปใกล้ต้นไม้นั้น เมื่อเอวาเริ่มจดจ่อในผลไม้ต้องห้ามนั้น เมื่อเอวาเริ่มที่จะฟังเสียงของซาตานมากกว่าพระเจ้า เมื่อเอวาเริ่มที่จะมีความไม่พึงพอใจในชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองตามคำโกหกของซาตาน
ปฐก.3:6 เมื่อหญิงนั้นเห็นว่า ต้นไม้นั้นน่ากิน และน่าดูด้วย ทั้งเป็นต้นไม้ที่มุ่งหมายจะให้เกิดปัญญา จึงเก็บผลไม้นั้นมากิน แล้วส่งให้สามีกินด้วยเขาก็กิน
ผมน้องจำคำนี้ไว้ให้ดีๆนะครับ บาปเกิดได้บ่อยครั้งเท่าที่เราเปิดโอกาสให้กับมัน โดยแท้จริงแล้วเมื่อเอวาพบกับซาตาน เอวาควรที่จะรีบหนีให้ไกล แต่นี่กับตรงกันข้าม เอวากับเปิดโอกาสให้กับซาตานครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดเอวาก็สำเร็จในบาปนั้น
คำถามคือว่า เมื่อเอวาทำบาปนั้นสำเร็จมีอะไรเกิดขึ้น ?
ปฐก.3:8-11 เวลาเย็นวันนั้น เขาทั้งสองได้ยินเสียงพระเจ้าเสด็จดำเนินอยู่ในสวน ชายนั้นกับภรรยาก็หลบไปซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้ในสวนนั้น ให้พ้นจากพระพักตร์พระเจ้า
9 พระเจ้าทรงเรียกชายนั้นและตรัสถามเขาว่า "เจ้าอยู่ที่ไหน" 10 ชายนั้นทูลว่า "ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวนก็เกรงกลัว เพราะข้าพระองค์เปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัวเสีย" 11 พระองค์จึงตรัสว่า "ใครเล่าบอกเจ้าว่าเจ้าเปลือยกาย เจ้ากินผลไม้ที่เราห้ามมิให้กินนั้นแล้วหรือ"
เมื่อเอวาล้มลงในความบาป ทำให้ในเวลานี้เอวารู้สึกถึงความผิดชอบชั่วดี เขารู้ถึงความกลัวว่าเป็นอย่างไร เขารู้ถึงความความอับอายว่าเป็นเช่นไร ซึ่งพระเจ้าไม่ได้ระบายลมปราณนี้ลงไปในชีวิตของมนุษย์
เมื่อพระเจ้าเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า อาดำเจ้าอยู่ที่ไหน ? ผมเคยบอกพี่น้องไปแล้วนะครับว่า พระลักษณะของพระเจ้าอย่างหนึ่งนั่นก็คือเป็นองค์สัพพัญญูญาณ
จำเป็นไหมที่องค์สัพพัญญูญาณต้องถามอาดำว่า เจ้าอยู่ที่ไหน ? พระองค์ทรงรู้อยู่แล้วไม่ใช่เพียงอาดำ-เอวาหลบซ่อนที่ไหนแต่พระเจ้าทรงรู้ด้วยว่าทั้ง 2 คนได้ทำอะไรลงไป
แต่คำถามนี้ หมายถึง จิตวิญญาณที่บริสุทธิ์และปราศจากบาปของเจ้าตอนนี้เป็นเช่นไร ? 10 ชายนั้นทูลว่า "ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวนก็เกรงกลัว เพราะข้า พระองค์เปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัวเสีย" 11 พระองค์จึงตรัสว่า "ใครเล่าบอกเจ้าว่าเจ้าเปลือยกาย เจ้ากินผลไม้ที่เราห้ามมิให้กินนั้นแล้วหรือ"
อาดำตอบกับพระเจ้าในข้อที่ว่า 12 ชายนั้นทูลว่า "หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่กินกับข้าพระองค์นั้น ส่งผลไม้นั้นให้ข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงรับประทาน"
พี่น้องคิดว่าพระเจ้าคาดหวังคำตอบจากอาดำเช่นไร ?
พระเจ้าคาดหวังว่าอาดำนั้นจะสารภาพบาปกับพระเจ้า
พี่น้องคิดว่าถ้าอาดำสารภาพบาปนั้นกับพระเจ้าเรื่องจะจบไหมครับ ? 1ยน.1:9 ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น
นอกจากอาดำจะไม่สารภาพบาปกับพระเจ้าแล้ว อาดำยังไม่ยอมรับว่าตัวเขานั้นได้เข้าส่วนในความผิดบาปนั้นกับเอวาด้วย อีกทั้งอาดำยังได้ตำหนิพระเจ้าด้วยว่า พระองค์ได้สร้างคู่อุปถัมภ์ขึ้นมาให้กับเขานั้นไม่ดี
คำถามคือว่า พระเจ้านับความผิดว่าอาดำได้เข้าส่วนกับเอวาตั้งแต่ตอนไหนครับ ? ตั้งแต่ที่เอวาเริ่มจะทำบาปแล้วไม่เตือน เราเองก็เช่นเดียวกันพี่น้องที่รัก เมื่อเราเห็นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่จะไปทำบาป
Ex.เราเห็นคนจะไปทำแท้งแล้วเราเฉยๆ นั่นเท่ากับเราได้เข้าส่วนในความบาปนั้น ระดับของความผิดในข้อหาการฆ่าคนในสายพระเนตรของพระเจ้านั้นเท่าๆกับคนที่ไปทำแท้ง
ปฐก.3:13 พระเจ้าตรัสถามหญิงว่า "เจ้าทำอะไรไป" หญิงนั้นทูลว่า "งูล่อลวงข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงได้รับประทาน"
เอวานอกจากจะไม่สารภาพความบาปนั้นกับพระเจ้าแล้วเธอยังได้ทำอะไรอีกครับ ? ปฏิเสธและโยนความผิดนั้นไปให้กับซาตานที่มาล่อล่วงเธออีกด้วย
ปัจจุบันนี้มนุษย์ทุกคนมีวิญญาณนี้อยู่ในชีวิต สังเกตตอนที่เราไปทำผิดอะไรมา เรามักจะหลบๆซ่อน เรามักที่จะไม่ยอมรับผิดเรามักจะหาคนเข้าข้าง เรามักจะโยนความผิดไปให้คนอื่นและเราจะยอมรับผิดตอนที่มีหลักฐาน
14 พระเจ้าจึงตรัสแก่งูว่า "เพราะเหตุที่เจ้าทำเช่นนี้ เจ้าจะต้องถูกสาปแช่งมากกว่า สัตว์ใช้งานและสัตว์ป่าทั้งปวง จะต้องเลื้อยไปด้วยท้อง จะต้องกินผงคลีดินจนตลอดชีวิต
เมื่อมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น พระเจ้าทรงตรัสถามทั้งอาดำ-เอวา ว่าเกิดอะไรขึ้น ? คำถามก็คือว่า พระเจ้าทรงตรัสถามซาตานไหมครับว่า ซาตานเจ้าอยู่ที่ไหนหรือเจ้าทำอะไรลงไป ?
จากพระคำของพระเจ้าในตอนนี้จะเห็นว่าพระเจ้าไม่คุยกับซาตาน พระเจ้าไม่งัดข้อกับซาตาน แต่พระเจ้าจัดการกับซาตานด้วยการตัดสิน / ปรับโทษและป่าวประกาศคำสาปแช่งนั้นออกไปในทันที
คริสเตียนส่วนมากมักตีความเข้าข้างตนเองว่าอย่าตัดสินพี่น้อง ต้องใช้ความรัก แต่จะใช้ความรักโดยช่วยกันปกปิดความบาปได้ไหมครับ ? คริสเตียนเราจะไม่ตัดสินกันเพียงเรื่องเดียวคือใครรอดหรือไม่รอด ใครจะได้เข้าสวรรค์หรือใครจะไม่ได้เข้าสวรรค์ เพราะนี่เป็นพระราชอำนาจของพระเจ้า
1 จากเป็นงูที่ใช้ขาเดินตรงๆ จากนี้ต่อไปใช้ท้องและลำตัวเดินไปตามผงคลีดิน 2) ให้มนุษย์และซาตานเป็นศัตรูกัน 3)ให้ส้นเท้าของมนุษย์ฟกช้ำ แต่พงศ์พันธุ์ของหญิงจะทำให้หัวของซาตานแหลกไป
ข้อนี้เป็นพระสัญญาที่ว่า แม้ว่าซาตานจะล่อลวงให้มนุษย์ทำบาปแต่พระเจ้าจะทรงพระผู้ช่วยให้รอดเข้ามาในโลกผ่านทางผู้หญิงแล้วอำนาจของความบาปจะถูกทำลายลง
และพระเจ้าทรงตัดสิน / ปรับโทษและป่าวประกาศคำสาปแช่งกับอาดำดังนี้ 1) ผืนดินที่เคยชุ่มชื่น มีความอุดมสมบูรณ์จากนี้จะแห้งแล้ง 2) ในสวนเอเดนที่เจ้าเคยมีชีวิตอยู่ด้วยการนมัสการ อธิษฐาน เป็นหุ้นส่วนในการดูแลสวนของพระเจ้าและมีสามัคคีธรรมกับเรา จากนี้ไปต้องออกไปทำงานหนักมีความเห็นเหนื่อยเมื่อยล้า และ 3) เราสร้างเจ้ามาจากดินจงกลับกลายเป็นผงคลีดิน
และพระเจ้าทรงตัดสิน / ปรับโทษและป่าวประกาศคำสาปแช่งกับเอวาดังนี้ 1) ให้ความทุกข์ทรมานตั้งแต่แรกตั้งครรภ์ไปจนถึงคลอดบุตร 2)เนื่องจากดูแลตัวเองไม่ได้ให้เจ้าอยู่ภายใต้การปกครองของสามี
และเนื่องจากทั้ง 2 เป็นคู่อุปถัมภ์กัน พระเจ้าได้ทรงตัดสินและปรับโทษให้ทั้ง 2 คนนี้ออกไปจากสิ่งแวดล้อมที่สวยงามนี้ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไป คือ ถูกขับให้ออกไปจากสวนเอเดนนั่นเอง
ผลจากความบาปนำมาซึ่งความเจ็บปวด , ความทุกข์ทรมาน , ความเป็นทาส , หนามแหลมคม , ความเหนื่อยยากตรากตรำ , ความโศกเศร้าเสียใจ , ความตาย
เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับการเสด็จเข้ามาในโลกขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า พระคัมภีร์บอกกับเราว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงรับการปรับโทษทุกอย่างแทนเราทั้งหลายแล้วและการที่พระองค์ทรงฟื้นและเป็นขึ้นมาจากความตายทำให้ศีรษะหรืออำนาจของซาตานนั้นต้องแหลกและพินาศไป